หน้าอ้วน เกิดจากอะไร ลดแบบไหนให้ได้ผลจริง?

อีกหนึ่งปัญหารูปหน้าที่มักจะทำให้หลายคนกลุ้มใจ นั่นก็คือ “หน้าอ้วน” และถึงแม้ว่าในบางคนจะไม่ได้มีรูปร่างที่อ้วน น้ำหนักตัวไม่เพิ่ม แต่กลับมีปัญหาหน้าอ้วนตัวผอม จนสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะสาเหตุอะไร วันนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องนี้ ทั้งสาเหตุ ลักษณะของใบหน้าที่อ้วน รวมถึงวิธีแก้ไขอย่างถูกจุด ซึ่งทำแล้วได้ผลจริง เห็นผลได้ไว ช่วยให้รูปหน้ากลับมาดูเรียวเล็ก มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจ “หน้าอ้วน” ลักษณะเป็นอย่างไร?
หน้าอ้วน จะมีลักษณะใบหน้าที่ดูบวม กลม และมีไขมันสะสมมากกว่าปกติ มักสังเกตได้จากแก้มที่ใหญ่ ขากรรไกรหรือแนวกรอบหน้าไม่ชัด มีคางสองชั้น บางรายอาจมีกรามใหญ่ร่วมด้วย ซึ่งทำให้ใบหน้าดูบานและอวบอ้วนมากขึ้น แม้น้ำหนักตัวจะไม่มากก็ตาม ซึ่งลักษณะหน้าบาน หน้าบวม ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเวลาที่ส่องกระจกหรือเวลาถ่ายรูป
ปัญหาหน้าอ้วนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมไขมันเฉพาะจุด การบวมน้ำ หรือกล้ามเนื้อกรามที่ทำงานหนักเกินไปจากการเคี้ยวหรือขบฟันเป็นประจำ ทำให้กรามดูใหญ่ขึ้นและส่งผลให้หน้าดูอวบมากขึ้น การเข้าใจถึงลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีลดไขมันที่หน้า หรือวิธีอื่น ๆ เพื่อแก้ไขได้ถูกจุดมากขึ้น
สาเหตุหน้าอ้วน เกิดจากอะไรได้บ้าง?
ปัญหาหน้าอ้วนเกิดจากอะไร ทำไมหลายคนถึงมีปัญหาหน้าอ้วนตัวผอม สำหรับในคนที่มีลักษณะใบหน้าที่ดูอ้วน หน้าบวม มักเกิดได้จากไขมันสะสมที่อยู่บริเวณใบหน้า หรือในบางคนอาจพบไขมันที่เฉพาะจุด เช่น แก้ม หรือเหนียงใต้คาง ซึ่งที่มาของไขมันสะสมส่วนเกินอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
- อาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียม ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด หรือเนื้อสัตว์ติดมัน ยังส่งผลให้ไขมันสะสมในร่างกายได้ง่าย ทำให้หน้าอ้วน มีเหนียง
- ไม่ออกกำลังกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้มีการสะสมไขมันส่วนเกินไว้ตามจุดต่าง ๆ รวมถึงใบหน้า ทำให้หน้าดูกลมและบวม
- พันธุกรรม ในบางคนมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันบริเวณใบหน้าได้ง่าย โดยเป็นผลจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากคนในครอบครัว เช่น โครงหน้าที่มีกรามใหญ่ ทำให้หน้าบาน หรือมีแก้มเด่น ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าอ้วนขึ้นได้
- อาการเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันที่ใบหน้าและลำตัว นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลรู้สึกหิวมากขึ้น หรือทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้มีไขมันส่วนเกิน
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ หรือยารักษาโรคบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการบวมน้ำหรือเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกาย ทำให้หน้าดูกลมและอวบขึ้น
- พักผ่อนน้อย หรือคุณภาพการนอนไม่ดี จะส่งผลให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน โดยเฉพาะฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญ ทำให้เกิดการกักเก็บไขมันและน้ำ ส่งผลให้ใบหน้าอ้วนและดูบวมกว่าปกติ
อ่านเพิ่มเติม : วิธีลดเหนียง มีอะไรบ้าง แบบไหนที่เหมาะกับเรา
วิธีแก้ไม่ให้หน้าอ้วน หน้าบวม แบบธรรมชาติ
หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อส่องกระจกแล้วพบว่าใบหน้าอ้วน หรือดูบวมขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยและยั่งยืน
1. ควบคุมอาหาร
หน้าอ้วนลดยังไง จะต้องเริ่มจากควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือขนมขบเคี้ยว รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง ควรเลือกทานอาหารสดใหม่ ลดเค็ม เพิ่มผักผลไม้ และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อช่วยช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ปกติและขับของเสีย ช่วยลดอาการบวมน้ำ
2. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน รวมถึงไขมันบริเวณใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยการนวดหน้าหรือทำโยคะหน้า (Face Yoga) เพื่อกระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
ตัวอย่างท่าโยคะหน้า
- ท่ายิ้มกว้าง ยิ้มให้กว้างที่สุดโดยไม่ห่อไหล่ กลั้นไว้ 5 วินาที แล้วปล่อย ทำซ้ำ 10 ครั้ง
- ท่าพองลมแก้ม สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพองลมแก้ม ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นเป่าลมออก ทำซ้ำ 5-10 รอบ
- ท่าเงยหน้า เงยหน้ามองเพดาน แล้วขยับปากทำท่า “จูบเพดาน” จะช่วยกระชับช่วงกรามและลำคอ
3. ปรับพฤติกรรมชีวิตประจำวัน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์บ่อยครั้ง หรือการรับประทานของหวานและของมันตอนดึก สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกาย หากปรับเปลี่ยนได้ เช่น เข้านอนให้ตรงเวลา พักผ่อนให้พอ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และเลี่ยงการกินมื้อดึก ก็จะช่วยลดการสะสมของไขมันได้ นอกจากนี้ การปรับท่านอน เช่น การนอนยกหมอนให้สูงเล็กน้อย จะช่วยลดอาการหน้าอ้วนบวมตอนเช้าได้อีกทางหนึ่ง
วิธีแก้ไม่ให้หน้าอ้วน หน้าบวม แบบเร่งด่วนด้วยเทคโนโลยีด้านความงาม
สำหรับใครที่ต้องการลดหน้าอ้วน ลดหน้าบวมอย่างเร่งด่วน ไม่อยากรอนาน หรือดูแลตัวเองแล้วแต่ยังไม่ค่อยเห็นผล ปัจจุบันมีเทคโนโลยีด้านความงามหลากหลายรูปแบบที่ช่วยให้เห็นผลไว ภายใต้การดูแลของแพทย์
1. การดูดไขมัน
การดูดไขมัน บริเวณใบหน้า เช่น ใต้คาง (เหนียง) เพื่อลดหน้าอ้วน เป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว โดยสามารถกำจัดไขมันสะสมได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในจุดเฉพาะที่ลดด้วยวิธีธรรมชาติได้ยาก แต่หลายคนอาจกังวลว่า “การดูดไขมันอันตรายไหม ?” ในความเป็นจริงแล้ว หากเลือกทำโดยแพทย์ที่มีทักษะและมีความชำนาญ ทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน โอกาสที่จะเกิดอันตรายน้อยมาก นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การดูดไขมันได้อย่างอ่อนโยนและลดโอกาสเสี่ยงต่อผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์มากขึ้น เช่น
- โปรแกรม Body-Jet เป็นเทคโนโลยีการดูดไขมันด้วยแรงดันน้ำ ช่วยแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อได้อย่างนุ่มนวล ลดความบอบช้ำของผิวหนัง เสียเลือดน้อย และระยะเวลาพักฟื้นสั้น เหมาะกับบริเวณที่บอบบางอย่างที่ใบหน้า
- โปรแกรม J-Plasma เทคโนโลยีพลาสมาฮีเลียมและคลื่นวิทยุ (RF) ที่สามารถใช้ควบคู่กับการดูดไขมัน ช่วยยกกระชับผิวภายในหลังดูดไขมัน ลดโอกาสที่ผิวจะหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับ
2. โปรแกรมฟิลเลอร์
โปรแกรมฟิลเลอร์ ไม่ได้แค่ “เติมเต็ม” แต่ยังเป็นเทคนิคในการ “ยกกระชับปรับรูปหน้า” ที่ช่วยเสริมจุดเด่นและลดจุดด้อย โดยไม่ต้องศัลยกรรม เช่น การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณโหนกแก้มจะช่วยยกแก้มหย่อนคล้อยยกกระชับ พร้อมสร้างเงาธรรมชาติให้ใบหน้าดูเรียวยาวมากขึ้น ในขณะที่การฉีดบริเวณคาง ทำให้ใบหน้าสั้นกลมดูเรียวยาว และบริเวณกรอบหน้า จะช่วยปรับแนวกรามให้ชัดเจนขึ้น ทำให้รูปหน้าเรียวขึ้น ส่วนการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับ ซึ่งเป็นจุดที่มักสูญเสียปริมาตรเมื่ออายุมากขึ้น ก็สามารถช่วยเสริมรูปหน้าให้ดูสมส่วนและเข้ารูปแบบ V-Shape ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อ่านเพิ่มเติม : โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ทำครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง
3. โปรแกรมโบท็อกซ์
ต่อมาเป็นการทำโปรแกรมโบท็อกซ์ ด้วยตัวยาโบทูลินัมท็อกซินที่ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณกราม เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าบาน ใบหน้าดูอ้วน หรือใบหน้าดูกว้างจากกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาก เช่น คนที่ชอบเคี้ยวของแข็งหรือมีนิสัยนอนกัดฟัน หลังฉีดแล้วจะเริ่มเห็นผลใน 7 – 14 วัน และผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ใบหน้าจะค่อย ๆ เรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพักฟื้น
4. โปรแกรม HIFU
โปรแกรม HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า ช่วยยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้มและเหนียง ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 1 – 2 เดือนโดยไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากใช้วิธีฉีดหรือการผ่าตัด
5. โปรแกรม Venus Legacy
ลดหน้าอ้วน ลดหน้าบวม ด้วยโปรแกรม Venus Legacy ที่ผสานพลังงาน Multi-Polar Radio Frequency (RF) ร่วมกับ Pulsed Electromagnetic Fields (PEMF) และระบบดูดสุญญากาศ (Vacuum Technology) เพื่อช่วยลดไขมันใต้ผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และยกกระชับผิวหน้าได้ในคราวเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าบวมจากการกักเก็บน้ำ หรือมีไขมันสะสมไม่มาก ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปและสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกเจ็บ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดปัญหาหน้าบวมและหน้าอ้วนอย่างนุ่มนวลแต่มีประสิทธิภาพ
6. โปรแกรม Thermatight
โปรแกรม Thermatight ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อยกกระชับผิวและลดไขมันไปพร้อมกัน นิยมใช้บริเวณเหนียงและกรอบหน้า ช่วยให้ผิวตึงขึ้น รูปหน้าดูชัดเจน ลดหน้าอ้วน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวแน่นและอิ่มฟูขึ้นด้วย เหมาะกับผู้ที่มีอายุเริ่มมีผิวหย่อนคล้อย และต้องการผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงการผ่าตัดแต่ไม่อยากพักฟื้นหลังทำ
7. โปรแกรม Ultraformer III
หน้าอ้วน ลดยังไงให้ได้ผล แนะนำโปรแกรม Ultraformer III เป็นเทคโนโลยี High Intensity Focused Ultrasound รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาประสิทธิภาพให้แม่นยำขึ้น ช่วยลดไขมันและยกกระชับใบหน้าอย่างอ่อนโยน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดแก้ม ลดเหนียง และยกกรอบหน้าให้ชัดขึ้น ซึ่งหลังทำครั้แรกจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 1 – 2 เดือนหลังทำ
8. โปรแกรม Morpheus8
วิธีลดหน้าอ้วนด้วยโปรแกรม Morpheus8 คือ เทคโนโลยีคลื่นพลังงาน RF ผสานกับ Microneedling ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวยกกระชับและลดไขมันเฉพาะจุด เช่น เหนียงหรือแก้มล่าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไม่เรียบเนียน มีปัญหารูขุมขนกว้าง ต้องการปรับหน้าเรียว เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ซึ่งผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นใน 2 – 4 สัปดาห์ โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนในช่วง 1 – 3 เดือน และสามารถทำร่วมกับโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ลดหน้าอ้วนใน 1 อาทิตย์ ได้ผลจริงไหม?
หลายคนที่อยากมีใบหน้าที่เรียวเล็กแบบเร่งด่วน มักสงสัยว่า “ลดหน้าอ้วนใน 1 อาทิตย์จะเป็นไปได้จริงไหม?” คำตอบ คือ “สามารถทำได้” แต่ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละคน หากใบหน้าดูอ้วนจากอาการบวมน้ำ เช่น พักผ่อนน้อย กินเค็ม ดื่มแอลกอฮอล์ หรือฮอร์โมนแปรปรวน การลดหน้าอ้วนใน 1 สัปดาห์สามารถเห็นผลชัดเจนได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรม เช่น นอนให้พอ ดื่มน้ำมากขึ้น ลดโซเดียม และงดแอลกอฮอล์
หน้าอ้วนแก้ยังไง หากเป็นกรณีที่มีไขมันสะสมที่บริเวณใบหน้า เช่น ไขมันแก้ม หรือมีเหนียงจากกรรมพันธุ์ หรืออายุ การลดใน 1 สัปดาห์ด้วยวิธีธรรมชาติอาจยังเห็นผลได้ยังไม่ชัดเจน จึงต้องใช้เทคโนโลยีความงามเข้าช่วย เช่น โปรแกรม HIFU, โปรแกรม Ultraformer หรือในรายที่มีปัญหากรามใหญ่ที่ทำให้หน้าบาน หน้าใหญ่ หน้าไม่เรียว ด้วยโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอย่างถูกจุดและทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
สรุป : ถ้าในกรณีเป็นอาการบวมน้ำหรือเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การลดหน้าอ้วนใน 1 อาทิตย์ทำได้จริงและเห็นผลเร็ว แต่ถ้าเป็นไขมันสะสมอาจต้องใช้เวลาหรือพึ่งเทคโนโลยีร่วมด้วยเพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้นในเวลาสั้น แต่ในรายที่มีปัญหาหน้าใหญ่ที่เกิดจากกล้ามเนื้อกรามจะต้องใช้วิธีทางการแพทย์ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแรงบดเคี้ยวบ่อย ๆ
สรุป
การลดหน้าอ้วน หน้าบวม สามารถทำได้ทั้งวิธีธรรมชาติและเทคโนโลยีความงาม ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของแต่ละคน หากดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการเลือกเทคนิคที่เหมาะสม ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาไม่นาน สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าปัญหาหน้าอ้วนที่เป็นอยู่จะต้องใช้เทคนิคแบบใด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์รูปหน้าอย่างละเอียด พร้อมวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์กับความต้องการ รูปหน้าที่เรียวสวยยกกระชับ
Post Info
Social Media


โปรแกรมฟิลเลอร์กรอบหน้าช่วยอะไรบ้าง ฉีดตรงไหนดี เติมเต็มรูปหน้าให้คมชัด

ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หลุมสิวดีไหม เห็นผลนานแค่ไหน ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร
