loader image

ดูดไขมันอันตรายไหม? เข้าใจความเสี่ยง เพื่อความปลอดภัย ที่ AM International Hospital

ดูดไขมันอันตรายไหม

    หลายคนที่อยากดูดไขมันเป็นครั้งแรกย่อมมีความกังวลว่า “ดูดไขมันอันตรายไหม” รวมถึงอาจเคยได้พบหรือได้ยินข้อมูลมาไม่เหมือนกัน เพราะบางคนแชร์ประสบการณ์ที่ดีหลังดูดไขมัน แต่ในขณะที่บางคนบอกว่าเสี่ยง ไม่ควรทำ สรุปแล้วข้อเท็จจริงคืออะไร การดูดไขมันอันตรายไหม มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้เสี่ยงอันตราย ต้องพิจารณาอะไรบ้างก่อนตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อเป็นตัวช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

ดูดไขมันอันตรายไหม? คำถามสำคัญที่ต้องรู้คำตอบ

    “การดูดไขมันอันตรายไหม ขึ้นอยู่กับเลือกทำที่ไหน ทำกับใคร” แม้ว่าการดูดไขมันจะเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ช่วยลดไขมันสะสม ปรับรูปร่างให้กระชับขึ้น สัดส่วนลดลง ให้ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่การดูดไขมันก็ยังคงเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยง รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เป็นอันตรายร้ายแรงได้เช่นกัน หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญหรือทำในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน

ในปัจจุบัน การดูดไขมันมีการพัฒนาในด้านเทคนิคและเทคโลโนโลยีค่อนข้างมาก ผสานกับทักษะและความชำนาญของแพทย์ ทำให้อัตราการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงและการเสียชีวิตลดลงมากเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินสภาพร่างกายของผู้รับบริการ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลหลังทำหัตถการอย่างใกล้ชิด

รู้จักความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน

     แม้โปรแกรมดูดไขมันจะเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยม และสามารถให้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ โดยเฉพาะหากทำในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อร่างกายอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ที่กำลังพิจารณาดูดไขมันควรเข้าใจความเสี่ยงทั้งในระดับทั่วไปและระดับรุนแรง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ

อาการทั่วไปที่พบได้จากการดูดไขมัน

    หลังการดูดไขมัน ผู้เข้ารับบริการมักพบอาการบวม ฟกช้ำ ปวดตึง หน่วง หรือระบมในบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายที่เกิดจากการกระทบกระเทือนของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ และสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด การใส่ชุดกระชับ และการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์

ความเสี่ยงที่พบได้จากการดูดไขมัน

     ในบางกรณีอาจพบความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยเฉพาะในผู้ที่นอนพักฟื้นนาน ไม่ขยับร่างกาย หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ลิ่มเลือดที่หลุดเข้าไปในกระแสเลือดอาจไปอุดตันที่ปอดหรือหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเกิดภาวะแผลติดเชื้อ หากแผลไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม หรือห้องผ่าตัดไม่มีมาตรฐาน ซึ่งแสดงออกด้วยอาการบวมแดง ร้อน เจ็บมากผิดปกติ หรือมีหนอง ควรรีบพบแพทย์หากพบอาการผิดปกติดังกล่าว

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง (พบน้อยมาก)

      แม้จะพบได้น้อยมาก แต่อีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนที่ต้องกล่าวถึงคือ ภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด (Fat Embolism) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อไขมันหลุดเข้าไปในระบบไหลเวียนโลหิตและไปอุดตันในหลอดเลือดที่สำคัญ เช่น หลอดเลือดที่ปอด ทำให้เกิดอาการเฉียบพลัน เช่น หายใจลำบาก ความดันตก หรือหมดสติ และในบางรายอาจอันตรายถึงชีวิต ภาวะนี้มีแนวโน้มเกิดขึ้นในกรณีที่ดูดไขมันในปริมาณมาก ใช้แรงดูดสูง หรือแทงท่อดูดลึกเกินไป นอกจากนี้ยังอาจเกิด การบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท หากดูดในชั้นที่ลึกหรือตำแหน่งที่ผิด ส่งผลให้ปวดลึกผิดปกติหรือเกิดอาการชาในบางตำแหน่ง

เทคโนโลยีและเทคนิคดูดไขมันปัจจุบัน ปลอดภัยกว่าในอดีต

       การดูดไขมันในปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมากเมื่อเทียบกับยุคแรกเริ่มที่อาศัยเพียงแค่แรงดูดแบบดั้งเดิม ซึ่งมักทำให้เกิดอาการฟกช้ำ บาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ มากกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น WAL (Water-Assisted), UAL (Ultrasound-Assisted), PAL (Power-Assisted) และ RFAL (Radiofrequency-Assisted) ทำให้สามารถแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อได้อย่างนุ่มนวล แม่นยำ และลดการบาดเจ็บของเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เทคนิคทางการแพทย์ที่พัฒนาแล้ว เช่น การวางแผนกำหนดจุดที่จะดูดไขมัน, การใช้ Cannula หลากหลายแบบ และการทำในห้องผ่าตัดมาตรฐานที่มีการควบคุมความดันอากาศ ยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการเสียเลือดได้มากขึ้น เมื่อรวมกับการใช้ยาชาหรือยาสลบที่ควบคุมโดยวิสัญญีแพทย์โดยตรง ทำให้การดูดไขมันยุคใหม่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ฟื้นตัวได้ราบรื่น และลดผลแทรกซ้อนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการและมีทักษะในการออกแบบสัดส่วนอย่างตอบโจทย์

หัวใจสำคัญของการดูดไขมัน มีสิ่งนี้ช่วยเพิ่มการดูแลให้ปลอดภัย

       แม้การดูดไขมันจะเป็นการศัลยกรรมที่เปิดแผลขนาดเล็ก แต่เบื้องหลังนั้นคือกระบวนการที่ต้องอาศัยความแม่นยำอย่างมาก ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน ประเมินสภาพร่างกาย ไปจนถึงเทคนิคทางการแพทย์และการดูแลหลังการรักษา หากละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นเพื่อให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างราบรื่น ได้ผลลัพธ์ที่ดี และฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ควรคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญต่อไปนี้

การเลือกสถานพยาบาลและทีมแพทย์ ปัจจัยอันดับหนึ่งเพื่อการดูแลให้ปลอดภัย

      การดูดไขมันควรดำเนินการภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทางในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และมีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อที่รองรับการศัลยกรรมประเภทนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ แพทย์ควรเป็นผู้ที่มีทักษะด้านการปรับรูปร่าง รู้จักโครงสร้างทางกายวิภาค และสามารถรับมือกับภาวะแทรกซ้อนเฉพาะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประเมินความพร้อมของร่างกาย

      ก่อนทำโปรแกรมดูดไขมัน จำเป็นต้องมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ทั้งในด้านระบบไหลเวียนเลือด การทำงานของหัวใจ ตับ ไต และภาวะเลือดแข็งตัว เพื่อพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังการทำ ผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจต้องเลื่อนหรือปรับแผนการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ไม่คาดคิด

การเลือกเทคนิคและเครื่องมือที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน

      เทคโนโลยีที่ใช้ในโปรแกรมดูดไขมัน เช่น WAL, PAL, UAL หรือ RFAL มีคุณสมบัติแตกต่างกัน แพทย์ควรเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับลักษณะไขมัน ตำแหน่งที่ทำ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดบวมช้ำ และลดความเสี่ยงต่อผิวไม่เรียบหรือกล้ามเนื้อเสียหายหลังทำ

การแจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ห้ามปกปิดข้อมูลสำคัญ

      ข้อมูลด้านสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ ประวัติแพ้ยา หรือแม้แต่ภาวะสุขภาพจิต เช่น Panic Attack หรือ PTSD เป็นสิ่งที่แพทย์ต้องทราบก่อนการวางแผนโปรแกรมดูดไขมัน หากปกปิดข้อมูลอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำ หรือมีผลต่อการวางแผนใช้ยาชา ยาสลบ และการดูแลฟื้นฟูหลังผ่าตัด

ความสำคัญของวิสัญญีแพทย์ หากต้องดมยาสลบ

      ในกรณีที่ต้องใช้การดมยาสลบ โดยเฉพาะการดูดไขมันหลายตำแหน่งหรือทั้งตัว วิสัญญีแพทย์จะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับความรู้สึกตัว การทำงานของระบบหายใจ และสัญญาณชีพต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาการผ่าตัด การมีผู้ชำนาญการเฉพาะด้านดูแลเรื่องการระงับความรู้สึกอย่างใกล้ชิด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้การดูดไขมันดำเนินไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตและการฟื้นตัวหลังทำได้อย่างมาก

ยาชาเฉพาะที่ หรือ ดมยาสลบ แบบไหนปลอดภัยกว่ากัน?

การเลือกใช้ยาชาเฉพาะที่หรือดมยาสลบในการดูดไขมัน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน ตำแหน่งที่ทำ และสภาพร่างกายของผู้รับบริการ ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) เหมาะกับการดูดไขมันในบริเวณเล็ก ๆ ใช้เวลาสั้น ฟื้นตัวได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่ามาก แต่หากมีภาวะทางจิตใจเกี่ยวกับความเครียด ตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลรุนแรง อาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงระหว่างทำโปรแกรมดูดไขมันได้

การดมยาสลบ (General Anesthesia) เหมาะกับการดูดไขมันหลายตำแหน่งหรือทั้งตัว ทำให้ไม่รู้สึกตัว ลดความเครียด แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์ เนื่องจากมีความซับซ้อนด้านระบบไหลเวียนและการหายใจ ทั้งยังช่วยให้กระบวนการของโปรแกรมดูดไขมันมีความราบรื่นมากกว่า เพราะช่วยลดโอกาสการกระตุ้นภาวะทางสุขภาพจิตซึ่งอันตรายต่อการผ่าตัดด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใด “ปลอดภัยกว่า” อย่างแน่นอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์โดยตรง เพื่อให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงได้มากกว่า

โปรแกรมดูดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง แขน อันตรายต่างกันหรือไม่?

    การดูดไขมันเฉพาะจุดในแต่ละตำแหน่ง เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความหนาแน่นของชั้นไขมัน ปริมาณไขมันที่ต้องดูดออก และโครงสร้างทางกายวิภาคของบริเวณนั้น เช่น หน้าท้องเป็นตำแหน่งที่มีเส้นเลือดและอวัยวะภายในอยู่ใกล้ชั้นไขมันมาก จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงกว่าบริเวณอื่น ส่วนต้นแขนหรือเหนียงแม้จะเป็นบริเวณเล็ก แต่ชั้นไขมันบาง การควบคุมไม่ดีอาจเกิดผิวไม่เรียบหรือเส้นประสาทถูกกระทบได้ง่าย

แม้จะเป็นการดูดไขมันเฉพาะจุด ความเสี่ยงยังคงขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์และเทคนิคที่ใช้ หากเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ก็สามารถลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย ไม่ว่าจะดูดไขมันในตำแหน่งใดก็ตาม

สัญญาณอันตราย อาการผิดปกติที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

   แม้การดูดไขมันจะเป็นหัตถการที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีและภาวะแทรกซ้อนเกิดได้น้อย หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดอาการผิดปกติในบางกรณี ซึ่งบางอาการอาจดูเหมือนเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา อาจลุกลามหรือเป็นอันตรายต่อระบบอื่นของร่างกายได้ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการควรสังเกตอาการหลังดูดไขมันอย่างใกล้ชิด และรีบพบแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณต่อไปนี้

  • อาการปวดรุนแรงผิดปกติ หรือไม่ดีขึ้นหลังรับประทานยา อาการปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะทุเลาลง อาจบ่งบอกถึงภาวะอักเสบหรือการสะสมของของเหลวใต้ผิวหนัง เช่น Seroma ซึ่งต้องได้รับการระบายออกหรือดูแลอย่างเหมาะสมโดยแพทย์
  • มีไข้สูง หนาวสั่น ไข้ที่เกิน 38 องศาเซลเซียสร่วมกับอาการหนาวสั่น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วง 2–5 วันหลังดูดไขมัน หากปล่อยไว้อาจลุกลามเป็นภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้
  • แผลบวม แดง ร้อน มีหนอง หรือมีกลิ่นผิดปกติ เป็นลักษณะเด่นของแผลติดเชื้อเฉพาะที่ บ่งชี้ถึงการอักเสบของเนื้อเยื่อหรือการสะสมของเชื้อโรคที่แผล หากไม่รักษาทันที อาจลุกลามลึกและส่งผลต่อผลลัพธ์ของโปรแกรมดูดไขมัน
  • หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะรุนแรง อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) หรือไขมันอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะเฉียบพลันที่ต้องได้รับการรักษาทันทีในโรงพยาบาล

มาตรฐานการดูแลให้ปลอดภัยกับโปรแกรมดูดไขมันที่ AM International Hospital

    ที่ AM International Hospital เราให้ความสำคัญกับ “การดูแลกระบวนการให้ปลอดภัย” ควบคู่กับ “ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์” ในทุกกระบวนการของโปรแกรมดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมดูดไขมันเฉพาะจุดหรือโปรแกรมดูดไขมันทั้งตัว เราดำเนินการภายใต้ระบบการดูแลที่รัดกุม ครบวงจร มาตรฐานโรงพยาบาลศัลยกรรม เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความไว้วางใจได้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนทำ ระหว่างทำ ไปจนถึงการดูแลหลังทำ

ทีมแพทย์และวิสัญญีแพทย์ผู้ชำนาญการ

    การดูดไขมันทุกเคสดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านโปรแกรมดูดไขมัน พร้อมวิสัญญีแพทย์ประจำห้องผ่าตัดคอยดูแลด้านการระงับความรู้สึกอย่างใกล้ชิด การมีแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านในแต่ละบทบาท ช่วยให้สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้อง และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทำโปรแกรมดูดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อและเครื่องมือทันสมัย ได้มาตรฐาน

    AM International Hospital ใช้ห้องผ่าตัดที่ออกแบบเป็นระบบ Positive Pressure ป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก พร้อมเครื่องมือดูดไขมันระบบใหม่ล่าสุด เช่น WAL, PAL, UAL และ RFAL ที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละเคส โดยเครื่องมือทั้งหมดผ่านการฆ่าเชื้อด้วยระบบ Medical Grade ช่วยในการดูแลให้กระบวนการปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

กระบวนการประเมิน วางแผน และติดตามผลอย่างรัดกุม

    ก่อนการดูดไขมันทุกเคสจะมีการประเมินสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด ตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ และวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้บริการดูดไขมันกับวิสัญญีแพทย์ รวมถึงมีการถ่ายภาพเพื่อวิเคราะห์สัดส่วน 360 องศา ช่วยให้การออกแบบผลลัพธ์มีความแม่นยำยิ่งขึ้น หลังหัตถการจะมีการติดตามผลตามนัดทุกช่วงเวลาอย่างใกล้ชิด พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลและให้คำแนะนำการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

แชร์ :

สรุป ดูดไขมันไม่ได้อันตราย หากใส่ใจความปลอดภัยและเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

     การดูดไขมันอันตรายไหม ถึงแม้ว่าอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่สามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ หากเลือกทำกับแพทย์ที่มีทักษะและความชำนาญ มีการใช้เทคนิคและเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีการเตรียมตัวอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลร่างกายทั้งก่อนและหลังดูดไขมันอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ฟื้นตัวไว ลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจก่อให้เกิดอันตราย และได้ผลลัพธ์ที่ดีซึ่งมาพร้อมกับการดูแลกระบวนการให้ปลอดภัย

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!