loader image

เติมไขมันด้วย LipoCube ตัวกรองไขมันละเอียด ไม่ต้องเติมเผื่อ

การเติมไขมัน เป็นการเติมเต็มสัดส่วนที่ช่วยปรับสัดส่วนให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ แต่ปัญหาหนึ่งที่มักพบคือไขมันบางส่วนอาจถูกดูดซึมกลับเข้าร่างกายไปหลังเติม ทำให้แพทย์ต้องเติมเผื่อในปริมาณมากตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ใบหน้าในช่วงแรกดูบวมเกินจริงและใช้เวลานานกว่าจะเข้าที่

LipoCube จึงเข้ามาเป็นอีกทางเลือดหนึ่งของการเติมไขมัน ด้วยเทคโนโลยีการกรองไขมันที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น ช่วยคัดกรองให้ได้เซลล์ไขมันคุณภาพดี อัตราการอยู่รอดของเซลล์สูง ทำให้ไขมันที่เติมอยู่ได้นาน ไม่ต้องเติมเผื่อเกินความจำเป็น โดยอุปกรณ์อย่าง LipoCube ทำอะไรได้บ้าง มาดูกัน!

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

LipoCube คืออะไร?

LipoCube คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อคัดกรองเนื้อเยื่อไขมันบริสุทธิ์สำหรับการฉีดไขมัน (Fat Grafting) ไม่ว่าจะเป็นการเติมไขมันใบหน้า เติมไขมันหน้าอก หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดย LipoCube สามารถกรองไขมันได้อย่างสม่ำเสมอหลายขนาด ช่วยให้ไขมันมีอัตราการอยู่รอดสูงถึง 70–90% ลดความเสี่ยงของปัญหาหลังเติมไขมัน ยกตัวอย่างเช่น หน้าบวม ผิวไม่เรียบ ลดปัญหาหินปูนหลังเติมไขมัน และยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ Stromal Vascular Fraction (SVF) ได้มากกว่าวิธีกรองไขมันแบบทั่วไปที่ใช้ตะแกรงทางการแพทย์ธรรมดา

ความสามารถในการกรองไขมันได้หลายขนาดของ LipoCube คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถนำไขมันไปใช้เติมได้อย่างเหมาะสมกับชั้นผิวมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อนอย่างใต้ตา ไปจนถึงบริเวณที่ต้องใช้ไขมันในปริมาณมากเพื่อเสริมสัดส่วนอย่างชัดเจน เช่น สะโพกหรือหน้าอก ต่างจากการกรองไขมันด้วยตะแกรงทั่วไปที่อาจทำให้เซลล์ไขมันออกมามีขนาดไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อความเรียบเนียนของผลลัพธ์และอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ด้วย

ระบบกรองเนื้อเยื่อไขมันของ LipoCube ใช้ระบบกรองแบบปิด (Closed Sterile System) ซึ่งช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่อยู่ในอากาศหรือวัสดุอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น ทำให้การฉีดไขมันมีการปนเปื้อนน้อยและช่วยเสริมสร้างให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

LipoCube มีกี่แบบ?

LipoCube เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคัดกรองไขมันให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ของการฉีดไขมันในแต่ละบริเวณ โดยจะแบ่งออกเป็นสองแบบ ได้แก่ LipoCube Nano และ LipoCube SVF ซึ่งแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและการใช้งานเฉพาะทางแตกต่างกันไป ดังนี้

LipoCube Nano

LipoCube Nano คืออุปกรณ์คัดกรองเซลล์ไขมันที่สามารถแยกไขมันออกเป็น 4 ขนาด ได้แก่ Macro Fat, Milli Fat, Micro Fat และ Nano Fat เพื่อให้เหมาะกับการเติมในตำแหน่งที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ใต้ตา ขมับ หรือบริเวณที่มีชั้นไขมันบาง โดยงานวิจัยจาก Pubmed Central ให้ข้อมูลว่า เซลล์ไขมันที่ผ่านการกรองจะมีขนาดสม่ำเสมอและมีอัตราการรอดชีวิตสูง ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันหลังฉีด และลดปัญหาผิวเป็นคลื่นหรือไม่เรียบหลังเติม

ตัวเครื่อง LipoCube Nano ออกแบบมาในรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีขาว ภายในมีตะแกรงกรองไขมันคุณภาพสูงที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง SVF (Stromal Vascular Fraction) ได้มากกว่าวิธีดั้งเดิมถึง 10% และเป็นอุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียว (Single-use) สำหรับใช้ 1 ครั้งต่อ 1 เคสผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อโรคระหว่างเติมไขมัน

LipoCube SVF

LipoCube SVF คือ อุปกรณ์ที่เน้นการสกัด Stromal Vascular Fraction จากเซลล์ไขมันโดยเฉพาะ ซึ่งเซลล์ SVF คือ กลุ่มเซลล์ชนิดหนึ่งจากเนื้อเยื่อไขมันที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผิวและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นเลือดภายในเซลล์ต่าง ๆ โดย LipoCube SVF สามารถสกัด SVF ได้เข้มข้นกว่าวิธีเดิมถึง 30% ทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ลดการอักเสบ อาการบวมน้อยลง และช่วยให้ไขมันมีโอกาสติดได้มากกว่าเดิม

ตัวเครื่อง LipoCube SVF จะมีลักษณะเป็นกล่องลูกบาศก์สีดำ ภายในบรรจุใบมีดที่เรียงตัวประสานกันเป็นตะแกรงที่มีช่องว่างเท่ากันทุกช่อง ใช้สำหรับตัดไขมันให้ละเอียดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ไขมันและ SVF อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว จะช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดให้มากพอที่จะลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนเข้าไปยังเซลล์ไขมันที่เติมเข้าผิว จึงทำให้อัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันสูง ไขมันติดดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความกระจ่างใสให้กับผิว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหนือกว่าการเติมไขมันแบบดั้งเดิม

ประโยชน์ของการฉีดไขมัน LipoCube มีอะไรบ้าง?

การฉีดไขมันที่ผ่านการกรองด้วย LipoCube ไม่เพียงแต่มีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มใบหน้าและปรับรูปร่างให้สมส่วนเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวด้วยคุณสมบัติในการคัดกรองไขมันบริสุทธิ์และเพิ่มความเข้มข้นของ SVF จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความครอบคลุมมากขึ้น โดยมีประโยชน์ที่สำคัญดังต่อไปนี้

  • เติมเต็มและปรับสัดส่วน ลดริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และได้สัดส่วนดูเป็นธรรมชาติ
  • ฟื้นฟูสภาพผิว เซลล์ SVF ที่ได้จากการกรองด้วย LipoCube ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด เสริมกระบวนการซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว มีความยืดหยุ่นดี
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวดูแข็งแรง เต่งตึง และลดความหมองคล้ำ
  • ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะผ่านการกรองความละเอียดสูง ไม่แข็งเป็นก้อน และให้สัมผัสที่เรียบเนียน
  • ลดความเสี่ยงของอาการแพ้ เนื่องจากไขมันที่ใช้เป็นไขมันของร่างกายผู้รับบริการเอง  (Personalized Procedure) เซลล์จึงมีความเข้ากันได้ดี ลดโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่อต้านเซลล์หรืออาการแพ้ที่อาจเกิดจากการเติมสารแปลกปลอม
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไขมันที่ปลูกถ่ายและติดไปแล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการฉีดสารเติมเต็มทั่วไป
  • สามารถใช้ได้กับหลายตำแหน่งของร่างกาย ไม่จำกัดเฉพาะการเติมไขมันหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เติมเต็มบริเวณอื่น เช่น มือ หน้าอก สะโพก หรือส่วนที่ต้องการเสริมสัดส่วนตามโครงสร้างร่างกายด้วย

ใครเหมาะกับการฉีดไขมัน LipoCube บ้าง?

การกรองไขมันด้วย LipoCube เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วน เติมเต็มจุดที่ขาด และฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนหรืออาการแพ้สารจากการใช้เติมเต็มสังเคราะห์ ด้วยการใช้ไขมันของตัวเองแทน เหมาะกับ

  • ผู้ที่มีใบหน้าโทรม ดูเหนื่อยล้า ต้องการเติมเต็มให้ใบหน้าดูสดใสและอิ่มฟูขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเติมเต็มจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ขมับยุบ แก้มตอบ ร่องแก้ม ใต้ตา หรือมุมปาก เพื่อให้หน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น และมีความอิ่มน้ำ ด้วยคุณสมบัติของ SVF ในไขมัน
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความกังวลว่าผิวจะเป็นก้อนหลังทำ
  • ผู้ที่เคยมีอาการแพ้จากการรับบริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของสารสังเคราะห์ ต้องการใช้ไขมันของตัวเอง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ไขมันที่ปลูกถ่ายและติดดีจะสามารถคงอยู่ได้นานกว่าสารเติมเต็มแบบสังเคราะห์ ซึ่งจะสลายตัวไปเองเมื่อเวลาผ่านไป (ทั้งนี้ ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังเติมไขมันด้วย)
  • ผู้ที่มีอายุมาก หรือเริ่มมีสัญญาณว่าผิวไม่แข็งแรง มีริ้วรอยร่องลึก หรือความร่วงโรยที่เห็นชัด
  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินจากการดูดไขมัน หรือต้องการนำไขมันที่ดูดออกกลับมาใช้อย่างคุ้มค่าในตำแหน่งอื่นของร่างกาย

เติมไขมัน LipoCube ตำแหน่งไหนได้บ้าง?

การฉีดไขมันที่ผ่านการกรองด้วย LipoCube สามารถนำไปใช้เติมเต็มได้ในหลายตำแหน่งของร่างกาย ทั้งบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง และจุดที่ต้องการปริมาณไขมันมากในการเติมเต็มให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ ได้แก่

  • ใต้ตา ลดความหมองคล้ำ เติมความอิ่มฟูให้ใต้ตาดูสดใส
  • ขมับ เติมเต็มขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสมดุลยิ่งขึ้น
  • แก้ม ช่วยเพิ่มสัดส่วนให้ใบหน้าดูเต็ม ลดหน้าโทรม
  • ร่องแก้ม มุมปาก ลดร่องลึก ให้ใบหน้าดูเรียบเนียน
  • หน้าผาก เติมเต็มหน้าผากให้โค้งมนสมสัดส่วน
  • คาง เติมคางให้เรียวยาว ดูสมดุลกับใบหน้า
  • มือ เพิ่มความอิ่มฟู ลดความเหี่ยวย่น ให้มือดูอ่อนวัย
  • สะโพก เสริมวอลลุ่มให้สะโพกดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
  • หน้าอก ใช้ไขมันเติมเต็มให้ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเสริมซิลิโคน (แต่สามารถทำร่วมกันได้)

การเตรียมตัวก่อนฉีดไขมันด้วย LipoCube ทำอย่างไร?

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดไขมันด้วย LipoCube มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ของไขมันที่ฉีดติดได้นาน มีความสม่ำเสมอ และตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการ โดยเราสามารถเตรียมตัวเบื้องต้นได้ดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนวันผ่าตัดจริง
  • งดรับประทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Fish Oil, วิตามิน E อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันนัด
  • งดน้ำและอาหาร 8 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนผ่าตัดจริง เพื่อป้องกันการสำลักหรืออื่น ๆ โดยเฉพาะหากเลือกเติมไขมันแบบดมยาสลบ
  • งดแต่งหน้า ทาครีม หรือโลชั่นในบริเวณที่จะฉีดไขมัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือปนเปื้อน
  • สวมเสื้อผ้าที่หลวม ใส่สบาย เพื่อให้ระบายอากาศและถอดเปลี่ยนได้ง่าย
  • เลือกเสื้อผ้าสีเข้ม เพราะหลังดูดไขมันจะมีของเหลวซึมออกมาจากแผลเพื่อระบาย อาจทำให้เห็นชัดเจนหากเสื้อผ้าเป็นสีอ่อน
  • แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว ทานยาหรืออาหารเสริมใด ๆ ก็ตามอยู่เป็นประจำ

ขั้นตอนการเติมไขมันด้วย LipoCube

การเติมไขมันด้วย LipoCube เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความละเอียดในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ไขมันที่บริสุทธิ์ มีคุณภาพ และสามารถติดในผิวได้ดี โดยขั้นตอนจะผสานทั้งเทคนิคทางการแพทย์และเทคโนโลยีเฉพาะในการคัดกรองเซลล์ไขมัน

ขั้นตอนที่ 1 เก็บเซลล์ไขมันด้วยการดูดไขมัน

แพทย์จะทำการดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือต้นขา (ในกรณีที่ร่างกายมีมวลไขมันน้อยจะเลือกหน้าท้องหรือต้นขา) โดยใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ เช่น Body-Jet ซึ่งเป็นระบบดูดไขมันด้วยแรงดันน้ำ ช่วยรักษาโครงสร้างของเซลล์ไขมันให้สมบูรณ์ พร้อมนำไปใช้ในการฉีดต่อ และยังช่วยลดปริมาณไขมันในบริเวณที่ไม่ต้องการ โดยทำให้อักเสบน้อยกว่าเครื่องดูดไขมันที่ก่อให้เกิดพลังงานความร้อนอีกด้วย

 

ขั้นตอนที่ 2 นำไขมันมากรองให้ได้ความละเอียดที่ต้องการ

หลังจากเก็บไขมันแล้ว จะนำไขมันเข้าสู่ LipoCube เพื่อทำการกรองแยกขนาดและคัดเฉพาะไขมันคุณภาพสูง โดยจะแยกไขมันออกเป็นหลายขนาด ได้แก่ Macro, Milli, Micro และ Nano เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด เช่น บริเวณใบหน้า ใต้ตา หรือสะโพก โดย LipoCube จะกรองไขมันผ่านระบบปิด (Closed Sterile System) ซึ่งช่วยป้องกันการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน 

 

ขั้นตอนที่ 3 ฉีดไขมันที่ได้เข้าไป ณ บริเวณที่ต้องการ

ไขมันที่ผ่านการกรองแล้วจะถูกบรรจุในหลอดฉีดยาขนาดเล็ก พร้อมสำหรับการฉีดเข้าสู่ผิวในบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม เช่น ใต้ตา แก้ม ขมับ หน้าผาก หรือหน้าอก โดยแพทย์จะประเมินปริมาณและระดับความลึกของการฉีดอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และช่วยเพิ่มวอลลุ่ม ความยืดหยุ่น และความกระจ่างใสของผิวในระยะยาว

การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันด้วย LipoCube ต้องทำอย่างไร?

หลังการฉีดไขมัน LipoCube การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายมีโอกาสติดและอยู่รอดในชั้นผิว รวมถึงลดอาการบวม ช้ำ และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการดูแลหลังทำ มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนในช่วง 1 สัปดาห์แรก เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือการใช้ไดร์ร้อนเป่าบริเวณที่ฉีดไขมัน (กรณีเป่าผม เป็นต้น) เพราะความร้อนอาจส่งผลต่ออัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันได้
  • งดการนวดหน้า กดหน้า หรือสัมผัสรุนแรงในบริเวณที่ฉีดไขมัน ประมาณ 2–3 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวหรือการตายของไขมัน
  • ไม่นอนทับบริเวณที่ฉีดไขมัน เพราะอาจทำให้เซลล์ไขมันตายได้
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วง 1 เดือนแรก
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์หลังทำ เพื่อให้แผลสมานตัวได้ราบรื่นยิ่งขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยลดอาการบวมและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และมาตรวจติดตามอาการตามเวลานัดหมายเสมอ

ฉีดไขมัน LipoCube ราคาเท่าไหร่?

สำหรับการฉีดไขมันด้วย LipoCube ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000-150,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณไขมันที่ใช้ และอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมในกระบวนการ เช่น LipoCube Nano หรือ LipoCube SVF ซึ่งแต่ละแบบจะมีค่าใช้จ่ายและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม ราคาเบ็ดเสร็จจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโรงพยาบาล เช่น ประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคการฉีด ความละเอียดของการดูแลก่อน–หลังทำ และมาตรฐานของสถานพยาบาล แนะนำให้สอบถามรายละเอียดโดยตรงจากสถานที่ที่ให้บริการเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด

คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับ LipoCube

การฉีดไขมันด้วย LipoCube เป็นนวัตกรรมที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างจากการฉีดไขมันแบบเดิม วิธีการทำงาน ผลลัพธ์ ในหัวข้อนี้จะรวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำอธิบายที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

หน้าตอบ ฉีดไขมันแบบไหนดี? ใช้ LipoCube ตัวไหน?

การเลือกใช้ LipoCube แต่ละประเภทขึ้นอยู่กับตำแหน่งและวัตถุประสงค์ในการฉีด หากต้องการเติมเต็มจุดเล็กละเอียด เช่น ใต้ตาหรือร่องแก้ม แนะนำใช้ LipoCube Nano ส่วน LipoCube SVF เหมาะกับการฟื้นฟูผิวและเติมเต็มพร้อมกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดในผิว

ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเห็นได้ภายใน 7–14 วันหลังทำ โดยบริเวณที่ฉีดจะเริ่มดูอิ่มฟูและกระชับขึ้น ส่วนผลลัพธ์ที่เข้าที่สมบูรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 1–3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ

การพักฟื้นไม่นาน โดยส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้ภายใน 1–3 วันแรก อาการบวมเล็กน้อยอาจเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อผ่านไปประมาณ 1–2 สัปดาห์

หากไขมันติดดีและดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์จากการฉีดไขมัน LipoCube สามารถอยู่ได้หลายปี ไขมันที่ติดแล้วจะอยู่ในระยะยาว ไม่ถูกดูดซึมกลับเข้าร่างกายและไม่สลายตัวเองเหมือนสารเติมเต็มแบบสังเคราะห์

LipoCube เป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการออกแบบให้เป็นระบบปิด (Closed System) ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน และใช้ไขมันของตัวเองเท่านั้น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาการแพ้ ส่วนผลข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่ อาการบวม ฟกช้ำ หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งมักหายได้ภายในไม่กี่วัน

ไม่มีการเติมสารแปลกปลอมใด ๆ ทั้งสิ้น LipoCube ใช้เฉพาะไขมันของผู้รับบริการ และกรองผ่านอุปกรณ์ปลอดเชื้อแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use) เพื่อคงคุณภาพของเซลล์ไขมัน

LipoCube ช่วยคัดกรองไขมันให้ได้ขนาดสม่ำเสมอ และแยกเฉพาะเซลล์ไขมันคุณภาพสูง ทำให้ไขมันติดได้ดีขึ้น บวมน้อยลง และลดปัญหาผิวเป็นคลื่น ต่างจากวิธีฉีดไขมันแบบเดิมที่อาจได้ไขมันคุณภาพไม่สม่ำเสมอหรือมีสิ่งปนเปื้อนร่วม

ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 1.5–3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนบริเวณที่ฉีดและกระบวนการดูดไขมันร่วมด้วย

ในบางกรณีสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ ความดัน เบาหวาน หรือระบบเลือด ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนวันผ่าตัดจริง เพราะหากดูด-เติมไขมันในขณะที่ร่างกายไม่มีการควบคุมความรุนแรงของโรคอย่างเหมาะสม อาจมีอันตรายต่อชีวิตได้ (เช่นเดียวกับการผ่าตัดประเภทอื่น ๆ )

คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับ LipoCube

สรุป LipoCube ดีไหม? เหมาะกับใครบ้าง?

LipoCube คือ เทคโนโลยีคัดกรองไขมันบริสุทธิ์ที่ยกระดับการฉีดไขมันให้แม่นยำ และได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยสามารถกรองไขมันออกเป็นหลายขนาดอย่างสม่ำเสมอ และช่วยเพิ่มปริมาณ Stromal Vascular Fraction ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอย เหมาะสำหรับทั้งการเติมเต็มเพื่อความงาม และการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี

แชร์ :