
ดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet อ่อนโยน เจ็บน้อย นำไปเติมต่อได้
เทคโนโลยีดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การกำจัดไขมันส่วนเกินอย่างอ่อนโยน ลดอาการบวมช้ำ และช่วยให้สามารถนำไขมันที่ดูดออกไปใช้เติมเต็มในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยให้การฟื้นตัวหลังทำเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น! เรามาทำความรู้จักกับเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Water-Jet ชนิดนี้กัน!
เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่
ดูดไขมัน Body-Jet คืออะไร?
ดูดไขมัน Body-Jet คือ เทคโนโลยีการกำจัดไขมันใต้ชั้นผิวหนัง โดยใช้ ‘แรงดันน้ำ’ เป็นตัวกลางในการแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยรอบอย่างอ่อนโยน วิธีดูดไขมันประเภทนี้จะไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงใต้ผิว จึงช่วยลดการได้รับความเสียหายของเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้ผู้เข้ารับบริการมีอาการข้างเคียงหลังทำไม่รุนแรง
นอกจากนี้ การดูดไขมัน Body-Jet ยังสามารถนำเซลล์ไขมันไปใช้เติมเต็มในบริเวณอื่นได้ เนื่องจากเซลล์ไขมันจากการใช้เครื่อง Body-Jet จะมีอัตราการรอดชีวิตสูง ซึ่งหมายความถึงการได้เซลล์ไขมันคุณภาพดี ทำให้เมื่อเติมไขมันไปแล้วจะมีโอกาสติดมากขึ้น
หลักการทำงานดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet
การดูดไขมันด้วยเทคโนโลยี Body-Jet อาศัยแรงดันน้ำที่ปล่อยออกมาในลักษณะเป็นรูปพัด (Fan Shape) อย่างต่อเนื่อง เพื่อแยกเซลล์ไขมันที่เกาะตัวกันสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง โดยอัตราการทำลายเส้นเลือดหรือเส้นประสาทน้อยกว่าการใช้เครื่องดูดไขมันที่สร้างพลังงานความร้อน จึงลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ดี
เซลล์ไขมันนั้นจะเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำมันเมื่อโดนความร้อนสูง ซึ่งถือเป็นเซลล์ไขมันที่ตายแล้วและไม่สามารถนำมาเติมต่อได้ ดังนั้น เมื่อระหว่างการแยกเซลล์ไขมันด้วย Body-Jet ที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูง จะช่วยให้เซลล์ไขมันที่ได้มีคุณภาพดี โอกาสอยู่รอดสูงกว่า เหมาะสำหรับการนำไปเติมเต็มในจุดอื่น ๆ ของร่างกาย (Fat Grafting) ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของการดูดไขมันพลังน้ำเมื่อเทียบกับการดูดไขมันแบบอื่น ๆ
ตำแหน่งที่สามารถดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ได้
เทคโนโลยี Body-Jet สามารถดูดไขมันได้หลากหลายบริเวณทั่วร่างกาย โดยเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุดหรือเตรียมไขมันไปใช้ในการเติมต่อ ซึ่งตำแหน่งที่นิยม ได้แก่
- หน้าท้อง ลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องเพื่อให้ได้รูปร่างที่กระชับมากขึ้น
- ต้นแขน กระชับต้นแขนที่หย่อนคล้อย ช่วยให้แขนดูเรียวเล็กขึ้น
- ต้นขา ปรับสัดส่วนต้นขา ลดไขมันส่วนเกินเพื่อเรียวขาที่ได้รูป
- สะโพก ลดไขมันส่วนเกินสะโพกหรือเตรียมไขมันไว้เติมเสริมรูปร่างให้ดูโค้งเว้ามากขึ้น
- แผ่นหลัง กำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณแผ่นหลัง เพื่อให้ได้สัดส่วนหลังที่กระชับ
- น่อง ลดขนาดน่องที่ดูหนาเกินไป เพื่อขาที่ดูเรียวยาวสมส่วน
- รอบเอว (Love Handle) กำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณรอบเอว เพื่อเสริมรูปร่างให้มีเอวคอดชัดเจน
โปรแกรมฉีดโบท็อก เหมาะกับใคร?
โปรแกรมฉีดโบท็อก (Botox) เป็นหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะช่วยลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งโปรแกรมโบท็อกซ์เหมาะกับกลุ่มคนที่มีปัญหาและความต้องการ ดังนี้
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก หรือรอยขมวดคิ้ว เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ โบท็อกช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม กล้ามเนื้อแขนและน่อง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เช่น ลดกราม ลดโหนกแก้ม ยกกระชับผิวกรอบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เช่น ภาวะปวดคอ บ่า ไหล่ จากโรคออฟฟิศซินโดรม
- ผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า โบท็อกช่วยลดเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้น เพราะโบท็อกเป็นหัตถการที่ทำง่าย ใช้เวลาสั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet
แม้การดูดไขมัน Body-Jet จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่ามีความอ่อนโยนกว่าการดูดไขมันแบบก่อพลังงานความร้อย แต่เช่นเดียวกับทุกการศัลยกรรมเพื่อความงามทางการแพทย์ การดูดไขมัน Body-Jet ก็ยังมีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการและสภาพร่างกายของตนเอง
ข้อดีของเครื่อง Body-Jet
- ใช้พลังงานน้ำช่วยแยกไขมันอย่างอ่อนโยน ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อโดยรอบ
- การอักเสบน้อย และมีระยะฟื้นตัวที่น้อยกว่าวิธีการดูดไขมันแบบอื่น
- ได้เซลล์ไขมันคุณภาพดี เหมาะสำหรับการนำไปเติมเต็มในบริเวณอื่นของร่างกาย
- ลดความเสี่ยงการเกิดพังผืดหรืออาการผิวไหม้หลังดูดไขมัน
ข้อเสียของเครื่อง Body-Jet
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการดูดไขมันแบบทั่วไป เนื่องจากเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย
- ใช้เวลาทำนานกว่าเครื่องอื่น ๆ เนื่องจากเป็นพลังงานที่ไม่ได้มีความเข้มข้น เน้นความอ่อนโยนเป็นหลัก
- หากต้องการลดปริมาณไขมันจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลามากกว่าการดูดไขมันแบบพลังงานสูงอื่น ๆ
- อาจไม่สามารถใช้กำจัดไขมันใต้ผิวหนังในกรณีที่ผู้รับบริการมีไขมันหนาแน่นมาก ๆ ได้
ใครเหมาะกับการดูดไขมัน Body-Jet
การดูดไขมัน Body-Jet เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่าง ลดไขมันเฉพาะจุดอย่างอ่อนโยน และต้องการผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน พร้อมทั้งสามารถนำไขมันที่ได้ไปใช้เติมเต็มในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มที่เหมาะสม ได้แก่
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และต้องการกำจัดไขมันเพื่อปรับรูปร่างให้กระชับมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการนำไขมันไปเติมเต็มในจุดอื่น เช่น เติมไขมันหน้าอก เติมไขมันสะโพก หรือเติมไขมันใบหน้า เป็นต้น
- ผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการแพ้สารเติมเต็มสังเคราะห์
- ผู้ที่มีเวลาในการพักฟื้นอย่างจำกัด
- ผู้ที่มีความกังวลเรื่องผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังดูดไขมัน
- ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากการใช้พลังงานน้ำจะช่วยลดโอกาสการทำลายเนื้อเยื่อ เส้นเลือด และเส้นประสาทได้มากกว่า
ขั้นตอนการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet
การดูดไขมัน Body-Jet ต้องการขั้นตอนที่เป็นระบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ขั้นตอนต่าง ๆ ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การวางแผน จนถึงการดูแลหลังทำ ดังนี้
ปรึกษาแพทย์และวางแผนการรักษา
แพทย์จะทำการประเมินรูปร่าง วิเคราะห์ปริมาณไขมัน และสอบถามเกี่ยวกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ เพื่อวางแผนบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน พร้อมทั้งตรวจสอบข้อจำกัดต่าง ๆ ทางสุขภาพ หรือโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการดูดไขมัน Body-Jetตรวจร่างกายและเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
ก่อนดูดไขมันจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เช่น ตรวจเลือด, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), ตรวจชั้นไขมัน, ตรวจปริมาณไขมัน และประเมินสภาพความพร้อมโดยรวมด้านอื่น ๆ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อปฏิบัติต่าง ๆ ก่อนดูดไขมันวาดตำแหน่งและเตรียมพื้นที่ดูดไขมัน
แพทย์จะวาดตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันบนร่างกาย เพื่อกำหนดขอบเขตอย่างแม่นยำ รวมถึงถ่ายภาพเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อน-หลังทำหัตถการให้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบ
ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและบริเวณที่ทำการรักษา แพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่ หรืออาจใช้การดมยาสลบ เพื่อให้สะดวกต่อการดูดไขมันตลอดกระบวนการ โดยผู้ที่ให้บริการดมยาสลบจะต้องเป็นวิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยาเท่านั้นใช้ Body-Jet ปล่อยแรงดันน้ำเข้าไปใต้ชั้นผิว
ใช้แรงดันน้ำจากเครื่อง Body-Jet พ่นเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อรอบข้างอย่างอ่อนโยน โดยขั้นตอนนี้จะมีการเปิดแผลไม่เกิน 5 มม. เพื่อให้สามารถสอดท่อดูดไขมัน (Cannula) เข้าไปในชั้นไขมันได้ดูดไขมันออกจากร่างกาย
หลังจากไขมันถูกแยกออกแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออกมาอย่างนุ่มนวลผ่านท่อดูดไขมันที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Body-Jet เข้าสู่ถังเก็บไขมัน ดำเนินการแบบสุญญากาศ เพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพดีและปลอดเชื้อปิดแผลและใส่ชุดกระชับ
แผลดูดไขมันจะต้องทำการเย็บแบบเปิดแผลเล็กน้อยเพื่อระบายของเหลวที่ค้างอยู่ใต้ผิว จึงมักใช้การปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ร่วมกับการเย็บเล็กน้อย จากนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องสวมชุดกระชับเพื่อช่วยลดบวมและประคองสัดส่วนให้ได้รูปร่างที่ต้องการ และถูกนำตัวส่งไปยังห้องพักฟื้น ซึ่งแพทย์และพยาบาลจะคอยดูแลตลอดจนกว่าจะฟื้นการดูแลหลังการดูดไขมัน
เมื่อผู้เข้ารับบริการฟื้นตัวแล้ว ก็จะสามารถกลับบ้านและไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ โดยแพทย์จะนัดติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด พร้อมให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต่อไป
แนวทางการดูแลหลังเข้ารับการดูดไขมัน
การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมัน Body-Jet มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดอาการบวม ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ หรือช่วยให้สัดส่วนเข้าที่ได้เร็วขึ้น โดยแนวทางการดูแลหลังดูดไขมันพลังน้ำที่ควรปฏิบัติมีดังนี้
- สวมชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง ควรใส่ชุดกระชับบริเวณที่ทำการดูดไขมันตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก เพื่อช่วยลดบวม ลดการคั่งของของเหลว และกระชับสัดส่วนให้ดียิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของเนื้อเยื่อที่กำลังสมานตัว
- ดูแลความสะอาดของแผลอย่างเคร่งครัด ป้องกันการติดเชื้อด้วยการทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำ และหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ เช่น สระว่ายน้ำ อ่างอาบน้ำ จนกว่าแผลจะปิดสนิท
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ จะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกายพร้อมทั้งช่วยให้ระบบไหลเวียนทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
- งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจรบกวนการฟื้นตัวของร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- พบแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลการรักษา ประสิทธิภาพในการฟื้นตัว ความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง และรับคำแนะนำเพิ่มเติมเฉพาะบุคคลจากแพทย์ผู้ดูแล
เปรียบเทียบเครื่องดูดไขมันและเครื่องสลายไขมันยอดนิยม
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีดูดไขมันและสลายไขมันหลากหลายรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ทางด้านรูปร่างที่ดีที่สุด ซึ่งแต่ละเครื่องมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
Body-Jet
เทคโนโลยีดูดไขมันที่ใช้พลังน้ำ (Water-Jet Assisted Liposuction: WAL) ในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่ออย่างอ่อนโยน ลดการบวมช้ำ ไม่เจ็บเท่าเครื่องดูดไขมันที่ก่อความร้อน และสามารถเก็บไขมันที่มีคุณภาพดีสำหรับการนำไปเติมเต็ม (Fat Grafting) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Vaser Smooth 2.2
เครื่องดูดไขมันที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasound-Assisted Liposuction: UAL) ในการแยกเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวอย่างละเอียดก่อนดูดออก เหมาะสำหรับบริเวณที่มีไขมันหนาแน่น พร้อมช่วยกระชับผิวระดับหนึ่ง มักใช้กับผู้ที่มีไขมันสะสมมากและต้องการการกำจัดไขมันที่รวดเร็วเพื่อลดการเสียเลือดมากเกินไป เช่น กลุ่มน้ำหนักตัวเยอะ หรือกลุ่มผู้ชายที่มักมีความหนาแน่นของไขมันมากกว่าผู้หญิง
Ultra Z
เทคโนโลยีดูดไขมันที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์เช่นเดียวกับ Vaser แต่ให้พลังงานในระดับที่เบากว่า เหมาะกับการดูดไขมันในกลุ่มน้ำหนักตัวน้อย ผิวบาง หรือชั้นไขมันไม่ได้มีความหนาแน่นมาก
MicroAire PAL
เครื่องดูดไขมันระบบสั่นสะเทือน (Power-Assisted Liposuction: PAL) ที่ใช้หัวดูดไขมันเชื่อมกับมอเตอร์ทำให้หัวดูดสั่นอัตโนมัติ ช่วยลดการใช้แรงของแพทย์ที่มักก่อให้เกิดความเหนื่อยล้า จนไม่สามารถเก็บสัดส่วนได้ละเอียดเท่าที่ควร ทำให้ดูดไขมันได้อย่างต่อเนื่อง เหมาะกับการดูดไขมันในพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำและละเอียด ทั้งนี้ แพทย์มักจะใช้ MicoAire PAL ร่วมกับเครื่องอื่น ๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดูดไขมันมากยิ่งขึ้น
BodyTite Pro
เทคโนโลยีดูดไขมันที่ผสานพลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency-Assisted Liposuction: RFAL) ในการแยกเซลล์ไขมันและกระชับผิวพร้อมกันในขั้นตอนเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันพร้อมกับยกกระชับผิวไปด้วยกัน
ACCUtite
เครื่องสลายไขมันด้วยคลื่นวิทยุขนาดเล็ก หลักการทำงานแบบเดียวกับ BodyTite Pro แต่จะออกแบบมาเพื่อใช้ในบริเวณที่มีพื้นที่แคบและละเอียดอ่อน เช่น ใต้ตา รอบปาก หรือแนวกรอบหน้า สามารถกำจัดไขมันพร้อมกระตุ้นการกระชับผิวได้
FaceTite
เทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อการกระชับผิวและลดไขมันเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ ช่วยยกกระชับโครงหน้า ลดเหนียง และปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
คุณหมอชวนคุย Body-Jet เหมาะกับคุณจริงไหม
ผู้เข้ารับบริการหลายคนที่ AM International Hospital มักมีคำถามเข้ามากันอยู่เสมอว่าจะเลือกดูดไขมันด้วย Body-Jet ดีไหม? เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำจะเหมาะกับเราหรือเปล่า? ทาง AM จึงเรียบเรียงคำตอบจากคุณหมอไอซ์ - นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (ว.51179) มาให้! Body-Jet จะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันเฉพาะจุด แต่อยากได้วิธีที่อักเสบน้อย และอยากกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว ๆ ทั้งยังเหมาะอย่างมากกับผู้ที่ต้องการนำไขมันที่ได้ไปเติมส่วนอื่น ๆ ต่อ เนื่องจาก Body-Jet สามารถเก็บเกี่ยวไขมันคุณภาพดีได้มาก ทั้งนี้ ในบางกรณี หากเป็นกลุ่มที่มีชั้นไขมันหนาแน่น ไขมันสะสมในปริมาณ ไขมันสะสมมานานหลายปี อาจต้องพิจารณาใช้เครื่องดูดไขมันประเภทอื่น ๆ ร่วมด้วย สิ่งสำคัญคือการเลือกเครื่องมือให้ตรงกับเป้าหมายของตัวเอง และพิจารณาความสามารถของแพทย์ร่วมด้วย จึงต้องศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูดไขมันอย่างชัดเจน ร่วมกับการปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้แผนที่เหมาะสม
อัตราค่าบริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet
ค่าบริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณราคา 25,000 บาทต่อตำแหน่ง ทั้งนี้ ราคาเบ็ดเสร็จจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนตำแหน่งหรือบริเวณที่ทำการดูดไขมัน, ความซับซ้อนของรูปร่างแต่ละบุคคล, เทคนิคที่นำมาใช้ร่วม เช่น การเติมไขมัน (Fat Grafting) หรือการใช้เครื่องกระชับผิว, วิธีการระงับความเจ็บปวด (การใช้ยาชาเฉพาะที่จะมีค่าใช้จ่ายต่างจากการดมยาสลบ) รวมไปถึงค่าธรรมเนียมการให้บริการอื่น ๆ ที่โรงพยาบาลกำหนด แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบราคาดูดไขมันที่ชัดเจน
ดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ที่ไหนดี
การเลือกสถานพยาบาลสำหรับดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความสามารถของแพทย์, การใช้เครื่องมือแท้ที่ได้มาตรฐาน, มาตรฐานห้องผ่าตัด, การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์, การดูแลหลังทำอย่างต่อเนื่อง และความน่าเชื่อถือและรีวิวจากผู้รับบริการจริง
AM International Hospital เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ให้บริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ด้วยมาตรฐานคุณภาพ พร้อมทีมแพทย์ที่ให้บริการดูดไขมันและการเติมไขมันกับผู้เข้ารับบริการหลากหลายกลุ่ม ต่างเพศ ต่างวัย ซึ่งมีทั้งผู้เข้ารับบริการจากในไทยและต่างประเทศ
โรงพยาบาลเอเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสปิตอล ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล (Personalized Solutions) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับตัวเอง และดูแลอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอน เพื่อให้การตัดสินใจเข้ารับบริการเป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์
สรุปบทความ
การดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet เป็นเทคนิคที่พัฒนาเพื่อลดผลข้างเคียงจากการดูดไขมันแบบเดิม ช่วยกำจัดไขมันอย่างอ่อนโยน ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และสามารถนำไขมันที่ได้ไปเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ Body-Jet จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา เช่น ค่าใช้จ่ายที่สูง หรือข้อจำกัดในกรณีที่ต้องการกำจัดไขมันในปริมาณมาก ดังนั้นการเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์ที่มีความสามารถและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์และเหมาะสม
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666