
คนไทยเข้าข่ายภาวะโรคอ้วนถึง 30% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ นับว่าเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งปัญหาโรคอ้วนนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปร่างโดยรวมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนและส่งสัญญาณเตือนถึงโรคแทรกซ้อนเรื้อรังตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารและขาดการออกกำลังกาย จะดีกว่าไหมถ้าเราหันกลับมาดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ด้วยการเริ่มต้นเข้าใจถึงภาวะโรคอ้วนคืออะไร มีสาเหตุจากอะไรบ้าง โรคอ้วนมีอาการหรือภาวะที่สังเกตเบื้องต้นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถป้องกัน ลดความเสี่ยง และแก้ไขในกรณีที่เข้าข่ายภาวะนี้อย่างเห็นผล ดูแลให้ปลอดภัยในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพและรูปร่างอีกด้วย
เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง
โรคอ้วน คืออะไร รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเป็น
โรคอ้วน (Obesity) คือ ภาวะที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งบ่งบอกถึงการสะสมไขมันในร่างกายมากเกินไปจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกรณีของโรคอ้วนลงพุงที่เกิดจากไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากผิดปกติ และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิก (ระบบเผาผลาญพลังงาน) และหลอดเลือดหัวใจ หลายคนอาจสังเกตพบว่า โรคอ้วนจะมีอาการอื่น ๆ ตามมาด้วย เช่น เหนื่อยง่าย ปวดข้อ มีปัญหาการหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น
หากสงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายโรคอ้วนหรือไม่ วิธีเบื้องต้น คือ การวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) โดยนำ “น้ำหนัก (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร)²” โดยค่า BMI ที่ได้นั้นบ่งบอกถึงภาวะต่าง ๆ ดังนี้
- 18.5 – 22.9 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- 23 – 24.9 มีน้ำหนักเกิน
- 25 – 29.9 เข้าข่ายโรคอ้วนระดับ 1
- 30 – 34.9 โรคอ้วนระดับ 2
- มากกว่า 35 โรคอ้วนระดับรุนแรง
นอกจากนี้ ในผู้ชายที่มีรอบเอวเกิน 90 ซม. และในผู้หญิงที่มีรอบเอวเกิน 80 ซม. อาจเข้าข่าย “โรคอ้วนลงพุง” ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ จึงต้องลดพุงเร่งด่วนเพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในระยะยาว
เมื่อเข้าใจแล้วว่าภาวะนี้คืออะไร สิ่งต่อมาที่ควรทำความเข้าใจ คือ โรคอ้วนมีสาเหตุจากอะไร มีอาการและป้องกันอย่างไรได้บ้าง
สาเหตุของโรคอ้วน
โรคอ้วนเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของการทานอาหาร ไม่ออกกำลังกาย ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล บางรายอาจพบได้ว่าเกิดจากพันธุกรรม รวมถึงสาเหตุของความเครียดและการนอนหลับพักผ่อน โรคอ้วน สาเหตุ อาการ ป้องกัน
พันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคอ้วน ในกรณีที่มีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติน้ำหนักตัวเกินหรือระบบเผาผลาญพลังงานทำงานช้ากว่าปกติ ซึ่งความผิดปกติทางพันธุกรรมอาจเกี่ยวข้องกับยีนที่ควบคุมความหิว ระบบเผาผลาญ และการสะสมไขมันในร่างกาย ทำให้บางคนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่ โรคอ้วนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณที่ไม่มากและใกล้เคียงกัน
พฤติกรรมการกินอาหาร
โดยเฉพาะอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง อาหารประเภทไขมันอิ่มตัว เช่น ของทอด น้ำหวาน หรืออาหารแปรรูป ซึ่งมักให้พลังงานสูง ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็น รวมถึงการทานอาหารแคลลอรีสูงเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน หรือ “ทานมากกว่าเผาผลาญออก” อาจนำไปสู่โรคอ้วนลงพุง
ขาดการออกกำลังกาย
การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งเป็นเวลานานโดยไม่ค่อยเคลื่อนไหว เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือใช้เวลากับหน้าจอมากเกินไป ทำให้พลังงานที่ได้รับจากอาหารไม่ถูกเผาผลาญออก ส่งผลให้ไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น การไม่ออกกำลังกายยังมีส่วนให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะโรคอ้วนได้แม้จะทานอาหารในปริมาณไม่มากนัก
ฮอร์โมนและระบบเผาผลาญ
ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ หรือภาวะดื้ออินซูลิน อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคอ้วนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS (ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ) ที่มักมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องและน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ระบบเผาผลาญที่ทำงานช้าลงจากอายุที่มากขึ้น ยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักตัวพุ่งขึ้นและควบคุมได้ยาก
ความเครียดและการพักผ่อน
ความเครียดสะสมเรื้อรังส่งผลต่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ซึ่งมีผลกระตุ้นความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง เมื่อพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มจนเข้าสู่ภาวะ โรคอ้วน ในขณะเดียวกัน การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก หรือการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ ยังรบกวนการทำงานของระบบเผาผลาญ และเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเรื้อรังหลายชนิด
โรคอ้วนเสี่ยงเป็นโรคแทรกซ้อนอะไรได้อีกบ้าง
โรคอ้วนไม่ได้ส่งผลแค่รูปร่างหรือความมั่นใจ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายชนิดที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อภาวะน้ำหนักเกินสะสมเป็นระยะเวลานาน และเริ่มมีผลต่อระบบภายในร่างกาย เช่น การเผาผลาญ ฮอร์โมน และการทำงานของอวัยวะสำคัญ
เบาหวานชนิดที่ 2
การสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันหน้าท้องที่มีผลต่อการทำงานของอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายเริ่มดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดจะค่อย ๆ สูงขึ้น จนเข้าสู่ภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 ได้โดยไม่รู้ตัว โดยความผิดปกตินี้มักพบในผู้ที่น้ำหนักเกินร่วมกับพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่สมดุล และมักไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก
โรคความดันโลหิตสูง
โรคอ้วนอาจส่งผลต่อระบบทำงานของหัวใจ เพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้นส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือดไปยังร่างกายทั้งหมด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความดันโลหิต เมื่อระบบหลอดเลือดต้องรับแรงดันมากเกินไปเป็นเวลานาน จึงเกิดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
ไขมันส่วนเกินที่สะสมในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันชนิด LDL (ไขมันไม่ดีหรือไขมันเลว) ที่สะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันหรือหลอดเลือดตีบ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ไขมันพอกตับ
ปริมาณไขมันในร่างกายที่มากเกินไปอาจถูกสะสมในตับโดยไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงแรก ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า “ไขมันพอกตับ” โดยหากปล่อยไว้โดยไม่ปรับพฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวัน อาจพัฒนาเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับในระยะยาว ซึ่งความเสี่ยงจะสูงขึ้นในกลุ่มคนที่มีภาวะโรคอ้วนร่วมกับพฤติกรรมการทานอาหารที่มีไขมันสูง และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
โรคข้อเข่าเสื่อม
น้ำหนักตัวที่มากจะเพิ่มแรงกดบนข้อเข่ามากขึ้นกว่าปกติหลายเท่า โดยเฉพาะเวลาที่ต้องทำกิจกรรมที่ต้องยืน เดิน หรือขึ้นลงบันไดอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าถูกทำลายเร็วกว่าคนทั่วไป ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บตึง ข้อติด รวมถึงเคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากในระยะยาว และหากไม่ได้ลดน้ำหนักหรือดูแลอย่างเหมาะสม อาจต้องถึงขั้นผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
โรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ
คนที่มีภาวะโรคอ้วนมักมีอาการอื่นร่วมด้วย โดยหนึ่งในนั้น คือ “อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ซึ่งเกิดจากไขมันรอบคอและทางเดินหายใจทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง ส่งผลให้เกิดเสียงกรนและการหยุดหายใจสั้น ๆ ระหว่างนอนหลับโดยไม่รู้ตัว ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่เป็น แต่ในผู้หญิงก็พบได้เช่นกัน โดยแนะนำให้ใช้วิธีแก้อาการนอนกรนในผู้หญิงอย่างถูกต้อง ร่วมกับปรับการทานอาหารและออกกำลังกาย หรือในผู้ที่มีอาการง่วงผิดปกติแม้นอนหลับเพียงพอ ควรพิจารณาเข้ารับการตรวจเชิงลึก
วิธีป้องกันไม่ให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วน
การรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่ต้นจะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะน้ำหนักเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ล้วนเป็นพื้นฐานของการดูแลสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของโรคอ้วนลงพุงมีวิธีรักษาอย่างเหมาะสม โดยควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรม และหากจำเป็นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือแพทย์
ปรับพฤติกรรมการกิน
การเลือกทานอาหารในแต่ละวันมีผลอย่างมากต่อการควบคุมน้ำหนัก การลดอาหารที่มีพลังงานสูง เช่น ของทอด น้ำหวาน และแป้งขัดสี จะช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย และควรเน้นทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง โปรตีนคุณภาพดี และไขมันดีในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงค่า BMR ซึ่ง BMR คือ ค่าพลังงานพื้นฐานที่ร่างกายต้องใช้ในแต่ละวัน แม้ในขณะที่ไม่ได้ออกแรง หากทานอาหารเกินกว่าค่า BMR ร่างกายจะสะสมพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปแบบของไขมัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินได้โดยไม่รู้ตัว
เพิ่มการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงยังช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยอาจไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก แต่ขอให้ทำเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ก็ถือว่าเพียงพอในการช่วยป้องกันโรคอ้วนได้ในระยะยาว
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับเพียงพอและมีคุณภาพจะส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมน้ำหนัก เพราะเมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่มจะทำงานผิดปกติ ส่งผลให้รู้สึกหิวบ่อยและอยากอาหารที่ให้พลังงานสูง การนอนน้อยยังทำให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงควรนอนหลับให้ได้ 7 – 9 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและลดความเสี่ยงโรคอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาสุขภาพ
ในบางกรณีที่มีน้ำหนักตัวมากอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ การพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมจึงเป็นแนวทางที่มีสามารถดูแลให้ปลอดภัยและแม่นยำ โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มมีอาการของโรคอ้วน เช่น น้ำหนักเพิ่มเร็ว หายใจลำบาก หรืออ่อนเพลียเรื้อรัง เพื่อจะได้วางแผนการดูแลอย่างเหมาะสมและถูกจุดตั้งแต่เนิ่น ๆ
References
https://www.niddk.nih.gov/health-information/weight-management/adult-overweight-obesity/health-risks
https://www.cdc.gov/obesity/basics/consequences.html
https://asmbs.org/patients/impact-of-obesity/
สรุปบทความ
“โรคอ้วน” ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก แต่คือ “ปัญหาสุขภาพที่อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนร้ายแรงหลายชนิด” การสังเกตสัญญาณและประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนดูแลได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการทานอาหาร ออกกำลังกาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน ซึ่งการรักษาที่ถูกวิธีตั้งแต่ต้นจะช่วยลดโรคแทรกซ้อนในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้น เราจึงไม่ควรละเลยสัญญาณเล็ก ๆ ของร่างกาย เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจในทุกวัน
หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดรูปร่างและรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับโปรแกรม After Care ของเรา สามารถติดต่อสอบถามทีมเจ้าหน้าที่ของ AM International Hospital ได้ตามช่องทางดังนี้
- Facebook : AM International Hospital
- Instagram : am_inter_hospital
- LINE Official : @amhospital
- เบอร์โทร : 064-445-5666
Post Info
Social Media