loader image

ยกกระชับทรวงอก (Breast Lift) แก้หน้าอกหย่อนคล้อย มีกี่แบบ?

การทำ Breast Lift หรือการยกกระชับทรวงอก เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของหน้าอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิงที่อายุมาก ผ่านการตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือแม้แต่คนที่เคยน้ำหนักตัวมากและลดลงเร็วจนผิวย้วย ทรวงอกที่เคยเต่งตึงก็อาจเริ่มหย่อนคล้อย ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของหลาย ๆ คน

การยกกระชับทรวงอกในปัจจุบันนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี มารู้จักกับการยกกระชับทรวงอกให้มากขึ้น เพื่อการตัดสินใจที่มั่นใจและเหมาะกับตัวเองกันเลย!

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

ยกกระชับทรวงอก คืออะไร?

การยกกระชับทรวงอก (Breast Lift) คือ วิธีศัลยกรรมหรือหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อย โดยการปรับตำแหน่งเต้านม ยกหัวนมให้อยู่สูงขึ้น และปรับรูปทรงให้ดูอวบอิ่มกระชับขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดซิลิโคน (แต่สามารถทำร่วมกับการเสริมหน้าอกได้หากต้องการ)

สาเหตุที่ทำให้ทรวงอกหย่อนคล้อยอาจเกิดได้จากทั้งอายุที่มากขึ้น การลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร หรือพันธุกรรม ซึ่งล้วนส่งผลให้เนื้อเยื่อเต้านมสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวหนังเกิดการขยายตัวและหย่อนยานลงตามธรรมชาติ การทำ Breast Lift จึงมีจุดประสงค์ช่วยปรับความเต่งตึงของหน้าอก ทำให้รูปร่างโดยรวมดูสมส่วน เพื่อให้รู้สึกมั่นใจและใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

เช็กสาเหตุหน้าอกหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร?

หน้าอกที่เคยเต่งตึง อวบอิ่ม อาจเริ่มสูญเสียความกระชับตามกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่างไรก็ตาม สาเหตุของหน้าอกหย่อนคล้อยอาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือปัจจัยด้านพันธุกรรม ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความกระชับของทรวงอก

  • อายุที่เพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลงไปด้วย
  • แรงโน้มถ่วง หน้าอกที่มีน้ำหนักหรือมีขนาดใหญ่มาก ๆ อาจได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง ทำให้หย่อนคล้อยเร็วขึ้น
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร เต้านมขยายตัวในช่วงตั้งครรภ์และหดตัวลงอย่างรวดเร็วหลังหยุดให้นม ส่งผลให้โครงสร้างผิวและเนื้อเยื่อปรับตัวไม่ทัน
  • น้ำหนักเปลี่ยนแปลงบ่อย การลดหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนังขยายและหดตัวซ้ำๆ ส่งผลให้สูญเสียความกระชับ
  • พันธุกรรม ลักษณะผิว ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม และโครงสร้างร่างกายเป็นปัจจัยที่ส่งต่อทางพันธุกรรม
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย และไม่ใส่ชุดชั้นในที่พยุงหน้าอกอย่างเหมาะสม อาจเร่งให้หน้าอกหย่อนคล้อยเร็วขึ้น

วิธียกกระชับทรวงอกไม่ผ่าตัด (Nonsurgical Breast Lift)

สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับทรวงอกโดยไม่ต้องผ่าตัด ปัจจุบันมีเทคนิคที่ช่วยฟื้นฟูความเต่งตึงของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอาศัยการกระตุ้นคอลลาเจนหรือใช้พลังงานจากเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อลดความหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับหน้าอกให้ดูสวยกระชับขึ้น ได้แก่

1. การทำไมโครนีดลิ่งกระตุ้นคอลลาเจน (Miconeedling)

ยกตัวอย่างเช่น Morpheus8 เทคนิคที่ใช้เข็มขนาดเล็กจำนวนหนึ่งส่งพลังงานเข้าไปยังชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ช่วยให้ผิวบริเวณหน้าอกกระชับและเรียบเนียนขึ้น วิธีนี้มักจะเน้นการกระชับผิวชั้นนอกมากกว่า และไม่ได้มีส่วนช่วยในการกระชับผิวชั้นในหรือกล้ามเนื้อ จึงเหมาะกับคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยและผิวหน้าอกมีรอยยับย่นเท่านั้น

2. ยกกระชับทรวงอกแบบไร้แผล (Non-scar Breast Lift)

เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานพลาสมา ส่งผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังชั้นเดียวกับชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและช่วยให้ผิวบริเวณโดยรอบเกิดการหดตัว ยกตัวอย่างเช่น J-Plasma ซึ่งประกอบด้วยหัวส่งพลังงานขนาดเล็กที่เหมาะกับการกระชับหน้าอกให้เต่งตึงมากยิ่งขึ้น โดยจะทิ้งแผลไม่เกิน 3-5 เซนติเมตรหรือน้อยกว่า ทำให้หลังทำไม่ต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดเวลา ไม่อยากผ่าตัด แต่จะเหมาะกับคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยหรือหน้าอกย้วยเล็กน้อยจนถึงปานกลางเท่านั้น

รู้หรือไม่! ยกกระชับทรวงอก ทำพร้อมเติมไขมันหน้าอกได้นะ!

การยกกระชับทรวงอกสามารถทำร่วมกับการเติมไขมันหน้าอก (Fat Grafting Breast Augmentation) ได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หน้าอกกระชับขึ้น ยังช่วยเสริมให้หน้าอกดูอวบอิ่ม ดูเป็นธรรมชาติกว่าการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียว

วิธียกกระชับทรวงอกด้วยการผ่าตัด (Breast Lift surgery)

สำหรับผู้ที่มีปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อยปานกลางถึงรุนแรงมาก การยกกระชับทรวงอกด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนและถาวรกว่าการไม่ผ่าตัด โดยศัลยแพทย์จะสามารถทำการปรับตำแหน่งเต้านม ยกหัวนมให้อยู่สูงขึ้น พร้อมตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยให้กระชับได้ภายในการผ่าตัดหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกก็มีอยู่ด้วยกันหลายเทคนิค ซึ่งเลือกใช้ตามระดับความหย่อนคล้อยของเต้านม สามารถจำแนกวิธีผ่าตัดตามลักษณะของแผลผ่าตัดยกกระชับทรวงอกเป็นทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่

ผ่าตัดแบบแผลแนวตั้ง (Lollipop)

เป็นการกรีดแผลรอบปานนมลงมาถึงใต้เต้านมคล้ายแท่งอมยิ้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยปานกลาง ต้องการยกกระชับเต้านมโดยไม่ต้องตัดผิวหนังมากเกินไป

ผ่าตัดแบบแผลรูปสมอเรือ (Anchor หรือ Invert T)

เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมาก โดยแผลจะมีลักษณะเป็นรูปตัว T กลับหัว ทำให้สามารถยกกระชับและปรับรูปร่างหน้าอกได้อย่างเต็มที่

ผ่าตัดแบบแผลรูปตัว O (O-Scar/Donut)

เป็นการกรีดแผลรอบปานนมเป็นวงกลมคล้ายโดนัท นิยมใช้สำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อยและต้องการลดขนาดปานนมร่วมด้วย

ผ่าตัดแบบแผลจันทร์เสี้ยว (Crescent)

เป็นการกรีดแผลเฉพาะส่วนบนของปานนมในรูปพระจันทร์เสี้ยว เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยและต้องการปรับตำแหน่งหัวนมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ขั้นตอนการทำยกกระชับทรวงอก

การยกกระชับทรวงอกสามารถทำได้ทั้งแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีมีขั้นตอนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอกและผลลัพธ์ที่ต้องการ มาดูกันว่าขั้นตอนของแต่ละวิธีมีอะไรบ้าง

ขั้นตอนการยกกระชับทรวงอก ไม่ผ่าตัด

  • ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อตรวจประเมินระดับความหย่อนคล้อยและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
  • เตรียมผิวก่อนทำ ด้วยการทำความสะอาดผิว และอาจมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมด้วยในบางกรณี
  • เริ่มทำการกระชับหน้าอก ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ หากเป็นการใช้ J-Plasma จะต้องผ่านการเปิดแผลก่อน (ยาชาหรือยาสลบ)
  • ดูแลหลังทำ โดยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ขั้นตอนการยกกระชับทรวงอก ผ่าตัด

  • ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อเลือกเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมกับระดับความหย่อนคล้อย
  • ตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด เช่น ตรวจเลือด เช็กความพร้อมของร่างกาย และอื่น ๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
  • ทำเครื่องหมายบนทรวงอก เพื่อกำหนดแนวการผ่าตัดและตำแหน่งหัวนมใหม่ (กรณีที่ต้องการแก้ไขตำแหน่งหัวนม)
  • ดมยาสลบและทำการผ่าตัด ใช้เวลา 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้ และความซับซ้อนของแต่ละเคสผ่าตัด
  • พักฟื้นและดูแลแผลผ่าตัด โดยปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้แผลหายดีและลดโอกาสเกิดแผลเป็น

การเตรียมตัวก่อน-หลังทำยกกระชับทรวงอก

การทำยกกระชับทรวงอกต้องมีการเตรียมตัวที่เหมาะสม และดูแลตัวเองหลังทำอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้หน้าอกกระชับสวยอยู่ได้นานขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับทรวงอก

ก่อนทำ Breast Lift ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยมีขั้นตอนที่แตกต่างกันระหว่างการทำแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด

วิธีเตรียมตัวก่อนยกกระชับหน้าอกไม่ผ่าตัด

  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
  • งดการใช้สกินแคร์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 7 วันขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและการสัมผัสความร้อน เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองหลังทำ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและตอบสนองต่อการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ดี
  • แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาใด ๆ อยู่ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงหลังทำ

วิธีเตรียมตัวก่อนผ่าตัดยกกระชับทรวงอก

  • ตรวจสุขภาพและเต้านม เช่น ตรวจเลือด ตรวจแมมโมแกรม หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น
  • งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 เดือนก่อนผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
  • เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อแบบติดกระดุมหน้า เพื่อลดแรงกดทับบริเวณแผล
  • จัดเตรียมที่พักฟื้นและผู้ดูแลให้พร้อมก่อนทำ เนื่องจากหลังทำอาจรู้สึกเจ็บ ปวด ต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิด

การดูแลตัวเองหลังยกกระชับทรวงอก

การดูแลตัวเองหลังทำ Breast Lift เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน และช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยการดูแลจะแตกต่างกันระหว่างแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ดังนี้

วิธีดูแลตัวเองหลังยกกระชับหน้าอกไม่ผ่าตัด

  • หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • งดการสัมผัสหน้าอก เช่น การกด นวด หรือใส่เสื้อรัดแน่นหน้าอกจนเกินไป อาจทำให้ระคายเคือง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงเฉพาะจุดที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
  • เข้ารับการรักษาต่อเนื่อง เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามและประเมินผลการรักษาได้อย่างถูกต้อง

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดยกกระชับทรวงอก

  • สวมบราพยุงหน้าอก (Surgical Bra) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงแรก เพื่อพยุงหน้าอกและป้องกันการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป
  • งดออกกำลังกายหนักและยกของหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฉีกขาดของแผลผ่าตัด
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และพยายามนอนให้ศีรษะสูงกว่าหน้าอก เพื่อให้หน้าอกอยู่ในท่าทางที่ถูกต้องตามสรีระ
  • ลุกเดินบ้างระหว่างวัน เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนในร่างกาย ไม่ควรนั่งหรือนอนอยู่ที่เดิมทั้งวัน
  • ทำแผลและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดการติดเชื้อและช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
  • ติดตามผลกับศัลยแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจเช็กแผลและประเมินผลลัพธ์หลังทำ

เช็กเลย! ‘หน้าอกยานระดับไหน’ เหมาะกับการยกกระชับทรวงอก

การยกกระชับหน้าอกไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีภาวะหน้าอกหย่อนคล้อยในระดับที่ชัดเจน การประเมินระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอกจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญก่อนตัดสินใจทำหัตถการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ระดับดังนี้

  • หน้าอกทรงปกติ (Normal) หัวนมอยู่ในระดับเดียวกับฐานหน้าอก หรือสูงกว่าเล็กน้อย ผิวแน่น เต่งตึง ยังไม่มีภาวะหย่อนคล้อย
  • หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 1 (Grade 1: Mild Ptosis) หัวนมเริ่มต่ำกว่าระดับฐานหน้าอกเล็กน้อย ประมาณไม่เกิน 1 ซม. ยังอยู่ในระดับที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่สามารถพิจารณาใช้วิธีไม่ผ่าตัดร่วมได้
  • หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 2 (Grade 2: Moderate Ptosis) หัวนมหย่อนลงต่ำจากฐานหน้าอก 2–3 ซม. เริ่มเห็นชัดว่ารูปทรงเต้านมหย่อนคล้อยลง เหมาะกับการยกกระชับด้วยเทคนิคผ่าตัด
  • หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 3 (Grade 3: Significant Ptosis) หัวนมอยู่ต่ำกว่าฐานหน้าอกมากกว่า 3 ซม. และมักหันชี้ลงด้านล่าง เหมาะกับการผ่าตัดยกกระชับร่วมกับการเสริมเต้านมหรือใส่ซิลิโคนเพื่อเติมวอลุ่ม
  • ภาวะหลอก (Pseudoptosis) หัวนมยังอยู่ในระดับปกติ แต่เนื้อหน้าอกส่วนล่างหย่อนลงต่ำ จนดูคล้ายภาวะหย่อนคล้อย มักพบในผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเยอะหลังลดน้ำหนักหรือให้นมบุตร
  • รูปทรงเต้านมผิดปกติ (Parenchymal Maldistribution) เนื้อหน้าอกกระจายไม่สม่ำเสมอ มีลักษณะคล้ายหย่อนคล้อยแต่ไม่เห็นหัวนมชัดเจน มักต้องวางแผนการผ่าตัดเฉพาะราย

ผลข้างเคียงจากการยกกระชับทรวงอก มีข้อไหนที่ต้องระวังบ้าง?

การยกกระชับทรวงอกไม่ว่าจะเป็นแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด ล้วนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นอาการชั่วคราวที่สามารถหายเองได้ แต่ในบางกรณีอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ มาดูกันว่ามีข้อควรระวังอะไรบ้าง

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป

  • อาการบวมและช้ำ มักเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังทำ โดยเฉพาะแบบผ่าตัด ซึ่งจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
  • เจ็บหรือรู้สึกตึงหน้าอก เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการรักษา แต่อาการจะค่อย ๆ บรรเทาลง
  • อาการคันบริเวณแผล (เฉพาะแบบผ่าตัด) มักเกิดขึ้นระหว่างที่แผลกำลังสมานตัว
  • มีรอยแดงหรือระคายเคืองผิวหนัง สำหรับผู้ที่ทำแบบไม่ผ่าตัด อาจเกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อพลังงานที่ใช้
  • ความรู้สึกบริเวณหน้าอกเปลี่ยนไป (เฉพาะแบบผ่าตัด) อาจเกิดอาการชาหรือไวต่อความรู้สึก ซึ่งมักจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ (ต้องพบแพทย์โดยด่วน)

  • แผลติดเชื้อหรือมีหนอง (เฉพาะแบบผ่าตัด) หากมีอาการบวมแดงรุนแรง ร้อนบริเวณแผล หรือมีหนองออกมา ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • เลือดออกผิดปกติ (เฉพาะแบบผ่าตัด) หากมีเลือดไหลไม่หยุดหรือกดแล้วเลือดยังคงซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • เจ็บหน้าอกรุนแรงผิดปกติ หากมีอาการปวดมากจนทนไม่ไหว หรือเจ็บร้าวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน
  • หน้าอกผิดรูปหรือแผลไม่หาย หากหน้าอกเกิดการผิดรูปผิดขนาด หรือแผลไม่สมานตัวภายในเวลาที่ควร
  • มีไข้สูงหรืออาการอักเสบรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว

สรุป ข้อดี-ข้อเสียของการยกกระชับหน้าอกทั้งสองแบบ

 

ยกกระชับอกแบบไม่ผ่าตัด

ยกกระชับอกแบบผ่าตัด

ผลลัพธ์

ไม่ถาวร ต้องทำซ้ำเป็นระยะ

เห็นผลชัดเจนในระยะยาว

ระดับความหย่อนคล้อยที่เหมาะสม

เล็กน้อยถึงปานกลาง

ปานกลางถึงรุนแรง

ระยะเวลาการเห็นผล

ค่อย ๆ เห็นผล ต้องรอให้คอลลาเจนสร้างตัว

เห็นผลทันทีหลังผ่าตัด แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้น

ระยะเวลาพักฟื้น

ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก 4-6 สัปดาห์

รอยแผล

ไม่มีแผล

มีแผล ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน

น้อย ส่วนใหญ่เป็นอาการบวมแดงชั่วคราว

อาจมีแผลเป็น แผลติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ หรืออาการชาในบางราย

ค่าใช้จ่าย

ต่ำกว่าการผ่าตัด แต่ต้องทำหลายครั้ง

สูงกว่า แต่ทำครั้งเดียวได้ผลลัพธ์ระยะยาว

ความสามารถในการปรับรูปทรงหน้าอก

จำกัด ทำให้ตึงกระชับขึ้นแต่ไม่สามารถปรับตำแหน่งหัวนมได้

ครอบคลุมกว่า หากต้องการแก้ปัญหาหน้าอกหลายส่วน

ยกกระชับทรวงอกราคาเท่าไร?

ราคาการยกกระชับทรวงอก เริ่มต้นที่ 50,000+ บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคนิคที่ใช้ ระดับความหย่อนคล้อย ขนาดหน้าอก และโรงพยาบาลที่เลือก โดยการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดมักมีราคาต่ำกว่าการผ่าตัด และอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ ส่วนการผ่าตัดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่นานกว่า

ราคายกกระชับอก รวมค่าใช้จ่ายส่วนไหนแล้วบ้าง?

โดยปกติ ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับทรวงอกจะครอบคลุมบางหรือทั้งหมดของรายการต่อไปนี้

  •  ค่าปรึกษาแพทย์และวางแผนการรักษา
  •  ค่าหัตถการหรือค่าผ่าตัด
  •  ค่าดมยาสลบ (ในกรณีผ่าตัด)
  •  ค่ายาและเวชภัณฑ์
  •  ค่าใช้จ่ายในการพักฟื้น (หากทำที่โรงพยาบาล)
  •  การติดตามผลและตรวจเช็กหลังทำ

อย่างไรก็ตาม ราคาที่แจ้งอาจไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่ายากลับบ้าน ค่าพยาบาล หรือค่าดูแลแผลในระยะยา ดังนั้น ควรสอบถามรายละเอียดกับโรงพยาบาลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ

Q&A คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำกระชับทรวงอก

หลังทำกระชับทรวงอก นมจะกลับมาย้วยอีกไหม?

หากทำแบบไม่ผ่าตัดผลลัพธ์ไม่ถาวร อาจต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อคงความกระชับ หากทำแบบผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่ยังสามารถหย่อนคล้อยได้ตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับอายุ การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

โดยทั่วไปต้อง พักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดบวมและให้แผลสมานตัว ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักและการยกของหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลฉีกขาด

ในระหว่างผ่าตัดจะมี การใช้ยาชาหรือดมยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวดตึงซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์

ช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันแรงกดทับที่หน้าอก หลังจากแผลหายดีแล้ว สามารถนอนตะแคงได้ แต่ควรสวมสปอร์ตบรา เพื่อประคองหน้าอกและลดแรงกด

การยกกระชับช่วยแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้ แต่ไม่ได้เพิ่มปริมาณเนื้อหน้าอก หากต้องการเพิ่มเนินอกให้เต็มขึ้น อาจต้องเสริมหน้าอกร่วมด้วย เช่น การเติมไขมัน (Fat Grafting) หรือเสริมซิลิโคนหน้าอก ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำกระชับทรวงอก

สรุป

การยกกระชับทรวงอกเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุงรูปร่างและฟื้นฟูความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเลือกวิธี ไม่ผ่าตัด หรือ ผ่าตัด ก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล

วิธียกกระชับทรวงอกแบบไม่ผ่าตัด จะเหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่ต้องการพักฟื้นนาน แต่ผลลัพธ์จะไม่ถาวร ต้องทำซ้ำเพื่อคงความกระชับ ส่วนการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก เป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ระยะยาว เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมากและต้องการการปรับแต่งรูปทรงหน้าอก แต่จะต้องพักฟื้น และอาจมีความเสี่ยงจากแผลผ่าตัดด้วย

ก่อนตัดสินใจเลือกวิธียกกระชับหน้าอก จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกวิธีที่ดีที่สุดตามความต้องการและสภาพร่างกาย โดยทั้งสองวิธีสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำอย่างถูกวิธี!