loader image

กำจัดไขมัน ผ่าตัดเหนียง (Double Chin Surgery) หน้าเรียว กรอบคมชัด

การผ่าตัดเหนียง (Double Chin Surgery) เป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณเหนียงใต้คางอย่างตรงจุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมากจนส่งผลให้กรอบหน้าไม่ชัด หน้าดูกลมกว่าความเป็นจริง การผ่าตัดช่วยลดเหนียงใต้คางและปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับได้อย่างดูเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมแนวกรอบหน้าให้คมชัดโดยไม่ต้องพึ่งการดูดไขมันหรือการฉีดลดไขมันเพียงอย่างเดียว และให้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนตั้งแต่หลังทำ ช่วยคืนความมั่นใจให้กับโครงหน้าทั้งในมุมตรงและมุมด้านข้างอย่างลงตัว

ทว่าการผ่าตัดลดเหนียงใต้คางนั้น ก็เป็นการศัลยกรรมที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เนื่องจากใต้เหนียงเป็นส่วนที่บอบบางและต้องระมัดระวังอย่างมาก เราจึงต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัดเหนียงอย่างถูกต้อง มาดูข้อควรรู้ต่าง ๆ กัน

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

การผ่าตัดเหนียง คืออะไร?

การผ่าตัดเหนียง (Double Chin Surgery) คือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อลดไขมันและกำจัดเนื้อเยื่อส่วนเกินที่สะสมบริเวณใต้คางและกรอบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และเสียความคมชัดของกรอบหน้า

การผ่าตัดเหนียงไม่ได้เป็นเพียงการเอาไขมันออกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับแต่งชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณเหนียง เพื่อให้รูปหน้าโดยรวมเรียวขึ้น ชัดเจนขึ้น และได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน โดยเน้นการให้ผลลัพธ์ระยะยาวและเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนหลังทำ

การผ่าตัดเหนียงมีกี่ประเภท?

การผ่าตัดเหนียงมีหลายเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหนียงใต้คางตามลักษณะของไขมัน ผิวหนัง และกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล แต่ละวิธีมีจุดเด่นแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดแผล วิธีการพักฟื้น และผลลัพธ์สุดท้าย การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับการประเมินอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทาง มาดูกันว่ามีวิธีการผ่าตัดทั้งหมดกี่ประเภท

การดูดไขมันเหนียงใต้คาง (Double Chin Liposuction)

การดูดไขมันเหนียงใต้คางเป็นวิธีที่เน้นกำจัดไขมันส่วนเกินออกโดยตรง ผ่านการสอดท่อดูดไขมันเข้าไปในแผลเล็ก ๆ ขนาด 3-5 มิลลิเมตรบริเวณใต้สันกรามหรือใต้คาง (ขึ้นอยู่กับวิธีของแพทย์ว่าจะเปิดแผลจุดไหนบ้าง) วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมจำนวนมากแต่ยังมีความกระชับของผิวดีอยู่ ไม่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง 

การผ่าตัดยกกระชับทั้งใบหน้า (Face Lift)

การผ่าตัดยกกระชับใบหน้าจะเปิดแผลบริเวณผิวส่วนกรามหน้าใบหู จากนั้นทำการยกกระชับโดยการกำจัดผิวหนังส่วนเกินของใบหน้าออกไป เพื่อแก้ไขทั้งปัญหาเหนียงหย่อนคล้อย ริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของใบหน้าโดยรวมด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับทั้งใบหน้าและลดเหนียงใต้คางไปพร้อม ๆ กัน 

การผ่าตัดเสริมคาง (Chin implant)

การผ่าตัดเสริมคางเป็นการวางซิลิโคนเสริมโครงสร้างบริเวณคาง เพื่อปรับความยาวและรูปทรงของคางให้สมดุลกับลำคอและใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีเหนียงหย่อนยานมาก แต่ต้องการปรับแนวคางให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม ช่วยให้เหนียงใต้คางดูกระชับและแนวกรอบหน้าคมชัดมากขึ้นโดยไม่ต้องตัดผิวหนังหรือไขมันออก

การผ่าตัดกล้ามเนื้อพลาสทิสมา (Platysmaplasty)

การผ่าตัดกล้ามเนื้อพลาสทิสมา จะเป็นการศัลยกรรมเหนียงที่เน้นการเย็บกระชับกล้ามเนื้อพลาสทิสมา (Platysma Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ ที่ทอดตัวจากบริเวณคางลงไปถึงไหปลาร้า เมื่อกล้ามเนื้อนี้หย่อน จะทำให้คอและเหนียงดูหย่อนคล้อย การเย็บกระชับกล้ามเนื้อช่วยฟื้นฟูความตึงกระชับของสัดส่วนบริเวณลำคอ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงหย่อนเนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ได้เกิดจากไขมันสะสมเพียงอย่างเดียว

การผ่าตัดยกกระชับเหนียงคอ (Neck Lift หรือ Chin Tuck)

การผ่าตัดยกกระชับเหนียงคอ (Neck Lift หรือ Chin Tuck) เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนยานอย่างชัดเจนบริเวณใต้คางและลำคอ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวย้วยมากจากอายุหรือการลดน้ำหนักที่มากเกินไป การตัดผิวหนังส่วนเกินออกจะช่วยให้แนวคอดูกระชับ เรียบเนียน และสร้างความชัดให้กับแนวกรอบหน้ามากขึ้น (สามารถทำพร้อมกับการผ่าตัดกล้ามเนื้อพลาสทิสมาหรือการดูดไขมันเหนียงได้)

การดูดไขมันร่วมกับการผ่าตัดเหนียง (Submentoplasty)

การดูดไขมันร่วมกับการผ่าตัดเหนียง หรือ Submentoplasty เป็นเทคนิคที่ผสานการดูดไขมันใต้คาง การเย็บกระชับกล้ามเนื้อพลาสทิสมา และการตัดแต่งเนื้อเยื่อผิวหนังส่วนเกินเข้าไว้ด้วยกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมาก ร่วมกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยและกล้ามเนื้อส่วนคออ่อนแรง การผ่าตัดเหนียงสามประเภทควบคู่กันนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเหนียงได้อย่างครอบคลุม และให้ผลลัพธ์ระยะยาว

ขั้นตอนการผ่าตัดเหนียง

การผ่าตัดเหนียงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างละเอียดและความแม่นยำในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ โดยขั้นตอนการผ่าตัดเหนียงเบื้องต้น มีดังนี้

ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาเหนียงอย่างละเอียด

ศัลยแพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างใต้คางและลำคอ เพื่อวิเคราะห์ปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง และสภาพกล้ามเนื้อ โดยจะวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้แนวกรอบหน้าที่เรียวชัด

เตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด

ก่อนการผ่าตัด จะมีการตรวจร่างกายเบื้องต้น รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย เช่น การแข็งตัวของเลือด การทำงานของอวัยวะสำคัญ รวมถึงประวัติการแพ้ยา เพื่อวางแผนการใช้ยาชาหรือยาสลบอย่างปลอดภัย

ระงับความเจ็บปวดก่อน

ในระหว่างการผ่าตัด จะต้องผ่านการระงับความเจ็บปวดด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การยาชาเฉพาะที่ร่วมกับการดมยาสลบ ซึ่งดำเนินการโดยวิสัญญีแพทย์เท่านั้น เพื่อให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่เจ็บปวดระหว่างผ่าตัด

เปิดแผลและการผ่าตัดเหนียง

ศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณใต้คาง โดยมักจะใช้วิธีการซ่อนแผลตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการเป็นหลัก แล้วทำการผ่าตัดหรือดูดไขมันเพื่อนำไขมันส่วนเกินบริเวณเหนียงใต้คางออกอย่างประณีต เพื่อลดขนาดและความหนาของไขมันเหนียงอย่างได้สัดส่วน

เย็บกระชับกล้ามเนื้อพลาสทิสมา

หากมีความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อพลาสทิสมาใต้คางและลำคอ จะมีการเย็บกระชับกล้ามเนื้อให้แน่นขึ้น เพื่อเสริมโครงสร้างภายในและสร้างแนวคอที่ตึงกระชับ ช่วยให้ผลลัพธ์หลังทำดูเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

เย็บปิดแผลเหนียงใต้คาง เป็นอันเสร็จสิ้นการผ่าตัด

ขั้นตอนสุดท้าย คือการเย็บปิดแผลด้วยเทคนิคต่าง ๆ ตามที่ศัลยแพทย์แต่ละคนเลือกใช้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีการออกแบบมาเพื่อลดการเกิดแผลเป็นให้ได้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ แนวแผลจะถูกซ่อนอยู่บริเวณใต้คาง ทำให้สังเกตเห็นได้ยากเมื่อแผลหายสนิท

ข้อดีของการผ่าตัดเหนียง

  • ลดเหนียง กำจัดไขมันส่วนเกินใต้คาง และแก้ไขปัญหาคางสองชั้นอย่างเห็นผล
  • เก็บแนวกรอบหน้าให้ดูเรียว กระชับ และได้สัดส่วนชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ยกกระชับผิวบริเวณใบหน้าและต้นคอที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับอย่างดูเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยมอบความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า โดยลดความหย่อนคล้อยที่บ่งบอกอายุ
  • แก้ไขปัญหาใบหน้าไม่ได้รูปที่เกิดจากไขมันสะสมและกล้ามเนื้อพลาสทิสมาหย่อนคล้อย
  • เสริมบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจในการถ่ายรูป พบปะ การเข้าสังคม หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ

ผ่าตัดเหนียงเหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาคอสองชั้น เหนียงใต้คาง และกรอบหน้าไม่ชัด
  • ผู้ที่เคยฉีดลดไขมันหรือนวดลดไขมันมาแล้ว แต่เหนียงยังไม่ลดลง
  • ผู้ที่มีใบหน้ากลม หน้าดูกว้าง หรือมีไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้ามาก
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แนวกรอบหน้าคมชัด
  • ผู้ที่ต้องการเสริมให้คอดูเรียวยาว ช่วยปรับความสมดุลระหว่างคอและใบหน้า
  • ผู้ที่มีคางสั้น คางตัด ต้องการเสริมแนวกรอบหน้าถึงส่วนคางให้คมชัดยิ่งขึ้น

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเหนียง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเหนียงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าวางแผนใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบเต็มรูปแบบในระหว่างการผ่าตัด รายละเอียดดังนี้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเหนียงด้วยยาชา

  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนวันผ่าตัด
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายก่อนมาผ่าตัดประมาณ 3 ชั่วโมงขึ้นไป หรืองดเลย
  • งดการทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนวันผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนผ่าตัด
  • สวมใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หลวมสบาย ง่ายต่อการเปลี่ยนชุด
  • แนะนำให้นำเพื่อนหรือญาติมาด้วยอย่างน้อย 1 คน เพื่อช่วยดูแลหลังผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเหนียงด้วยยาสลบ

  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนวันผ่าตัด
  • งดการทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนวันผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดดื่มน้ำและงดอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคติน งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดแต่งหน้า ทาครีม หรือทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใด ๆ บนใบหน้า
  • ไม่ใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น สร้อยคอ แหวน ต่างหู นาฬิกา
  • ตัดเล็บมือให้สั้น และเช็ดสีเล็บออกอย่างน้อย 1 นิ้ว เพื่อให้วิสัญญีแพทย์ตรวจวัดระดับออกซิเจนได้สะดวก
  • สวมเสื้อผ้าสีเข้ม ใส่สบาย และง่ายต่อการถอดเปลี่ยน (แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้า)
  • ต้องมีญาติหรือเพื่อนมารับกลับ เนื่องจากหลังยาสลบอาจมีอาการมึนงง ห้ามขับรถกลับเองเด็ดขาด

วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเหนียง

การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังผ่าตัดเหนียงมีความสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นตัวของแผล ลดอาการบวมช้ำ และช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาตอบโจทย์ยิ่งขึ้น การปฏิบัติตามแนวทางการดูแลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัดมีรายละเอียดดังนี้

  • ประคบเย็นบริเวณที่ผ่าตัดทันทีหลังการผ่าตัด อย่างน้อย 72 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ โดยจะต้องไม่ใช้น้ำแข็งประคบบนผิวโดยตรง ให้ใช้ผ้าสะอาดห่อก่อนเสมอ
  • นอนหนุนหมอนสูงประมาณ 10–15 เซนติเมตรในช่วง 2–3 วันแรก เพื่อช่วยระบายน้ำเหลืองและลดอาการบวม
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วน เพื่อควบคุมอาการปวดและลดอาการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้า คอ หรือการแสดงสีหน้ามากเกินไปในช่วง 2–3 วันแรก
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส การกด หรือการกระแทกบริเวณที่ผ่าตัดจนกว่าแผลจะหายดี
  • งดการอาบน้ำหรือว่ายน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อป้องกันแผลเปียกชื้นและการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในช่วงพักฟื้น เพราะอาจรบกวนการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อในอนาคต
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนสูง ผักและผลไม้ และควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม เพื่อช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน

ผ่าตัดเหนียงมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

แม้ว่าการผ่าตัดเหนียงจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยศัลยแพทย์ แต่เช่นเดียวกับการทำศัลยกรรมอื่น ๆ ก็ยังมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงบางประการที่ควรทราบและเฝ้าระวัง ดังนี้

  • มีอาการบวมและช้ำใต้ผิวหนังบริเวณใต้คางและใบหน้า พบได้บ่อยในช่วง 1–2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
  • มีอาการปวดบวม หรือรู้สึกตึงบริเวณใบหน้าและลำคอ โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกหลังทำ
  • มีน้ำเหลืองหรือน้ำซึมออกจากแผล ซึ่งหากมีมากผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
  • แผลหายช้า หรือเกิดภาวะติดเชื้อ สามารถเกิดขึ้นได้หากการดูแลแผลหลังผ่าตัดไม่ถูกต้อง หรือห้องผ่าตัดขาดมาตรฐานความสะอาด
  • การเกิดแผลเป็นหรือแผลคีลอยด์ในบางรายที่มีแนวโน้มทางพันธุกรรม หรือปัจจัยอื่น ๆ แต่สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดลดคีลอยด์กับแพทย์
  • ความไม่สมดุลของกรอบหน้าหลังผ่าตัด เช่น เหนียงลดลงไม่เท่ากันทั้งสองข้าง หากกระบวนการผ่าตัดไม่แม่นยำหรือแพทย์ไม่มีประสิทธิภาพ
  • อาการชา ชาเฉพาะจุด หรือเส้นประสาทใต้คางถูกกระทบกระเทือน มักดีขึ้นเองภายใน 3–6 เดือน

แม้อาการส่วนใหญ่จะเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป แต่หากพบอาการผิดปกติรุนแรง เช่น แผลมีน้ำหนอง กลิ่นผิดปกติ ไข้สูง หรืออาการปวดบวมที่ไม่ลดลงตามที่ควร ควรรีบพบศัลยแพทย์ทันที เพื่อประเมินอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

Q&A : คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดเหนียง

        นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับบริการโปรแกรมฉีดโบท็อกตามด้านบนแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบได้บ่อยและคำตอบเพื่อไขข้อสงสัย เพื่อเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมในการศึกษาและทำความเข้าใจก่อนเข้ารับบริการ

1.ผ่าตัดเหนียง นานแค่ไหน?

การผ่าตัดเหนียงใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 1–2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และความซับซ้อนของแต่ละเคส เช่น มีการเย็บกล้ามเนื้อร่วมด้วยหรือไม่

สามารถทำได้ทั้งแบบยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยานอนหลับเบา ๆ หรือวางยาสลบ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความสะดวกของผู้เข้ารับการผ่าตัด

ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเริ่มเห็นได้หลังยุบบวมประมาณ 2–4 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนเต็มที่ภายใน 2–3 เดือนหลังการผ่าตัด

ในระหว่างผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากมีการให้ยาชา หรือยาสลบ หลังผ่าตัดอาจมีอาการตึง ปวดเล็กน้อย ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง

ราคาการผ่าตัดเหนียงโดยประมาณอยู่ที่ 50,000–120,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ และความซับซ้อนของปัญหาเหนียงในแต่ละบุคคล

หลังผ่าตัดเหนียงจำเป็นต้องใส่ผ้ารัดหน้าเพื่อช่วยลดบวมและกระชับผิว โดยควรใส่ติดต่อกันอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์แรก หรือตามที่ศัลยแพทย์แนะนำ

แนวกรอบหน้าและเหนียงจะกระชับขึ้นทันทีบางส่วนหลังผ่าตัด แต่จะเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่ออาการบวมลดลงภายใน 2–3 เดือน

ผลลัพธ์ของการผ่าตัดเหนียงสามารถอยู่ได้นานหลายปี หากรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ การทำซ้ำไม่จำเป็นหากไม่มีการกลับมาของไขมันส่วนเกิน

บางกรณีอาจใช้ HIFU หรือ RF เสริมภายหลัง เพื่อเก็บรายละเอียดผิวและกระตุ้นการกระชับเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่จำเป็นต่อทุกคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทราบข้อมูลที่เหมาะสมกับตัวเอง

คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดเหนียง

สรุป

การผ่าตัดเหนียงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการกำจัดไขมันสะสมใต้คาง ปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ และคืนแนวกรอบหน้าที่คมชัดได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันเหนียงปริมาณมาก หรือมีปัญหาความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อและผิวหนัง ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูดไขมันหรือการทำหัตถการอื่น ๆ

การเลือกเทคนิคการผ่าตัดเหนียง เช่น การดูดไขมันเหนียง, การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า, หรือการผ่าตัดเย็บกระชับกล้ามเนื้อ ต้องอาศัยการประเมินอย่างละเอียดโดยศัลยแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ พร้อมลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยในระยะยาว

แชร์ :