
ดูดไขมันทั้งตัวอันตรายไหม ช่วยลดน้ำหนักได้จริงไหม ใครทำได้ ใครไม่ควรทำ
ดูดไขมันทั้งตัวเป็นหัตถการที่ใช้เทคนิคทางการแพทย์ในการลดไขมันส่วนเกินจากหลายบริเวณของร่างกายในคราวเดียว แม้จะช่วยปรับรูปร่างได้อย่างชัดเจน แต่การดูดไขมันทั้งตัวไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักโดยตรง และต้องอยู่ภายใต้การประเมินจากแพทย์ ซึ่งต้องมีการพิจารณาตามความเหมาะสมและความปลอดภัย รวมถึงต้องอิงตามสภาวะร่างกาย รายละเอียดด้านสุขภาพ และความคาดหวังของแต่ละบุคคล
เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่
ดูดไขมันทั้งตัว คืออะไร
การดูดไขมันทั้งตัว (Total Body Liposuction) เป็นหัตถการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในการลดไขมันสะสมส่วนเกินออกจากหลายตำแหน่งในร่างกายพร้อมกันภายในครั้งเดียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดสัดส่วน ลดปริมาณไขมันส่วนเกิน และสร้างรูปร่างให้ได้สัดส่วนตามความเหมาะสมกับโครงสร้างร่างกายของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย
นอกจากนี้ หัตถการนี้ต้องอยู่ภายใต้การประเมินและการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ที่มีทักษะ ผสานกับองค์ความรู้ด้านหลักกายวิภาคศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้องกับสุขภาพโดยรวม การดูแลให้เกิดความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่สามารถทำได้จริงในแต่ละบุคคล
ดูดไขมันทั้งตัว ลดไขมันตำแหน่งไหนได้บ้าง
การดูดไขมันทั้งตัวสามารถลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังได้หลายตำแหน่งทั่วร่างกาย โดยขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่สะสมและเป้าหมายของผู้เข้ารับบริการ บริเวณที่สามารถดูดไขมันได้จะแตกต่างกันในแต่ละราย และต้องพิจารณาจากข้อจำกัดทางการแพทย์และความปลอดภัยเป็นหลัก ตำแหน่งที่นิยมดูดไขมัน ได้แก่
- หน้าท้องส่วนบนและส่วนล่าง
- เอวและรอบเอว (Love Handle)
- ต้นแขน
- ต้นขาด้านใน ด้านนอก และด้านหลัง
- หลังส่วนบนและล่าง
- เหนียง คาง และลำคอ
- น่อง และหัวเข่า
- บริเวณหน้าอกในบางกรณี (เช่น ภาวะ Gynecomastia ในผู้ชาย)
ดูดไขมันทั้งตัวได้สูงสุดกี่ตำแหน่งต่อครั้ง
ดูดไขมันทั้งตัวสามารถทำได้หลายตำแหน่งภายในครั้งเดียว โดยทั่วไปสามารถดูดไขมันได้ตั้งแต่ 3–5 ตำแหน่งขึ้นไปต่อการรักษาหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ต้องการกำจัด ปริมาตรของไขมันที่ดูดออก ความสามารถของร่างกายในการรับการรักษา และดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นหลัก และต้องไม่เกินขีดจำกัดทางการแพทย์ซึ่งมักอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 ซีซี ต่อครั้ง
ดูดไขมันทั้งตัวอันตรายไหม
ดูดไขมันทั้งตัวเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีทักษะและอยู่ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีการประเมินร่างกาย ตรวจเลือด และวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันหลายตำแหน่งในคราวเดียวกันมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง เช่น ภาวะเสียเลือด ความไม่สมดุลของของเหลว หรือการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ที่มีความรู้และมีความชำนาญในการดูดไขมัน
ดูดไขมันทั้งตัวเหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร
การดูดไขมันทั้งตัวไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะแม้จะช่วยปรับรูปร่างและลดไขมันส่วนเกินได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อจำกัดด้านสุขภาพและข้อพิจารณาทางการแพทย์หลายประการ การประเมินว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัว จำเป็นต้องอิงจากโครงสร้างร่างกาย ปริมาณไขมันที่สะสม ความคาดหวังของผู้รับบริการ และผลการตรวจสุขภาพโดยรวม แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสของแต่ละบุคคล เพื่อให้การดูดไขมันทั้งตัวเกิดประสิทธิภาพและการดูแลอย่างปลอดภัย
ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัว
- มีไขมันสะสมหลายตำแหน่งทั่วร่างกาย และต้องการลดสัดส่วนโดยรวม
- มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือเกินเล็กน้อย (ส่วนใหญ่มักไม่เกิน 30)
- ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นข้อห้ามในการดมยาสลบหรือทำหัตถการใหญ่
- ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและพร้อมดูแลตนเองหลังการดูดไขมัน
- มีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล และเข้าใจว่าหัตถการนี้ไม่ใช่การลดน้ำหนัก
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัว
- มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน โรคหัวใจขั้นรุนแรง โรคตับหรือไตเรื้อรัง
- มีปริมาณไขมันมากเกินไปหรือน้ำหนักตัวเกินอย่างชัดเจน (ค่า BMI สูงกว่า 35–40) ซึ่งเหมาะกับการลดน้ำหนักก่อน
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีความคาดหวังเกินจริง เช่น คาดว่าจะผอมทันทีโดยไม่ต้องควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย
- ผู้ที่เคยมีประวัติภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหรือมีภาวะเลือดแข็งตัวยาก
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการดูดไขมันทั้งตัว
การดูดไขมันทั้งตัวเป็นหัตถการที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็มีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจทำการดูดไขมันทั้งตัว ควรทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด เพื่อให้การวางแผนการรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและตรงกับเป้าหมายของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าแต่ละกรณีเหมาะสมกับหัตถการนี้หรือไม่ โดยคำนึงถึงทั้งด้านความงามและสุขภาพโดยรวม
ข้อดีของการดูดไขมันทั้งตัว
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น
- ช่วยลดไขมันสะสมในหลายจุดพร้อมกัน ทำให้สัดส่วนโดยรวมดูสมดุลขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินหลายตำแหน่งแต่ไม่ต้องการทำหัตถการหลายครั้ง
- สามารถออกแบบรูปร่างได้เฉพาะเจาะจงตามต้องการ เช่น ควบคู่กับการทำโปรแกรม High-Definition หรือ โปรแกรม Body Contouring
- เมื่อดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว
ข้อเสียของการดูดไขมันทั้งตัว
- อาจมีความเสี่ยงมากกว่าการดูดไขมันเฉพาะจุด เช่น ภาวะเสียเลือดมาก หรือไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย
- ต้องพักฟื้นนานกว่าการดูดไขมันบางบริเวณ อาจมีอาการบวม ช้ำ และปวดตึงในหลายตำแหน่ง
- มีข้อจำกัดด้านปริมาณไขมันที่สามารถดูดออกได้ต่อครั้ง เพื่อความปลอดภัย
- ผลลัพธ์อาจไม่เท่ากันในทุกตำแหน่ง หากไม่ดูแลหลังการทำอย่างเหมาะสม อาจเกิดผิวไม่เรียบหรือเป็นคลื่น
- ต้องทำในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เท่านั้น
เครื่องดูดไขมันทั้งตัวมีอะไรบ้าง มีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร
การดูดไขมันทั้งตัวให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีความปลอดภัยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือ “เครื่องดูดไขมัน” ที่ใช้ในการทำหัตถการ ปัจจุบันเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการดูดไขมันทั้งตัวมีอยู่หลายพลังงาน โดยแต่ละพลังานมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับบริเวณที่ดูดไขมัน ปริมาณไขมัน และสภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการ
- โปรแกรม WAL (Water-Assisted Liposuction) เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้แรงดันน้ำอ่อน ๆ พ่นเข้าไปแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อก่อนดูดออก ช่วยลดการบาดเจ็บของเส้นเลือดและเนื้อเยื่อรอบข้าง เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัวในผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่นุ่มนวล ลดอาการบวมช้ำ และสามารถนำไขมันที่ได้ไปใช้เติมต่อ (Fat Transfer) ได้อย่างมีคุณภาพ
- โปรแกรม RFAL (Radio Frequency-Assisted Liposuction) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ช่วยลดไขมันและกระชับผิวในขั้นตอนเดียว เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีผิวบาง เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขาด้านใน การใช้โปรแกรม RFAL ช่วยลดความเสี่ยงผิวไม่เรียบ พร้อมยกกระชับผิวให้ดูแน่นกระชับมากขึ้น
- โปรแกรม UAL (Ultrasound-Assisted Liposuction) ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัวก่อนดูดออก เหมาะกับบริเวณที่ไขมันแน่น เช่น แผ่นหลัง เอว หรือต้นขาด้านนอก ในบางกรณีแพทย์อาจเลือกใช้โปรแกรม UAL เพียงอย่างเดียวเพื่อย่นระยะเวลาหัตถการให้สั้นลง ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยลดโอกาสเสียเลือดในระหว่างทำหัตถการ
- โปรแกรม PAL (Power-Assisted Liposuction) ใช้พลังงานกลหรือระบบสั่น ทำให้สามารถดูดไขมันได้ต่อเนื่อง รวดเร็ว และสม่ำเสมอ โดยทั่วไปมักใช้ร่วมกับโปรแกรม UAL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการดูดไขมันทั้งตัว และลดการสูญเสียเลือดในผู้ป่วย จึงเหมาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องดูดไขมันจากหลายตำแหน่งพร้อมกัน
Restylane – โปรแกรมฟิลเลอร์ Restylane จากสวีเดน ที่มีเทคโนโลยี NASHA™ และ obt ช่วยให้เนื้อเจลสามารถคงรูปได้ดี มีความยืดหยุ่นตามความเคลื่อนไหวของใบหน้า เหมาะสำหรับเติมเต็มใต้ตา ร่องแก้ม และคาง มีหลายรุ่นให้เลือกใช้เหมาะกับทุกสภาพผิว ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน
คุณหมอชวนคุย เราจำเป็นต้องดูดไขมันทั้งตัวจริงหรือไม่ พิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง
การดูดไขมันทั้งตัวไม่ใช่สิ่งที่ “จำเป็น” สำหรับทุกคน แต่เป็นหัตถการที่เหมาะสมในบางกรณีเท่านั้น โดยแพทย์จะประเมินความจำเป็นจากหลายปัจจัย เช่น ปริมาณไขมันที่สะสมในหลายตำแหน่ง ความสมดุลของสัดส่วน ความต้องการในการปรับรูปร่างโดยรวม และสุขภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการ หากพบว่าไขมันกระจายอยู่ในหลายจุดอย่างชัดเจนและมีผลต่อบุคลิกภาพหรือการใช้ชีวิตประจำวัน การดูดไขมันทั้งตัวก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก และไม่ควรทำเพียงเพราะ “ต้องการผอมเร็ว” โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (เลข ว. 51179) หรือคุณหมอไอซ์ มักจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมา เช่น “ไม่จำเป็นต้องดูดไขมันทั้งตัวทุกคน เราต้องดูที่โครงสร้างร่างกายก่อน ถ้าไขมันสะสมเฉพาะจุด อาจดูดเฉพาะตำแหน่งก็ได้ผลดีเท่า ๆ กัน” พร้อมย้ำว่าเป้าหมายของการดูดไขมัน คือ การปรับรูปร่าง ไม่ใช่การลดน้ำหนักแบบเร่งรัด ในหลายกรณี แพทย์จะใช้เทคนิค Body Assessment ประเมินจากมุมมองรอบตัว 360 องศา เพื่อวางแผนว่าควรดูดไขมันเฉพาะตำแหน่งหรือทั้งตัวดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม มีความปลอดภัย และยั่งยืนในระยะยาว
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัว
โปรแกรมฟิลเลอร์และโปรแกรมฉีดไขมันมีจุดประสงค์เดียวกันก็คือการปรับเพื่อให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองหัตถการก็มีความแตกต่างกันในด้านของสารที่ใช้ วิธีการรักษา โดยมีรายละเอียดดังนี้
ก่อนเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัว ควรเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม โดยต้องผ่านการประเมินจากแพทย์อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายแข็งแรงพอ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างหัตถการ
- ตรวจร่างกายและประเมินสุขภาพโดยแพทย์ รวมถึงการตรวจเลือด วัดความดัน ตรวจคลื่นหัวใจ (ในบางราย) เพื่อประเมินความปลอดภัยก่อนทำหัตถการ
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือฟื้นตัวช้าลง
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกมากผิดปกติในระหว่างทำหัตถการ
- จัดเตรียมเสื้อผ้าหลวม และผู้ดูแลในวันผ่าตัด ควรมีผู้ติดตามหรือผู้ช่วยดูแลอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการดูดไขมันทั้งตัว
- แจ้งโรคประจำตัวและประวัติแพ้ยาโดยละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการใช้ยาดม ยาชา และการฟื้นฟูได้อย่างปลอดภัย
ขั้นตอนการดูดไขมันทั้งตัว
การดูดไขมันทั้งตัวเป็นกระบวนการที่มีความละเอียด โดยต้องมีการวางแผนและควบคุมทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการทำหัตถการ เพื่อผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัยและแม่นยำ
- ประเมินรูปร่างและวางแผนตำแหน่งที่จะดูดไขมัน แพทย์จะใช้เทคนิค Body Mapping เพื่อกำหนดจุดที่จะดูดไขมันให้ได้สมดุลทั่วทั้งตัว
- ทำความสะอาดผิวหนังและให้ยาชาหรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับแผนการรักษาและตำแหน่งที่ดูดไขมัน
- ใส่ท่อดูดไขมันผ่านแผลเล็ก ๆ ขนาดไม่เกิน 5 มม. โดยใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น โปรแกรม WAL, โปรแกรม PAL, โปรแกรม UAL หรือ โปรแกรม RFAL ตามความเหมาะสม
- ดูดไขมันอย่างนุ่มนวลเพื่อคงสภาพผิวและเนื้อเยื่อรอบข้าง ลดความเสียหายและลดภาวะแทรกซ้อน
- ใส่ชุดกระชับหลังทำทันที เพื่อควบคุมการบวม และกระตุ้นการกระชับผิว
การดูแลตนเองหลังเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัว
หลังดูดไขมันทั้งตัว การดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดมีผลอย่างมากต่อการฟื้นตัวและผลลัพธ์ของหัตถการ หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดอาการบวม ช้ำ และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ใส่ชุดกระชับสัดส่วนตลอด 24 ชั่วโมง ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพื่อควบคุมอาการบวมและช่วยให้ผิวแนบเรียบกับโครงสร้างใหม่
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงหรือออกกำลังกายหนักในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของเนื้อเยื่อ
- นอนยกหัวสูงและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในช่วงแรก เพื่อช่วยระบายของเหลวและลดอาการบวม
- รับประทานอาหารที่อ่อน ย่อยง่าย และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและลดภาวะแทรกซ้อน
- มาตรวจติดตามอาการตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินผลการรักษา และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมันทั้งตัว
แม้ว่าการดูดไขมันทั้งตัวจะมีความปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ และทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แต่อาจเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนได้บางราย โดยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลหลังทำ
- บวม ช้ำ หรือปวดตึงในหลายบริเวณของร่างกาย เป็นอาการปกติที่เกิดหลังดูดไขมัน และจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1–4 สัปดาห์
- ผิวไม่เรียบ เป็นคลื่น หรือมีรอยบุ๋ม อาจเกิดจากการดูดไขมันไม่สม่ำเสมอ หรือการดูแลตัวเองหลังทำไม่เหมาะสม
- ติดเชื้อหรือมีของเหลวคั่ง (Seroma) หากไม่ดูแลแผลอย่างถูกต้อง หรือใส่ชุดกระชับไม่ต่อเนื่อง
- ภาวะเสียเลือดหรือความดันต่ำขณะทำหัตถการ โดยเฉพาะกรณีดูดหลายตำแหน่งพร้อมกันในปริมาณมาก
- ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ ซึ่งจำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
ดูดไขมันทั้งตัวพักฟื้นกี่วัน
การพักฟื้นหลังดูดไขมันทั้งตัวใช้เวลาประมาณ 5–7 วันในช่วงแรกสำหรับการลดบวม ช้ำ และฟื้นตัวในเบื้องต้น ผู้รับบริการสามารถกลับไปทำกิจวัตรเบา ๆ ได้ในช่วงสัปดาห์แรก อย่างไรก็ตาม ร่างกายจะฟื้นตัวเต็มที่ภายใน 4–6 สัปดาห์ และควรใส่ชุดกระชับสัดส่วนอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์
ระยะพักฟื้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย ขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่งที่ดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่ดูดออก และสภาพร่างกายของแต่ละคน โดยแพทย์จะติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินการฟื้นตัวในแต่ละช่วง และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ทำไมต้องดูดไขมันทั้งตัวที่ AM International Hospital
การดูดไขมันทั้งตัวที่ AM International Hospital ให้ความสำคัญกับทั้ง “การดูแลให้เกิดความปลอดภัย” และ “ความสวยงามอย่างมีสัดส่วน” โดยทีมแพทย์ด้าน Body Surgery พร้อมเครื่องมือดูดไขมันครบทุกระบบ เช่น โปรแกรม WAL, โปรแกรม PAL, โปรแกรม UAL และโปรแกรม RFAL ที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับร่างกายแต่ละราย
เราวางแผนปรับรูปร่างในแบบ Personal Design 360° โดยดูองค์ประกอบร่างกายรอบด้าน ผสานเทคนิคทางการแพทย์เข้ากับความเข้าใจด้านสัดส่วนของร่างกาย ทำให้การดูดไขมันทั้งตัวไม่ใช่แค่การเอาไขมันออก แต่เป็นการปรับสัดส่วนให้สมดุลแลดูเป็นธรรมชาติตามหลักสรีระร่างกายที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล
ค่าบริการดูดไขมันทั้งตัวและดูดไขมันเฉพาะส่วน
ค่าบริการดูดไขมันทั้งตัวขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่งที่ทำ ปริมาณไขมันที่ต้องการดูด และเทคโนโลยีที่เลือกใช้ โดยเฉลี่ยเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นปลาย ๆ ถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับการประเมินโดยแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาจากความเหมาะสมของแต่ละเคสเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัยและคุ้มค่า
ในกรณีของการดูดไขมันเฉพาะส่วน เช่น เหนียง หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ราคาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 30,000–60,000 บาท*ต่อจุด และสามารถเลือกทำเฉพาะจุดหรือผสานร่วมกันในแบบแพ็คเกจ Total Body Contouring ได้ เพื่อให้การปรับรูปร่างเป็นไปอย่างสมดุลและกลมกลืน
รีวิวดูดไขมันทั้งตัวจากผู้ใช้บริการจริง
เสียงสะท้อนจากผู้รับบริการจริงที่เลือกดูดไขมันทั้งตัวกับทีมแพทย์ AM International Hospital ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า “ผลลัพธ์ออกมาดีมาก” โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับสัดส่วนทั้งตัวที่ดูสมส่วน ไม่เป็นบล็อก และผิวเรียบเนียนไม่หย่อนคล้อย
ผู้ใช้บริการหลายรายยังกล่าวถึงประสบการณ์การดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมแพทย์และพยาบาล รวมถึงความประทับใจในการให้คำปรึกษาที่ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนทำ ระหว่างทำ ไปจนถึงการติดตามผลหลังการรักษา ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจดูดไขมันทั้งตัวเป็นไปอย่างมั่นใจในทุกขั้นตอน
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันทั้งตัว
ดูดไขมันทั้งตัวใช้เวลากี่ชั่วโมง?
ระยะเวลาที่ใช้ในการดูดไขมันทั้งตัวขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่งและเทคโนโลยีที่เลือกใช้ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3–6 ชั่วโมง หากดูดในหลายบริเวณหรือมีปริมาณไขมันมาก อาจใช้เวลานานกว่านี้ และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด
ดูดไขมันทั้งตัวที่ไหนดี?
ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีทีมแพทย์ที่มีทักษะด้าน Body Surgery มีเครื่องมือครบทุกระบบ โดยแพทย์สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการแต่ละราย พร้อมห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน และมีการดูแลหลังการรักษาหรือ After Care เพื่อให้การดูดไขมันทั้งตัวมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการดูดไขมันทั้งตัวมีอะไรบ้าง?
ข้อควรระวังสำคัญ คือ ไม่ควรดูดไขมันในปริมาณมากเกินขีดจำกัดทางการแพทย์ ควรมีการประเมินสุขภาพอย่างละเอียดก่อนทำ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งก่อนและหลังหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
สรุปเรื่องการดูดไขมันทั้งตัว
การดูดไขมันทั้งตัวเป็นหัตถการที่ช่วยปรับสัดส่วนร่างกายอย่างครอบคลุม เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมหลายตำแหน่งและต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างในมิติรวม โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการลดน้ำหนัก การตัดสินใจเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัวควรอยู่ภายใต้การประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ รวมถึงการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เกิดความปลอดภัย สัดส่วนสมดุล และเป็นธรรมชาติในระยะยาว
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666