loader image

ตัดหน้าอกชาย (Gynecomastia) ศัลยกรรมลดขนาดเต้านม

        ปัญหาหน้าอกโตเป็นเต้าและหัวนมแหลม เป็นเรื่องที่กวนใจผู้ชายหลายคนใช่ไหม? แม้ภาวะนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็ทำให้เสียความมั่นใจ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัวหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ บางคนถึงขั้นหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อเข้ารูปหรือไปสถานที่ที่ต้องถอดเสื้อเพราะรู้สึกอาย ศัลยกรรม ‘ตัดหน้าอกชาย’ จึงเป็นทางออกที่ช่วยแก้ปัญหานี้ ช่วยปรับให้หน้าอกเรียบแบน ดูเป็นธรรมชาติ และเสริมความมั่นใจได้มากขึ้น แต่เราจะต้องทราบรายละเอียดกันก่อนว่าการตัดหน้าอกชายคืออะไร เหมาะกับใคร และข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

Gynecomastia คืออะไร? ทำไมผู้ชายทุกคนถึงไม่ควรมองข้าม

         ภาวะเต้านมโตในเพศชายหรือ Gynecomastia คือ ภาวะที่ผู้ชายมีหน้าอกโตผิดปกติ มีลักษณะเป็นก้อนใต้หัวนมหรือนมแหลม สามารถเกิดที่เต้านมทั้งสองข้างหรือข้างใดก็หนึ่งก็ได้ โดยมักจะพบในกลุ่มช่วงวัยรุ่นที่ฮอร์โมนยังไม่คงที่ แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดขึ้นกับทั้งเด็กทารกและผู้ชายอายุมากได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักไม่เป็นอันตราย แต่จะส่งผลให้เราสูญเสียความมั่นใจและบางรายก็อาจรู้สึกเจ็บแสบหัวนมเพราะเสียดสีกับเสื้อผ้ามากกว่าปกติได้

ลักษณะอาการ Gynecomastia

         Gynecomastia หรือภาวะเต้านมโตในเพศชาย มักเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและแอนโดรเจน ซึ่งส่งผลให้เนื้อเยื่อเต้านมเจริญเติบโตผิดปกติ อาการสามารถเกิดขึ้นได้กับข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง และมีความแตกต่างจากการมีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกตามปกติ โดยลักษณะอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • มีการขยายของเต้านมหรือรู้สึกว่าหน้าอกโตขึ้นผิดปกติ
  • คลำพบก้อนเนื้อบริเวณรอบปานนม หรือตรงกลางของเต้านม
  • รู้สึกแน่น เจ็บ หรือไวต่อการสัมผัสบริเวณหน้าอก
  • บางรายอาจมีอาการคัน หรือลานนมเปลี่ยนรูปร่าง
  • หากเป็นร่วมกับภาวะฮอร์โมนผิดปกติ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ความต้องการทางเพศลดลง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์

Gynecomastia มีกี่ประเภท?

         Gynecomastia มี 3 ประเภท แบ่งตามสาเหตุที่ทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้น ได้แก่ การขยายตัวของต่อมน้ำนม, การสะสมของไขมันบริเวณหน้าอก และกรณีที่ทั้งต่อมน้ำนมโตและมีไขมันสะสมร่วมกัน รายละเอียดดังนี้

gynecomastia type

ประเภทที่ 1 True Gynecomastia (นมแหลม)

ประเภทแรกคือ Gynecomastia แท้ ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของเซลล์ในต่อมน้ำนม เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มสูงขึ้นเกินควร ทำให้เนื้อเยื่อเต้านมขยายตัว ลักษณะหน้าอกจึงนิ่มและมีรูปร่างเหมือนของผู้หญิงครับ

ประเภทที่ 2 False Gynecomastia (นมตั้งเต้า)

ประเภทต่อมาเป็น Gynecomastia เทียมหรือที่เรียกว่า Pseudo Gynecomastia เกิดจากการสะสมของไขมัน ผู้ที่มีเต้านมใหญ่ประเภทนี้มักทานอาหารไขมันสูง จนทำให้ไขมันสะสมอยู่รอบ ๆ เต้านม แต่ตัวต่อมน้ำนมเองไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด

ประเภทที่ 3 Mixed Gynecomastia

ภาวะเต้านมโตประเภทนี้เกิดจากทั้งต่อมน้ำนมที่ขยายตัวผิดปกติและการสะสมของไขมันบริเวณหน้าอกผสมกัน ทำให้หน้าอกดูใหญ่และนูนชัดเจนมากกว่าปกติ ภาวะนี้ถือเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด

ระดับความรุนแรงของภาวะ Gynecomastia

         นอกจากประเภทของ Gynecomastia แล้ว เรายังจำเป็นต้องสังเกตอาการก่อนว่ากำลังเผชิญปัญหาที่รุนแรงระดับไหน โดยภาวะ Gynecomastia มีตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อยซึ่งสังเกตยาก ไปจนถึงระดับรุนแรงมากจนสังเกตเห็นได้ชัด

gynecomastia level

ระดับที่ 1 ภาวะเต้านมโตเล็กน้อย

          เป็นระดับที่ไม่รุนแรงนัก ลักษณะของหน้าอกจะยื่นออกมาเพียงเล็กน้อย สังเกตได้ยาก ผิวหนังไม่ได้ขยายออก แต่อาจมีหัวนมแหลม เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุลหรือเป็นผลจากการใช้ยาบางชนิด หากเป็น Gynecomastia ระดับที่ 1 ไม่จำเป็นต้องตัดหน้าอก แต่หากรู้สึกไม่สบายตัวหรือมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ก็อาจปรึกษาแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดต่อมน้ำนมได้

แนวทางการรักษา: ตัดต่อมน้ำนม


ระดับที่ 2 ภาวะเต้านมโตปานกลาง

          Gynecomastia ระดับที่ 2 สามารถมองเห็นความนูนของหน้าอกชัดขึ้น รวมทั้งนมแหลม เนื่องจากเนื้อเยื่อเต้านมจะขยายเกินบริเวณลานนม แต่ผิวหนังไม่ได้ขยายออกจนเกิดเป็นผิวส่วนเกิน อาการที่พบได้บ่อยคือ ผิวบริเวณหน้าอกจะไวต่อการกระตุ้น รู้สึกแสบหรือเจ็บแปลบเมื่อสัมผัสโดน

แนวทางการรักษา: ดูดไขมัน, ตัดต่อมน้ำนม


ระดับที่ 3 ภาวะเต้านมโตมาก

          ระดับนี้จะเห็นว่าเต้านมใหญ่ขึ้น ลักษณะคล้ายหน้าอกของผู้หญิง ผิวหนังมีการขยายออก และอาจมีอาการหย่อนคล้อยร่วมด้วย ภาวะเต้านมโตระดับ 3 นี้เริ่มกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะการเลือกใส่เสื้อยากขึ้น การทำกิจกรรมบางอย่างไม่สะดวก

แนวทางการรักษา: ดูดไขมัน, ตัดต่อมน้ำนม, ตัดผิวหนังส่วนเกิน


ระดับที่ 4 ภาวะเต้านมโตมากที่สุด

          Gynecomastia ระดับที่ 4 ถือเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด หน้าอกขยายใหญ่มากและหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด ตำแหน่งลานนมอยู่ต่ำกว่าที่ควรและหัวนมชี้ลง มักรู้สึกไม่สบายตัวเพราะจะเกิดการเสียดสีของผิวหนังบริเวณหน้าอกบ่อย ๆ อาจทำให้ระคายเคืองหรือเกิดผื่นคันได้ อีกทั้งอาจส่งผลต่อการทำกิจกรรม การเข้าสังคม หรือการออกกำลังกายด้วย

แนวทางการรักษา: ดูดไขมัน, ตัดต่อมน้ำนม, ตัดผิวหนังส่วนเกิน, ยกกระชับและย้ายตำแหน่งหัวนม

Gynecomastia เกิดจากสาเหตุใด

        Gynecomastia คือ ภาวะที่เนื้อเยื่อเต้านมของผู้ชายมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ ซึ่งไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกิน แต่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของเนื้อเยื่อเต้านมจริง สาเหตุสำคัญของภาวะนี้ส่วนใหญ่มาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและแอนโดรเจน นอกจากนี้ยังถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าสาเหตุ Gynecomastia เกิดจากอะไรบ้าง

ความผันผวนของระดับฮอร์โมนในแต่ละช่วงวัย

         Gynecomastia เกิดจากฮอร์โมนของเพศหญิง (เอสโตรเจน) สูงกว่าของเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) ซึ่งจะเกิดขึ้นตามช่วงวัย เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Gynecomastia ได้ในหลายช่วงอายุ เช่น

  • ทารกแรกเกิด ทารกชายบางรายอาจมีเต้านมโตชั่วคราว เรียกกันว่า Witch’s milk หรือภาวะเต้านมโตในเด็กแรกเกิด เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนของมารดาขณะตั้งครรภ์ อาการนี้มักหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนหลังคลอด
  • วัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนระหว่างวัยรุ่น อาจทำให้เกิด Gynecomastia ชั่วคราว ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละบุคคล
  • ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นการสร้างเอสโตรเจนและนำไปสู่การเกิด Gynecomastia ได้เช่นกัน และเนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้คอลลาเจนในผิวลดลง เกิดเป็นความหย่อนคล้อยร่วมกับต่อมน้ำนมโตจนทำให้มีหน้าอกย้อยเหมือนผู้หญิงก็ได้เช่นกัน

ภาวะที่ทำให้เกิด Gynecomastia

         ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีต่อมน้ำนมเหมือนกัน แต่ในผู้ชายต่อมน้ำนมจะไม่พัฒนาเต็มที่เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่า แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีฮอร์โมนเพศหญิงสูงเกินไป ต่อมน้ำนมในผู้ชายก็อาจขยายตัวผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะ Gynecomastia ได้

นอกจากนี้ Gynecomastia ยังเกิดจากโรคประจำตัวบางโรค ซึ่งส่งผลให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ เช่น

  • โรคตับ (Liver Diseases) หรือโรคตับแข็ง (Cirrhosis) ส่งผลต่อการทำลายฮอร์โมน ทำให้เอสโตรเจนในเลือดสูงขึ้น
  • ภาวะไตวายเรื้อนัง (Kidney Failure) อาจส่งผลต่อการเผาผลาญฮอร์โมนและการขับของเสีย ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer)
  • โรคมะเร็งลูกอัณฑะ (Testicular cancer)
  • เนื้องอกที่ผลิตฮอร์โมน เช่น เนื้องอกในต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมอง เนื้องอกในลูกอัณฑะ
  • ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ (Thyroid Disorders)
  • ผลจากการได้รับบาดเจ็บบางอย่าง
  • โรคอ้วน (Obesity)
  • ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด

 ผลข้างเคียงจากการใช้ยา 

         การใช้ยาหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับการเกิด Gynecomastia โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อระดับฮอร์โมน หรือยาที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน ยกตัวอย่างเช่น

  • ยาต้านแอนโดรเจน เช่น ยาที่ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ยาสเตียรอยด์ ยารักษาโรค และสารเสพติด ยาสเตียรอยด์ที่ใช้สร้างกล้ามเนื้อ หากใช้อย่างต่อเนื่องจะไปเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงได้
  • ยาต้านซึมเศร้าและยารักษาอาการทางจิต บางชนิดมีผลกระทบต่อระดับฮอร์โมน
  • ยาต้านเชื้อรา เช่น Ketoconazole อาจรบกวนการผลิตฮอร์โมนในร่างกาย
  • ยารักษาโรคอื่น ๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ, ยาใช้รักษาโรคต่อมลูกหมาก, ยารักษาโรคหัวใจ เป็นต้น
  • ยาเสพติด เช่น กัญชา, เฮโรอีน, แอมเฟตามีน, ยาบ้า หรือฝิ่น ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนได้เช่นกัน

 ไขมันสะสมบริเวณหน้าอก

         การมีไขมันสะสมจำนวนมากทำให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติได้ มันถูกเรียกว่าภาวะ Pseudo Gynecomastia คือไขมันไปพอกอยู่แถวหน้าอกทำให้ดูเป็นเต้าขึ้นมา มักเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน

แนวทางการรักษา Gynecomastia

         การรักษา Gynecomastia จำเป็นต้องพิจารณาจากสาเหตุของการเกิดภาวะนี้เป็นหลัก ทั้งนี้ แนวทางการรักษามีความหลากหลาย ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์และการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะประเมินตามความรุนแรงของอาการ ความคาดหวังของผู้ป่วย และสุขภาพโดยรวมเป็นสำคัญ แนวทางการรักษาที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • หยุด หรือเปลี่ยนการใช้ยาที่ทำให้เกิดภาวะนี้ แพทย์อาจแนะนำให้หยุด หรือปรับเปลี่ยนยาที่เกี่ยวข้องกับการเกิด Gynecomastia
  • รักษาภาวะที่ทำให้เกิด Gynecomastia เช่น โรคตับ ไต หรือความผิดปกติของฮอร์โมน เพื่อแก้ไขต้นเหตุ
  • ดูดไขมันหน้าอกในผู้ชายที่นมโตจากไขมัน เหมาะสำหรับกรณีที่เต้านมโตจากไขมันสะสม โดยไม่มีเนื้อเยื่อเต้านมเกินผิดปกติ (แต่ส่วนใหญ่มักจะทำการตัดต่อมน้ำนมออกด้วยเลย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะต่อมน้ำนมโตในอนาคต)
  • ผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านมที่โตผิดปกติออก สำหรับผู้ชายที่เป็น True Gynecomastia ใช้วิธีการศัลยกรรมเอาเนื้อเยื่อเต้านมออกโดยตรง สำหรับกรณีที่มีเนื้อเยื่อหนาแน่นผิดปกติ

เจาะลึกการผ่าตัดหน้าอก แก้ภาวะนมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)

        การผ่าตัดหน้าอกเพื่อแก้ไขภาวะนมโตในผู้ชาย (Gynecomastia Surgery) ถือเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมโตผิดปกติ ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ยา หรือการดูดไขมันเพียงอย่างเดียว

ผ่าตัดหน้าอก แก้ภาวะนมโตในผู้ชาย (Gynecomastia) คืออะไร?

       การผ่าตัดหน้าอกเพื่อรักษา Gynecomastia คือ การนำเนื้อเยื่อเต้านมที่เจริญเติบโตผิดปกติออก โดยอาจผ่าตัดร่วมกับการดูดไขมันบริเวณหน้าอกในกรณีที่มีไขมันสะสม ซึ่งแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณรอบปานนม แล้วใช้มีดผ่าตัดนำเนื้อเยื่อต่อมน้ำนมออก

เมื่อไหร่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหน้าอก Gynecomastia

       การตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดหน้าอกชาย ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในกรณีที่

  • ภาวะ Gynecomastia ไม่หายไปเองภายในระยะเวลา 6 เดือนถึง 2 ปี
  • มีอาการเจ็บ ปวดบริเวณหน้าอก ทำให้ไม่สบายตัว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีผลกระทบต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ หรือการทำงาน
  • การรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น ยาหรือการปรับพฤติกรรม ไม่เห็นผลชัดเจน

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด

       เมื่อได้รู้จักภาวะเต้านมโตในเพศชายกันไปแล้ว หลายคนคงพอประเมินได้ว่าหน้าอกตัวเองรุนแรงระดับไหนและควรรับการรักษาอย่างไร การผ่าตัดเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี มาดูกันว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  • งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักระหว่างวางยาสลบ
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อแผลหายช้าและการติดเชื้อ
  • งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเลือดออกมากและส่งเสริมการฟื้นตัวหลังผ่าตัด
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่ โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • สวมเสื้อผ้าสีเข้มและหลวมในวันผ่าตัด เพื่อความสะดวกและลดการกดทับแผลผ่าตัด
  • ทำความสะอาดร่างกายก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

ขั้นตอนการผ่าตัดหน้าอก Gynecomastia

       หลังจากรับทราบถึงวิธีการดูแลตัวเองก่อนเข้าผ่าตัดหน้าอกแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการผ่าตัดจริง เพื่อให้มั่นใจและพร้อมรับการรักษาอย่างเต็มที่ เราจะต้องทำความเข้าใจรายละเอียดของขั้นตอนการผ่าตัดด้วย

  • เข้าปรึกษาแพทย์และกำหนดตำแหน่ง เริ่มต้นด้วยการพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุของภาวะนมโต วางแผนการรักษา และออกแบบตำแหน่งดูดไขมันหรือตัดเนื้อเยื่อให้เหมาะสม พร้อมอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ผ่าตัดหน้าอกชาย การรักษา Gynecomastia อาจใช้การดูดไขมัน ตัดเนื้อเยื่อ หรือทำร่วมกันตามความเหมาะสม โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลบริเวณลานนม และหากมีผิวหนังส่วนเกินจะเย็บกระชับด้วยไหมละลายเพื่อลดความหย่อนคล้อย
  • พักฟื้นหลังผ่าตัดหน้าอกสำเร็จ หลังผ่าตัด ผู้ป่วยจะพักฟื้นในห้องพักจนพ้นฤทธิ์ยาสลบ ภายใต้การดูแลของพยาบาลอย่างใกล้ชิด ก่อนกลับบ้านควรมีผู้ดูแลมาด้วยเพื่อช่วยดูแลช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด
  • เข้ารับบริการ After Care โดยที่ AM International Hospital มีบริการ After Care ดูแลแผลผ่าตัดอย่างเหมาะสม พร้อมการใช้เทคโนโลยีหลากหลาย ในกรณีที่ต้องการกระชับผิวหนังหรืออื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการมากยิ่งขึ้น

การดูแลหลังเข้ารับการผ่าตัด

       แม้ว่าการผ่าตัดหน้าอกจะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่และอาการหลังทำมักจะไม่รุนแรง แต่การดูแลตัวเองก็ยังเป็นสิ่งสำคัญมาก หากเราดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ด้วย โดยข้อปฏิบัติหลังตัดหน้าอกชายมีดังนี้

  • มีผู้ดูแลอย่างน้อย 1 คน ในช่วง 24–48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด เพื่อดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวและความปลอดภัย เนื่องจากหลังตัดหน้าอก อาจมีอาการเจ็บและอ่อนเพลียจากการผ่าตัดและผลข้างเคียงของยาสลบ
  • หลีกเลี่ยงการขับรถ 3–5 วันหลังผ่าตัด และควรให้ผู้อื่นรับส่งในวันผ่าตัดเพื่อความปลอดภัย
  • พยายามทำให้แผลแห้งเสมอ งดอาบน้ำ 24 ชั่วโมงแรก และหลีกเลี่ยงการแช่น้ำหรือว่ายน้ำจนกว่าแผลจะหายดี
  • ทานยาตามที่แพทย์สั่ง รับประทานยาแก้ปวด ยาลดบวม และยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์กำหนดอย่างครบถ้วนและตรงเวลา และไม่ควรซื้อยาชนิดอื่นมาทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • งดการยกของหนักหรือออกแรงมากในช่วงพักฟื้น เพื่อป้องกันแผลฉีกขาดและลดความเสี่ยงการบวมอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบและอาหารหมักดอง อาหารเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อและทำให้แผลหายช้า รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อสนับสนุนการสมานแผลและลดภาวะแทรกซ้อน
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ควรนอนหงายในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อลดการกดทับบริเวณแผลและป้องกันการบวมช้ำ
  • สวมชุดกระชับหรือผ้ารัดหน้าอกตลอด 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อช่วยลดบวม กระชับผิวหนังบริเวณหน้าอก และป้องกันความหย่อนคล้อยในอนาคต
  • ติดตามอาการ (Follow Up) อย่างเคร่งครัด ตามนัดเพื่อประเมินการฟื้นตัว ติดตามผลลัพธ์ และดูแลภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หลังผ่าตัดหน้าอก Gynecomastia พักฟื้นกี่วัน

        ร่างกายของแต่ละคนใช้เวลาพักฟื้นแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปจะฟื้นตัวได้ภายใน 1–2 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาการบวมและรอยช้ำจะค่อย ๆ ลดลง และแผลจะเริ่มหายดี นอกจากนี้แพทย์ยังมีแนวทางแนะนำช่วงเวลาสำหรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • พักฟื้นก่อนกลับไปทำงาน แนะนำให้ลางานประมาณ 1–2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้พักเต็มที่ก่อนเริ่มทำงานตามปกติ
  • เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ สามารถออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเบา ๆ หรือออกกำลังกายส่วนล่างได้หลังผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์, 1 เดือน หรือตามที่แพทย์แนะนำ
  • เริ่มออกกำลังกายส่วนบน การบริหารกล้ามเนื้อแขน ไหล่ และหน้าอก ควรรออย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  • การหายของแผลและอาการบวมช้ำ โดยปกติแผลจะหายดีและอาการบวมช้ำจะลดลงในช่วง 3–4 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถกลับมาใส่เสื้อผ้ารัดรูปได้ แต่ในช่วงแรกควรเลือกเสื้อผ้าหลวม ๆ และระบายอากาศได้ดี เพื่อป้องกันการระคายเคืองแผล

ผลลัพธ์ที่ได้จากการผ่าตัดหน้าอก Gynecomastia 

       การผ่าตัดหน้าอกเพื่อรักษา Gynecomastia เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูง โดยช่วยปรับรูปร่างหน้าอกให้ดูแบนราบ กระชับ และสมส่วนมากขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ช่วงแรกหลังผ่าตัด และเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้ การดูแลหลังผ่าตัดอย่างเหมาะสมมีบทบาทสำคัญต่อความเรียบร้อยของผลลัพธ์ระยะยาว โดยสรุปผลลัพธ์ที่ได้จากการผ่าตัดมีดังนี้

  • หน้าอกแบนราบและกระชับขึ้น รูปร่างโดยรวมสมส่วน ดูเป็นธรรมชาติ เพิ่มความมั่นใจในตนเอง
  • ผลลัพธ์ถาวรในระยะยาว หากควบคุมน้ำหนักและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ฮอร์โมนผิดปกติ หรือการใช้ยาบางชนิด
  • อาการบวมและช้ำลดลงใน 3–4 สัปดาห์ รูปร่างหน้าอกจะเริ่มเข้าที่และดูเรียบเนียนขึ้นตามลำดับ
  • รอยแผลเล็กและซ่อนในตำแหน่งแนบเนียน ส่วนใหญ่มองเห็นได้ยากเมื่อแผลหายดี โดยเฉพาะบริเวณรอบลานนม
  • การดูแลหลังผ่าตัดมีผลต่อคุณภาพของผลลัพธ์ การใส่ชุดกระชับ ดูแลแผล และติดตามอาการตามนัดหมาย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

คุณหมอชวนคุย ผ่าตัดหน้าอก แก้ภาวะนมโตในผู้ชาย (Gynecomastia) จำเป็นต้องทำไหม?

การผ่าตัดหน้าอกเพื่อรักษา Gynecomastia ไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกคนนะครับ หากไม่มีอาการเจ็บปวด ไม่กระทบการใช้ชีวิต หรือสามารถยอมรับรูปร่างของหน้าอกได้ก็อาจไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เพียงเฝ้าติดตามอาการและดูแลสุขภาพทั่วไปก็เพียงพอ แต่ในบางกรณี เช่น มีอาการปวด บวม หรือรู้สึกเจ็บ, เต้านมโตจนกระทบความมั่นใจหรือการใช้ชีวิตประจำวัน, ผ่านช่วงวัยรุ่นหรือหลังการรักษาเบื้องต้นมาแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น หรือพบก้อนแข็งผิดปกติที่ต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพราะอาจพัฒนาไปสู่ก้อนเนื้อร้ายหรือมะเร็งได้ ก็อาจจะต้องตัดสินใจผ่าตัดเอาต่อมน้ำนมออก เพื่อป้องกันครับ

Q&A : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตัดหน้าอกชาย

        หลายคนที่กำลังคิดจะตัดหน้าอกชายมักมีคำถามมากมายในใจ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมหรือผลลัพธ์ที่จะตามมา แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราจะมาตอบคำถามยอดฮิตที่พบบ่อย เพื่อให้ทุกคนได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเข้าใจมากขึ้น!

1. ตัดหน้าอกและดูดไขมัน ทำพร้อมกันได้ไหม?

สามารถทำพร้อมกันได้หากใช้เวลาไม่นาน แต่หากใช้เวลานานเกิน 6–8 ชั่วโมง อาจต้องแยกทำเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ด้วยเช่นกัน

บางกรณีสามารถหายเองได้ เช่น ในทารกหรือวัยรุ่น แต่หากเกิดจากไขมันหรือต่อมน้ำนมโต ต้องรักษาด้วยการดูดไขมันและผ่าตัด

มีโอกาสเป็นซ้ำหากกลับมามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม ใช้ยาหรืออาหารเสริมที่กระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิงจนทำให้เสียสมดุลฮอร์โมน

ที่ AM International Hospital ราคาตัดหน้าอกชายจะเริ่มต้นที่ 79,900 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของแต่ละเคส เงื่อนไขของทางสถานที่ให้บริการ และช่วงเวลากำหนดราคา (เช็กโปรโมชั่นล่าสุด)

สำหรับวิธีที่เร็วที่สุดนั้นไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากสภาพร่างกายและความสามารถในการฟื้นตัวของแต่ละคนไม่เท่ากัน แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาให้ครบ พักผ่อนเพียงพอ และดูแลแผลให้สะอาดเป็นแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวได้ดีและปลอดภัย

มีอาการเจ็บบริเวณแผลเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงแรก และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน เนื่องจากขนาดแผลผ่าตัดไม่ได้มีขนาดใหญ่

มีแผลขนาดเล็กซ่อนอยู่บริเวณลานนม ทำให้สังเกตเห็นได้ยากเมื่อแผลหายดี

แนะนำให้ลางาน 1–2 วันเพื่อพักฟื้น จากนั้นสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้กล้ามเนื้อหน้าอก เพราะแผลอาจฉีกขาดได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตัดหน้าอกชาย

สรุปบทความ

        Gynecomastia คือ ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย สาเหตุหลักมาจากการต่อมน้ำนมโตผิดปกติและการสะสมของไขมัน วิธีแก้ไขคือการผ่าตัดหน้าอกชาย เพื่อน้ำเนื้อเยื่อเต้านมส่วนเกินออก รวมทั้งดูดไขมันในบางราย การศัลยกรรมนี้ช่วยให้ผู้ชายที่กำลังเผชิญปัญหากลับมามีความมั่นใจมากขึ้นและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น

แชร์ :