ฉีดไขมันหน้าอก (Breast Fat Grafting) เสริมเต้านมใหม่ สัมผัสนิ่ม ไร้ซิลิโคน

ฉีดไขมันหน้าอก หรือ Breast Fat Grafting คือรูปแบบการเสริมหน้าอกที่เน้นปรับให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยใช้ไขมันของตนเองจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา แล้วนำมาฉีดเติมเพื่อเพิ่มปริมาตรสัดส่วนให้กับหน้าอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมไขมันหน้าอก เพื่อให้ได้ทรงหน้าอกสวย เรียบเนียน มีความนุ่มนวลด ดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ การเติมไขมันหน้าอก ยังมีส่วนช่วยปกปิดขอบซิลิโคนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไขมันที่เติมสามารถเติมพร้อมซิลิโคนหน้าอกได้ และในอีกแง่มุมหนึ่ง ยังลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ที่แพ้ซิลิโคนอีกด้วย เรามาดูกันว่าการเติมไขมันหน้าอกนั้นมีข้อควรรู้อะไรบ้าง
ฉีดไขมันหน้าอก (Breast Fat Grafting) คืออะไร?
การฉีดไขมันหน้าอก หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Breast Fat Grafting คือ เทคนิคการเสริมหน้าอกโดยใช้ไขมันของผู้เข้ารับบริการเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว
การเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือมีความต้องการปรับขนาดและความสมดุลของหน้าอก เช่น มีปัญหาหน้าไม่เท่ากัน หน้าอกห่าง หน้าอกไม่เต็ม เป็นต้น รวมถึงช่วยให้ผลลัพธ์ไม่ดูชัดเจนจนเกินไปเหมือนกันเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียว
นำไขมันส่วนไหนมาฉีดเสริมหน้าอก
การเติมไขมันหน้าอก เริ่มด้วยการดูดไขมันจากสัดส่วนบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน ยกตัวอย่างเช่น ต้นขาด้านสน ต้นขาด้านนอก ไขมันหน้าท้อง หรือบริเวณอื่น ๆ ที่มีปริมาณไขมันเพียงพอต่อการนำมาใช่เติมไขมันหน้าอก โดยแพทย์จะนำเซลล์ไขมันที่ดูดออกมาไปผ่านการคัดกรองด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันคุณภาพดี มีอัตราการรอดชีวิตสูง และมีความละเอียดที่พอเหมาะ โดยความซับซ้อนของเคสจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ความต้องการ และงบประมาณของผู้เข้ารับบริการเป็นหลัก
ใครที่เหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก
- ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูเป็นธรรมชาติ มีความอวบอิ่ม ทั้งรูปลักษณ์และสัมผัสเรียบเนียน ละมุนคล้ายหน้าอกจริง
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเพียงพอในร่างกาย ผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น บริเวณหน้าท้อง หรือต้นขา ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเติมหน้าอกได้
- ผู้ที่เคยเสริมซิลิโคนมาแล้วแต่ต้องการปรับรูปทรงเพิ่มเติม โดยสามารถใช้ไขมันฉีดเสริมเข้าไปเพื่อเก็บรายละเอียด หรือปรับพื้นผิวบริเวณขอบซิลิโคนให้ดูเนียนและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลหน้าอกข้างที่เล็กกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดหน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน โดยใช้ไขมันฉีดเสริมเฉพาะข้างที่เล็กกว่าช่วยให้รูปทรงสมดุลมากขึ้น ซึ่งช่วยตอบโจทย์ในกรณีที่ไม่สามารถเสริมซิลิโคนทั้งสองข้างได้ หรือไม่ต้องการเสริมซิลิโคน
- ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม (Reconstruction) ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาฉีดไขมันเพื่อเสริมเติมเต็มสัดส่วนของหน้าอก ในผู้ที่ผ่านการผ่าตัดเต้านมหรือเสริมสร้างเต้านมใหม่หลังรักษามะเร็ง
ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก
- ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกขนาดใหญ่ การฉีดไขมันหน้าอกสามารถเพิ่มขนาดได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านปริมาณ เนื่องจากไขมันมีโอกาสถูกดูดซึมกลับหรือมีปริมาณไขมันไม่เพียงพอ ทำให้อาจต้องฉีดซ้ำหลายรอบ หรือพิจารณาวิธีอื่น เช่น การเสริมซิลิโคน
- ผู้ที่ไม่มีไขมันส่วนเกินเพียงพอ หากมีรูปร่างผอมมากและไม่มีแหล่งไขมันเพียงพอให้นำมาใช้งาน แพทย์จะไม่สามารถดูดไขมันมาใช้ในการเติมหน้าอกได้
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือโรคประจำตัวบางประเภท เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ภาวะติดเชื้อเรื้อรัง หรือปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์คงที่ 100% ตลอดชีวิต เนื่องจากไขมันที่ฉีดจะมีบางส่วนที่ร่างกายดูดซึมกลับไปตามธรรมชาติ ประมาณ 10–30% ดังนั้นผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงเดือนแรก ยังไม่รวมปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจกระทบต่ออัตราการรอดชีวิตของไขมันด้วย
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด การสูบบุหรี่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและอัตราการอยู่รอดของไขมันที่ฉีด ส่งผลให้ผลลัพธ์อาจไม่คงตัว และมีโอกาสเกิดพังผืดมากขึ้น
ฉีดไขมันหน้าอกอันตรายไหม
การฉีดไขมันหน้าอกโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในด้านการดูแลความงามหรือการบริการศัลยกรรมเพื่อความงามจะช่วยให้ความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และการใช้เซลล์ไขมันตัวเองยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพ้วัสดุสังเคราะห์อย่างซิลิโคนได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของการเติมไขมันหน้าอกยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่
- เทคนิคและความชำนาญของแพทย์ หากฉีดไขมันในชั้นผิวที่ลึกเกินไป หรือไม่ถูกต้องตามทางการแพทย์ อาจเสี่ยงต่อการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด (Fat Embolism) เกิดพังผืดหรือหินปูนใต้ผิวหนัง (Fat Necrosis)
- คุณภาพและความสะอาดของกระบวนการแยกไขมัน การคัดแยกไขมันนั้นมีความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังการฉีดไขมันหน้าอกอย่างมาก จึงต้องรักษาความสะอาด ให้กระบวนการมีความปลอดเชื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- การดูแลหลังทำอย่างเหมาะสม โดยจะรวมบริการหรือคำแนะนำต่าง ๆ เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ ล้วนส่งผลต่อการได้รับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ในระยะยาว
- การประเมินความเหมาะสมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับการฉีดไขมันหน้าอก โดยเฉพาะผู้ที่มีปริมาณไขมันในร่างกายน้อย หรือมีประวัติโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
ฉีดไขมันหน้าอก Vs เสริมซิลิโคนหน้าอก เลือกแบบไหนดี
ปัจจัยเปรียบเทียบ | ฉีดไขมันหน้าอก | เสริมซิลิโคนหน้าอก |
วัสดุที่ใช้ | เซลล์ไขมันจากร่างกายตัวเอง | ซิลิโคนทางการแพทย์ |
รูปทรงและสัมผัส | นิ่มนวล ละมุน เรียบเนียน แลดูเป็นธรรมชาติ | เพิ่มขนาดหน้าอกอย่างชัดเจน รูปทรงกระชับ |
ระยะเวลาของผลลัพธ์ | ไขมันบางส่วนจะถูกดูดซึมกลับเข้าร่างกาย 10-30% อาจต้องเติมซ้ำ | ทรงหน้าอกอยู่คงตัว ประมาณ 10–15 ปี |
ความเสี่ยง/ภาวะแทรกซ้อน | มีโอกาสเกิดการอุดตันในหลอดเลือด หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ | เสี่ยงเกิดพังผืด ซิลิโคนแตก รั่วซึม หรือเคลื่อนตำแหน่งได้ |
เหมาะกับใคร | – ผู้ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ – มีอาการแพ้ซิลิโคน – ต้องการเสริมหน้าอกและบำรุงผิวหน้าอกด้วย | ผู้ต้องการเพิ่มขนาดอย่างชัดเจน และอยากเห็นผลรวดเร็ว |
การเลือกวิธีเสริมหน้าอกให้เหมาะสม ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่ขนาดที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านวัสดุที่ใช้ ความรู้สึกสัมผัส ความคงตัวของผลลัพธ์ รวมถึงความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว โดยการฉีดไขมันหน้าอกเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า มีเนื้อสัมผัสนุ่มและแนบเนื้อ ไม่ต้องใช้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่การเสริมซิลิโคนเหมาะกับผู้ที่ต้องการขนาดที่ชัดเจนและคงตัวในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวิธีมีข้อจำกัดในลักษณะที่แตกต่างกัน และควรได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อวางแผนการรักษาให้สอดคล้องกับสรีระ ความคาดหวัง และสุขภาพของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย
สามารถฉีดไขมันหน้าอกพร้อมเสริมซิลิโคนได้ไหม
สามารถดำเนินการฉีดไขมันหน้าอกได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในผู้ที่เคยเสริมซิลิโคนมาก่อนและมีความต้องการปรับรูปทรงให้มีความดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น หรือต้องการลดความชัดของขอบซิลิโคนที่อาจสัมผัสได้จากภายนอก ซึ่งในบางราย แพทย์อาจพิจารณาแนะนำให้เติมไขมันในบางตำแหน่งร่วมด้วย เพื่อเสริมความเรียบเนียนของผิวบริเวณเต้านม และเพิ่มความนุ่มนวลต่อการสัมผัส
เทคนิคดังกล่าวเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Hybrid Breast Augmentation หรือการเสริมหน้าอกแบบ Hybrid Dual Plane ของ AM International Hospital ซึ่งเป็นการผสานระหว่างการเสริมซิลิโคนและการฉีดไขมันหน้าอก โดยต้องดำเนินการภายใต้การวางแผนอย่างละเอียดโดยแพทย์ ทั้งในด้านการเลือกตำแหน่งฉีด ปริมาณไขมันที่เหมาะสม และการกำหนดตำแหน่งการวางซิลิโคน เพื่อให้ผลลัพธ์สุดท้ายมีความกลมกลืนกับสรีระ ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนด้วย
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการฉีดไขมันเสริมหน้าอก
การฉีดไขมันเสริมหน้าอก แม้จะมีข้อดีในด้านการให้ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงแพ้ซิลิโคน และเพิ่มความนุ่มเรียบเนียนของเต้านม แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ การทำความเข้าใจทั้งในด้านข้อดีและข้อเสียจะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้เหมาะสมกับความต้องการและสรีระของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการฉีดไขมันเสริมหน้าอก
- ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง ลดความเสี่ยงจากการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านวัสดุสังเคราะห์ที่ร่างกายอาจมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เช่น ซิลิโคน
- ให้สัมผัสที่นิ่ม ดูเป็นธรรมชาติ เนื้อเต้านมหลังฉีดจะมีความนุ่ม เรียบเนียน ไม่แข็งหรือเป็นทรงแน่นจนมองเห็นขอบซิลิโคนได้ชัด
- แผลขนาดเล็ก ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ จุดฉีดไขมันมีขนาดเล็กเพียง 3-5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่เหมือนการผ่าตัดเสริมซิลิโคน
- ได้ผลลัพธ์สองทางในคราวเดียว เนื่องจากมีการดูดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณอื่น เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา ผู้เข้ารับบริการจึงได้รูปร่างที่กระชับควบคู่กับการเสริมหน้าอกไปด้วย
- ฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นแผลขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ช่วยให้สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น
- เหมาะสำหรับการปรับรูปทรงหรือแก้ปัญหาหลังเสริมซิลิโคน เช่น การเติมไขมันเพื่อกลบขอบซิลิโคนให้ทรงหน้าอกดูกลมกลืนมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของการฉีดไขมันเสริมหน้าอก
- สามารถเพิ่มขนาดได้จำกัด เนื่องจากปริมาณไขมันที่นำมาใช้ได้อาจมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีรูปร่างผอมบางหรือมีค่าไขมันใต้ชั้นผิวหนังน้อยมาก
- ไขมันบางส่วนอาจสลายตัวตามธรรมชาติ ร่างกายจะดูดซึมไขมันบางส่วนกลับไป ประมาณ 10-30% ภายใน 6 เดือนแรก อาจต้องมีการเติมซ้ำหากต้องการผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ผลลัพธ์อาจไม่คงที่เท่าการเสริมซิลิโคน โดยเฉพาะในกรณีที่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังทำไม่เหมาะสม หรือรับบริการจากสถานพยาบาลที่ขาดมาตรฐานด้านคุณภาพของกระบวนการ
- ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ การฉีดไขมันหน้าอกผิดชั้นผิว หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ไขมันตาย เป็นก้อน หรือเกิดพังผืดในเนื้อเยื่อเต้านมได้
ขั้นตอนการฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอก
การฉีดไขมันหน้าอกเป็นหัตถการที่มีรายละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดูดไขมันไปจนถึงการฉีดไขมันกลับเข้าสู่เต้านม โดยทุกขั้นต้องดำเนินการอย่างพิถีพิถันภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ สำหรับผู้ที่สนใจว่าการเติมไขมันหน้าอกมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง สามารถศึกษาจากกระบวนการ 3 ขั้นหลัก ๆ ต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 การดูดไขมัน
เริ่มต้นด้วยการดูดไขมันออกจากบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือบริเวณเอว ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ได้ไขมันคุณภาพดีเพื่อนำไปเติมหน้าอก แต่ยังเป็นการปรับรูปร่างในบริเวณนั้นให้กระชับมากขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยแพทย์จะเลือกใช้เทคนิคและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เหมาะกับการเก็บเกี่ยวเซลล์ไขมันอย่างอ่อนโยน เช่น เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body Jet ใช้พลังน้ำในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อ ทำให้เซลล์ไขมันเกิดความเสียหายน้อยกว่า ทำให้ได้ไขมันคุณภาพดีที่พร้อมสำหรับการฉีดกลับเข้าเต้านมในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 การคัดแยกเซลล์ไขมัน
หลังจากดูดไขมันออกมาแล้ว ไขมันที่ได้จะประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน, ของเหลวที่ร่างกายขับออกมาก, ยาชา, เซลล์ไขมันที่ตายแล้ว และเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่ปะปนออกมาด้วย แพทย์จึงต้องนำไขมันเข้าสู่กระบวนการคัดแยกและกรองเพื่อให้ได้เฉพาะเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพดี ซึ่งก็คือเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิตและพร้อมสำหรับการเจริญเติบโตต่อในเนื้อเยื่อเต้านม
ขั้นตอนการคัดแยกเซลล์ไขมันการปั่นแยก (Centrifugation) จะช่วยให้ไขมันมีขนาดเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะฉีด และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันหรือไขมันตาย เทคนิคนี้เป็นหัวใจของการฉีดไขมันหน้าอกให้ติดดี อยู่ได้นาน และให้ผลลัพธ์ที่เนียนเรียบ ดูเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนที่ 3 การฉีดไขมันเข้าสู่หน้าอก
เมื่อได้ไขมันที่ผ่านการคัดแยกแล้ว แพทย์จะฉีดไขมันเข้าสู่เต้านมในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยอาศัยความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์และเทคนิคอื่น ๆ เช่น การเลือกชั้นผิวที่เหมาะสม การกำหนดตำแหน่งที่ช่วยปรับโครงสร้างหน้าอกได้ชัดเจน โดยหลังฉีดเสร็จจะมีบริการและการให้แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันหน้าอก และให้ผู้เข้ารับบริการนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนเดินทางกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อให้การฉีดไขมันหน้าอกเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนฉีดไขมันหน้าอก ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- เข้ารับการประเมินกับแพทย์โดยตรง เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างหน้าอก ลักษณะของผิว และแหล่งไขมันที่เหมาะสมสำหรับการดูดและฉีดเติม ช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและสอดคล้องกับรูปร่างโดยรวม
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนทำ แพทย์อาจพิจารณาให้ตรวจเลือด ตรวจวิเคราะห์โครงสร้างเต้านม หรือการคัดกรองความเสี่ยงอื่น ๆ เพื่อยืนยันความพร้อมของร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนทำ ร่างกายที่สมบูรณ์จะช่วยให้ฟื้นตัวได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนหลังทำหัตถการ
- งดน้ำ งดอาหารตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีการวางยาสลบหรือให้ยานอนหลับ ป้องกันภาวะสำลักหรือผลข้างเคียงระหว่างหัตถการ
- หยุดใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา แอสไพริน หรือสมุนไพรบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา
- สวมเสื้อผ้าที่ใส่สะดวก ถอดง่าย และไม่รัดแน่นบริเวณลำตัว เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน–หลังทำ และลดแรงกดบริเวณหน้าอก
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ทาโลชั่น หรือน้ำหอมในวันผ่าตัด ลดโอกาสการปนเปื้อนและป้องกันการแพ้สารเคมี
- เตรียมผู้ดูแลเดินทางกลับและอยู่ใกล้ตัวอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก เพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะในกรณีที่มีการวางยาสลบหรือให้ยาคลายกังวล
การดูแลหลังเข้ารับบริการ
- ทำความสะอาดแผลดูดไขมันและบริเวณฉีดไขมันตามคำแนะนำของแพทย์ ใช้ผ้าก๊อซสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเบา ๆ ทุกวัน เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและป้องกันการติดเชื้อ
- งดนวดหรือกดทับหน้าอกเด็ดขาดในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปเสียหายหรือถูกดูดซึมกลับเร็วเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนอนทับหน้าอก เช่น นอนคว่ำหรือนอนตะแคงข้างนาน ๆ เพื่อให้ไขมันกระจายตัวได้ดีและลดแรงกดบริเวณที่ฉีด ซึ่งหากสัมผัสแรงกดมากเกินไป อาจทำให้ไขมันเสียหายได้
- ไม่ใส่ชุดชั้นในแบบมีโครง หรือเสื้อรัดแน่นบริเวณอกในช่วงพักฟื้น ให้ใช้ซิลิโคนแปะหัวนมหรือเสื้อผ้าหลวม ๆ เพื่อไม่รบกวนบริเวณที่ฉีดไขมันหน้าอก
- งดอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น อาหารหมักดอง อาหารดิบ อาหารทะเล หรือของมันจัด หวานจัด
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและกิจกรรมที่ใช้แรงมากเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้น และการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าอก อาจทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันกลับเร็วกว่าปกติ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อไม่ให้ระบบไหลเวียนเลือดถูกรบกวน ซึ่งอาจทำให้ไขมันที่ฉีดไว้ไม่ติดได้
- หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นประคบร้อนหรือเย็นบริเวณหน้าอก อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงมากอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเซลล์ไขมันใหม่ที่ฉีดเข้าไป
การฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอก พักฟื้นกี่วัน?
หลังการฉีดไขมันหน้าอก ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว และใช้เวลาพักฟื้นโดยเฉลี่ยประมาณ 3–7 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ฉีด ตำแหน่งที่ดูดไขมัน และสภาพร่างกายของแต่ละคน โดยช่วง 1–2 วันแรกอาจมีอาการบวมตึงเล็กน้อยบริเวณหน้าอกและบริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง
อย่างไรก็ตาม ควรงดออกกำลังกาย งดการนวดหรือกดทับหน้าอก รวมถึงงดกิจกรรมที่ใช้แรงมากอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้เซลล์ไขมันใหม่ที่ฉีดเข้าไปสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้เต็มที่ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
ผลลัพธ์การฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอก เป็นอย่างไร?
หลังจากการฉีดไขมันหน้าอก ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นลำดับในแต่ละช่วงเวลา โดยในทันทีหลังทำ หน้าอกจะดูอวบอิ่มขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปยังไม่ถูกดูดซึมและอาจมีอาการบวมร่วมด้วย ช่วงสัปดาห์แรกถึงสัปดาห์ที่สองจะเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มปรับตัว ไขมันบางส่วนอาจถูกดูดซึมกลับโดยธรรมชาติประมาณ 30–50% ซึ่งเป็นกลไกปกติ
ในช่วง 1–3 เดือนแรก เซลล์ไขมันที่อยู่รอดจะเริ่มเชื่อมต่อกับระบบเลือดและกลายเป็นเนื้อเยื่อถาวร ส่งผลให้หน้าอกมีขนาดที่สมดุลขึ้น รูปทรงเริ่มดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสนุ่มนวล และผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น โดยผลลัพธ์จะชัดเจนและมีความสมดุลภายใน 6 เดือนหลังทำ หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ไขมันที่เหลือจะอยู่ได้นานหลายปีโดยไม่จำเป็นต้องเติมซ้ำบ่อยครั้ง
คุณหมอชวนคุย ฉีดไขมันหน้าอกให้ได้ผลลัพธ์พอใจ ไขมันติด อยู่ได้นาน ต้องรู้อะไรบ้าง?
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การ ฉีดไขมันหน้าอก ให้ผลลัพธ์สวยงาม อยู่ได้นาน และไขมันติดดี คือ “คุณภาพของเซลล์ไขมัน” ที่นำมาฉีดกลับเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะขั้นตอนการดูดไขมัน ซึ่งไม่ใช่แค่การดึงไขมันออกมาเท่านั้น แต่ต้องเป็นการดูดอย่างนุ่มนวล ลดการทำลายเซลล์ไขมัน เพื่อให้ไขมันที่ได้ยังมีชีวิตอยู่และพร้อมจะพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อไขมันแบบเต็มที่ในหน้าอกได้จริง
จากการสอบถามเพิ่มเติม คุณหมอไอซ์-วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (เลข ว.51179) ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า
“เซลล์ไขมันที่ดี ต้องถูกดูดออกมาด้วยความนุ่มนวลที่สุด เพราะถ้าไขมันบาดเจ็บเยอะ ไขมันที่ฉีดกลับไปก็จะไม่ติด หรือกลายเป็นก้อนได้ในภายหลัง”
โดยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ปัญหานี้คือ เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body Jet ซึ่งทำงานโดยใช้แรงดันน้ำอ่อน ๆ ในการแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยไม่ทำลายโครงสร้างเซลล์ไขมัน ช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำให้ได้ไขมันที่บาดเจ็บน้อยและมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าการดูดไขมันด้วยระบบอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความร้อนมาก
ดังนั้น หากต้องการให้การฉีดไขมันหน้าอก ได้ผลลัพธ์คุ้มค่าในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเติมซ้ำบ่อย ๆ หรือเผชิญกับปัญหาผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรเลือกสถานพยาบาลที่ใช้เทคโนโลยีดูดไขมันที่อ่อนโยนต่อร่างกาย โดยเฉพาะเครื่อง Body Jet ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่โรงพยาบาลหลายแห่งเลือกใช้
การฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอกที่ไหนดี ควรพิจารณาจากปัจจัยใด
การตัดสินใจว่าจะฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอกที่ไหนดี ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองแค่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะการเติมไขมันหน้าอกเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญทางการแพทย์ ความเข้าใจในกายวิภาคศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน หากเลือกที่ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่พร้อมในการให้บริการ ก็อาจส่งผลให้ไขมันไม่ติด เกิดพังผืด หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนเข้ารับบริการควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้
- แพทย์ต้องมีความชำนาญในการศัลยกรรม เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ปริมาณไขมันที่เหมาะสม เข้าใจโครงสร้างหน้าอก และมีเทคนิคฉีดที่ถูกต้อง ไม่เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
- มีเทคโนโลยีดูดไขมันที่ช่วยรักษาเซลล์ไขมันได้ดี เช่น Body Jet เครื่องดูดไขมันพลังน้ำจะช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันที่นำกลับมาฉีดมีโอกาสติดดี อยู่ได้นาน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเซลล์ไขมันตายหรือเป็นก้อน
- มีระบบคัดกรองและเตรียมไขมันที่ได้มาตรฐาน เช่น การใช้ระบบปั่นแยกเพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่ปะปนเลือดหรือน้ำเกลือน้อย ช่วยให้สามารถนำไปฉีดไขมันหน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ หรือห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาล เพื่อรองรับกรณีที่ต้องดมยาสลบหรือทำศัลยกรรมอื่น ๆ ร่วมหลายจุด ลดโอกาสการติดเชื้อ และควบคุมความสะอาดได้อย่างเหมาะสม
- ราคาชัดเจน โปร่งใส ไม่แฝงค่าใช้จ่ายจุกจิก ควรได้รับใบเสนอราคาที่ระบุรายละเอียดครบถ้วน เช่น ค่าดูดไขมัน ค่าดมยาสลบ ค่าฉีดไขมัน ค่ายา และค่าดูแลหลังทำ เพื่อป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย
- มีบริการ After Care และติดตามผลหลังทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจติดตามอาการ การทำแสง LED ลดบวม หรือคำแนะนำเรื่องอาหารและการใช้ชีวิตหลังทำ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและลดโอกาสแทรกซ้อน
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง พร้อมภาพเปรียบเทียบก่อน–หลัง การมีเคสรีวิวจากคนไข้จริงที่สามารถตรวจสอบได้ แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและคุณภาพในการรักษาของสถานพยาบาลนั้น ๆ
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดไขมันหน้าอก
ฉีดไขมันหน้าอกทำให้หน้าอกใหญ่ได้แค่ไหน?
โดยทั่วไปสามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้ประมาณ 1 คัพขึ้นไปต่อการฉีดไขมันหน้าอก 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่สามารถฉีดได้ในแต่ละเคส หากต้องการขนาดใหญ่กว่านั้น อาจต้องฉีดซ้ำในภายหลัง หรืออาจต้องพิจารณาการเสริมหน้าอกซิลิโคนเพิ่มด้วย
ทำไมฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอกไปแล้วเป็นก้อน เป็นคลื่น ป้องกันได้ไหม?
สาเหตุเกิดจากการฉีดไขมันที่ไม่กระจายตัวอย่างเหมาะสม หรือใช้ไขมันที่ไม่ได้คุณภาพ เช่น มีเลือดเจือปนหรือยังไม่ได้แยกเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว วิธีป้องกันคือเลือกแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการดูดไขมัน-เติมไขมัน และใช้เทคโนโลยีแยกไขมันที่ได้คุณภาพ เช่น Centrifuge หรือโปรแกรม LipoCube
ตำแหน่งที่เลือกดูดไขมันจะเกิดเป็นแผลเป็นไหม
แผลจากการดูดไขมันมีขนาดเล็กมาก (ประมาณ 3–5 มม.) มักซ่อนในจุดที่ไม่สังเกตเห็นง่าย ยกตัวอย่างเช่น ขอบชั้นใน หากดูแลแผลดีและไม่ติดเชื้อ ในระยะยาว รอยแผลจะจางลงจนสังเกตได้ยาก (ยังไม่รวมกรณีที่โรงพยาบาลนั้น ๆ มีบริการ After Care ดูแลรอยแผลเป็นโดยเฉพาะด้วย)
ฉีดไขมันหน้าอกอยู่ได้นานไหม
ไขมันที่ฉีดแล้วติดจะสามารถอยู่ในหน้าอกได้นานหลายปี โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงที่หลัง 6 เดือน หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น งดบุหรี่ ควบคุมน้ำหนัก และหลีกเลี่ยงแรงกระแทก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานโดยไม่ต้องเติมซ้ำบ่อย ๆ
สรุปบทความฉีดไขมันเสริมขนาดหน้าอก
การฉีดไขมันหน้าอก คือ ทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมขนาดหน้าอกอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน เพิ่มความอิ่มฟู นุ่มนวล ละมุน และปรับรูปทรงได้อย่างกลมกลืนกับสรีระ ทั้งยังมีข้อดีด้านการได้รับความปลอดภัยในการเสริมหน้าอก เพราะใช้ไขมันจากร่างกายตนเอง ลดโอกาสแพ้หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์และไขมันติดอยู่ได้นาน จำเป็นต้องเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ เคยฉีดไขมันหน้าอกมาก่อน ใช้เทคนิคดูดไขมันที่อ่อนโยน และดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังทำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อต้องตัดสินใจว่าจะฉีดไขมันหน้าอกที่ไหนดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม ดูเป็นธรรมชาติ และคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
Post Info
Social Media

วิตามินบีคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เพิ่มในร่างกายได้อย่างไรบ้าง

โปรแกรมเลเซอร์ขนรักแร้คืออะไร กำจัดได้ถาวรไหม ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

เลือกโปรแกรมโบท็อกยี่ห้อไหนดี แต่ละประเทศต่างอย่างไร ตัวไหนเหมาะกับคุณ
