
ดูดไขมันต้นขา ช่วยแก้ปัญหาต้นขาใหญ่ ขาล่ำ ขาเบียด เซลลูไลท์ที่ขา
ดูดไขมันต้นขา เป็นหนึ่งในวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ไขรูปร่างเฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต้นขาใหญ่ ขาเบียด หรือมีเซลลูไลท์สะสมบริเวณต้นขาจนส่งผลต่อความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นจากกรรมพันธุ์ น้ำหนักตัว หรือฮอร์โมน การออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอาจไม่สามารถลดไขมันในบริเวณนี้ได้อย่างถูกจุด การดูดไขมันต้นขาจึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ขาดูเรียวขึ้น กระชับมากขึ้น และสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม
หัตถการนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณไขมันสะสม แต่ยังสามารถปรับสัดส่วนของต้นขาให้เข้ารูปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยแพทย์จะออกแบบแนวการดูดไขมันให้เหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูสมดุล สวยงาม และการดูแลให้เกิดความปลอดภัย
เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่
คุณหมอสรุป! ปัญหาต้นขาแบบไหนที่แก้ได้ด้วยการดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขา สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นต้นขาที่มีไขมันสะสมมากเกินไป ขาด้านในเสียดสีกันจนเกิดขาเบียด หรือขนาดขาที่ดูไม่สมดุลระหว่างช่วงบนและช่วงล่าง โดยเฉพาะในกรณีที่ออกกำลังกายแล้วไขมันต้นขายังไม่ลดลง หรือมีเซลลูไลท์ชัดเจน การดูดไขมันสามารถปรับสัดส่วนให้ต้นขาเรียวขึ้นและกระชับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เคสที่พบได้บ่อย คือ คนที่รูปร่างผอมแต่มีไขมันเฉพาะที่ต้นขา ด้านในขา หรือขาด้านนอกป่องออก — กลุ่มนี้จะเหมาะมากกับการดูดไขมันต้นขา เพราะเราสามารถออกแบบรูปทรงให้ขาดูสวยขึ้นได้โดยไม่ต้องลดน้ำหนักทั้งตัว” – คุณหมอไอซ์ นพ.วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (เลข ว. 51179)
นอกจากนี้ ยังสามารถทำควบคู่กับการเติมไขมันหรือการกระชับผิวเพื่อผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นอีกด้ว
ดูดไขมันต้นขา คืออะไร
ดูดไขมันต้นขา คือ หัตถการที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดบริเวณต้นขา เช่น ด้านใน ด้านนอก ด้านหน้า และด้านหลัง โดยใช้เทคนิคทางการแพทย์ร่วมกับเครื่องมือดูดไขมันเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากชั้นใต้ผิวหนัง การดูดไขมันในบริเวณนี้ไม่ใช่เพียงการ “ลดขนาดต้นขา” เท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับรูปทรงให้ขาดูเรียวลง สมส่วนกับร่างกายส่วนอื่น ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งสำคัญในการดูดไขมันต้นขา คือ ความเข้าใจในกายวิภาคของกล้ามเนื้อต้นขา เช่น กล้ามเนื้อ Quadriceps, Hamstrings และ Adductors ที่อยู่ในแนวและระดับชั้นต่างกัน การวางแผนดูดไขมันจะอิงจากแนวกล้ามเนื้อเหล่านี้ เพื่อให้แพทย์สามารถกำหนด “ปริมาณไขมันที่ควรเหลือไว้” ได้อย่างแม่นยำ นั่นทำให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันต้นขาด้วยเทคนิคเชิงกายวิภาคนั้น ได้ต้นขาที่เรียวลงจริงแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติของเส้นกล้ามเนื้อ ไม่แบน ไม่ยวบ และไม่เสียทรงในระยะยาว
ดูดไขมันขา ส่วนใดได้บ้าง
การดูดไขมันขาไม่ได้จำกัดแค่บริเวณต้นขาเพียงอย่างเดียว แต่สามารถปรับรูปร่างได้หลากหลายจุด ตั้งแต่ต้นขาด้านใน ด้านนอก ไปจนถึงรอบหัวเข่า โดยแพทย์จะประเมินตำแหน่งไขมันสะสม ความหนาของไขมัน และสัดส่วนโดยรวม เพื่อวางแผนดูดไขมันในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยมีรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งดังนี้
1. ต้นขาด้านใน (Inner Thighs)
บริเวณต้นขาด้านในเป็นจุดที่ไขมันสะสมได้ง่ายและมักเกิดอาการขาเบียดเสียดสี โดยเฉพาะเวลาสวมกางเกงหรือกระโปรง การดูดไขมันในจุดนี้จะช่วยให้ขาด้านในเรียวขึ้น ลดการเสียดสี และปรับระยะห่างระหว่างขาให้เหมาะสม ส่งผลให้รูปร่างดูโปร่งและสมส่วนมากยิ่งขึ้น
2. ต้นขาด้านนอก (Outer Thighs)
ต้นขาด้านนอกหรือที่เรียกกันว่า “ปีกสะโพก” เป็นบริเวณที่ไขมันป่องออกข้าง ทำให้สะโพกดูใหญ่หรือรูปร่างดูเป็นทรงลูกแพร์ การดูดไขมันบริเวณนี้ช่วยลดความโป่งของต้นขาด้านนอก ปรับแนวสะโพกให้เข้ากับเอวและต้นขาด้านล่าง ทำให้ขาดูเรียวยาวขึ้น
3. ต้นขาด้านหน้า (Anterior Thighs)
บริเวณต้นขาด้านหน้าเป็นตำแหน่งที่มักสะสมไขมันแบบแบนหนา เมื่อไขมันส่วนนี้มากเกินไปจะทำให้ต้นขาดูตันและขาดความโค้งเว้า การดูดไขมันบริเวณนี้จึงช่วยให้ต้นขาดูแบนราบมากขึ้น เห็นเส้นกล้ามเนื้อชัดขึ้นโดยไม่แข็งทื่อ
4. ต้นขาด้านหลัง (Posterior Thighs)
ไขมันที่สะสมด้านหลังต้นขาส่งผลให้ขาดูหนาและไม่กระชับ โดยเฉพาะบริเวณใต้ก้นหรือช่วงเหนือข้อพับ การดูดไขมันบริเวณนี้สามารถช่วยเสริมให้ขาด้านหลังดูเรียบขึ้น เพิ่มความต่อเนื่องกับแนวสะโพก ทำให้รูปร่างโดยรวมดูสมดุลจากทุกมุมมอง
5. รอบหัวเข่า (Knee Area)
แม้บริเวณรอบหัวเข่าจะเป็นจุดเล็ก แต่หากมีไขมันสะสมจะทำให้ขาดูบวมหนาและขาดความเรียวยาว การดูดไขมันรอบเข่าช่วยให้หัวเข่าดูชัดขึ้น ลดความหนาของหัวเข่า ทำให้แนวขาดูยาวต่อเนื่องโดยไม่สะดุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรูปร่างขาแบบเรียวชัดเจนตั้งแต่บนลงล่าง
ดูดไขมันต้นขาเหมาะกับใคร
การดูดไขมันต้นขาไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่จะได้ผลลัพธ์ดีเมื่อทำในกลุ่มที่มีลักษณะปัญหาเฉพาะจุด และมีเป้าหมายชัดเจนในการปรับรูปร่างมากกว่าการลดน้ำหนักทั่วร่างกาย โดยผู้ที่เหมาะสมกับการทำหัตถการนี้ ได้แก่
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะบริเวณต้นขา แม้น้ำหนักตัวโดยรวมจะไม่มาก
- ผู้ที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ต้นขายังไม่ลดลง
- ผู้ที่มีปัญหาขาเบียด ใส่เสื้อผ้าไม่มั่นใจ อยากให้ขาดูเรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนให้ขาสมดุลกับลำตัวส่วนบน
- ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรงและสุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงพอสำหรับการทำหัตถการ
ดูดไขมันต้นขาใช้เครื่องดูดไขมันแบบไหน
เครื่องดูดไขมันที่ใช้กับต้นขาจำเป็นต้องสามารถจัดการกับไขมันปริมาณมากได้ดี และต้องคำนึงถึงโครงสร้างกล้ามเนื้อและผิวหนังที่บอบบางในบางจุด โดยแพทย์จะเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับลักษณะไขมันของแต่ละคน ซึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่
- เทคโนโลยี UAL (Ultrasound-assisted Liposuction) ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์เคลียร์ไขมันก่อนดูดออก ช่วยให้ไขมันแยกตัวง่าย เหมาะกับไขมันแน่นและมีพังผืด พร้อมกระชับผิวในตัว
- เทคโนโลยี WAL (Water-Assisted Liposuction) ใช้แรงดันน้ำอ่อนโยนในการแยกเซลล์ไขมัน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน และต้องการเก็บไขมันไปใช้เติมต่อ
- เทคโนโลยี PAL (Power-Assisted Liposuction) ใช้แรงสั่นสะเทือนความเร็วสูงในการจัดการไขมัน เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันหนาแน่น และช่วยให้แพทย์เก็บรายละเอียดได้ดี
แพทย์จะประเมินลักษณะของไขมัน ความแน่น และตำแหน่งต้นขาที่จะดูดไขมัน ก่อนเลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับเป้าหมายของแต่ละบุคคล
ดูดไขมันต้นขาด้วยเทคนิค Real Legs Liposuction ดีอย่างไร
Real Legs Liposuction คือ เทคนิคการดูดไขมันต้นขาที่เน้นผลลัพธ์ให้ออกมาเป็นธรรมชาติตามหลักกายวิภาคศาสตร์ เพื่อปรับสัดส่วนขาให้เรียวยาว โดยอิงจากแนวกล้ามเนื้อจริงของต้นขา ไม่ใช่แค่การลดปริมาณไขมันแบบทั่วไป เทคนิคนี้ช่วยให้ขาดูมีมิติ ลดขาเบียด และยังคงความโค้งเว้าตามหลักสรีระ ซึ่งต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่อาจทำให้ขาดูแบนจนเกินไป สัดส่วนดูไม่มีมิติ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Real Legs คือ การวางแผนเชิงลึกแบบ “Body Design” ที่แพทย์จะประเมินแนวไขมัน กล้ามเนื้อ และสรีระโดยรวมก่อนเริ่มทำจริง ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดในแต่ละจุดได้แม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นขาด้านใน ด้านนอก หรือรอบหัวเข่า จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียวชัด สม่ำเสมอ และฟื้นตัวได้ไวกว่าวิธีเดิม ๆ โดยไม่ทำให้ผิวเป็นคลื่นหรือย้วยในภายหลัง
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขา
ก่อนเข้ารับการดูดไขมันต้นขา ควรเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม เพื่อให้หัตถการเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การเตรียมตัวที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ตามมา
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ
- หยุดยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (ตามคำแนะนำแพทย์)
- พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายพร้อม
- เตรียมชุดยกกระชับตามคำแนะนำ และเสื้อผ้าหลวมใส่สบายสำหรับวันผ่าตัด
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว หรือการแพ้ยาให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
ขั้นตอนการดูดไขมันต้นขา
ขั้นตอนของการดูดไขมันต้นขาจะดำเนินอย่างเป็นระบบโดยทีมแพทย์ โดยแต่ละขั้นตอนมีเป้าหมายในการรักษาให้เกิดความปลอดภัย และให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตามแนวกล้ามเนื้อธรรมชาติของต้นขา
- แพทย์ประเมินสรีระและวางแผนแนวการดูดไขมัน
- วาดตำแหน่งที่จะทำการดูดไขมันต้นขา
- ให้ยาชาเฉพาะที่หรือดมยาสลบ ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณที่ทำ
- ใส่สารน้ำ Tumescent เพื่อช่วยลดเลือดออก ลดความเจ็บ
- ใช้เทคโนโลยีเครื่องดูดไขมัน เช่น โปรแกรม VASER หรือ โปรแกรม Body-Jet ในการแยกและดูดไขมันออกตามแผนการรักษาที่เตรียมไว้
- ปิดแผลขนาดเล็กด้วยเทปหรือไหมละลาย พร้อมใส่ชุดยกกระชับทันที
การดูแลตนเองหลังดูดไขมันต้นขา
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นขาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้แผลหายเร็ว ลดอาการบวมช้ำ และให้รูปร่างเข้าที่อย่างสวยงาม ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจนและเรียบเนียนมากขึ้นหากมีวินัยในการดูแลตามคำแนะนำของแพทย์
- ใส่ชุดกระชับต้นขาตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างหรือนอนตะแคงทับต้นขา
- เดินเบา ๆ เป็นระยะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก เช่น วิ่ง หรือยกของหนักในช่วง 4–6 สัปดาห์
- นวดกระตุ้นระบบน้ำเหลือง (หากแพทย์แนะนำ) เพื่อลดพังผืดและช่วยให้ผิวเรียบเนียน
- เข้ารับการตรวจติดตามผลตามนัดอย่างเคร่งครัด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังดูดไขมันต้นขา
แม้การดูดไขมันต้นขาจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยหากทำโดยแพทย์และขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ในบางราย การสังเกตอาการและพบแพทย์ทันทีเมื่อผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญ
- อาการบวม ช้ำ ตึง และเจ็บเล็กน้อยในช่วง 3–7 วันแรก
- ผิวหนังรู้สึกชาหรือไวต่อการสัมผัสในบางจุด
- น้ำซึมหรือของเหลวออกจากแผลในช่วงวันแรก
- ผิวไม่เรียบ มีรอยนูนเล็กน้อย (มักดีขึ้นเมื่อใส่ชุดกระชับและใช้การนวด)
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากดูแลแผลไม่สะอาดหรือสัมผัสสิ่งสกปรก
- หากมีไข้สูง แผลแดงร้อน หรือเจ็บมากผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ดูดไขมันต้นขาพักฟื้นกี่วัน
การดูดไขมันต้นขาโดยทั่วไปจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1–2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูดออก เทคนิคที่ใช้ และการดูแลหลังทำของแต่ละคน โดยในช่วง 3–5 วันแรก อาจมีอาการบวม ตึง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนทับบริเวณต้นขาโดยตรง และเริ่มขยับร่างกายเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต โดยทั่วไปสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 5–7 วัน แต่ควรงดกิจกรรมหนักหรือออกกำลังกายประมาณ 1 เดือนเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่และลดความเสี่ยงของพังผืดใต้ผิวหนัง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียการดูดไขมันต้นขา
แม้การดูดไขมันต้นขาจะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปร่างเฉพาะจุด แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้เหมาะกับเป้าหมายและความคาดหวังของแต่ละคน การเข้าใจทั้งด้านบวกและข้อควรระวังจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ข้อดีของการดูดไขมันต้นขา
- ช่วยลดขาเบียดและความไม่มั่นใจเวลาสวมเสื้อผ้า
- ต้นขาดูเรียวขึ้น กระชับ และได้สัดส่วนมากขึ้น
- ปรับความสมดุลระหว่างช่วงล่างและช่วงบนของร่างกาย
- เห็นผลชัดเจนกว่าการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และมีแผลขนาดเล็ก
- สามารถเลือกดูดเฉพาะจุด เช่น ด้านใน ด้านนอก หรือรอบเข่าได้ตามปัญหา
ข้อเสียของการดูดไขมันต้นขา
- อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บในช่วงแรกของการพักฟื้น
- หากทำโดยแพทย์ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดผิวไม่เรียบหรือพังผืดใต้ผิวหนัง
- ต้องใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์
- ไม่เหมาะกับผู้ที่คาดหวังการลดน้ำหนักแบบทั้งตัว
เปรียบเทียบหัตถการที่ช่วยลดไขมันต้นขา
การลดไขมันต้นขาสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งแต่ละหัตถการมีข้อดี จุดเด่น และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป การเลือกวิธีที่ใช่ควรพิจารณาจากปริมาณไขมัน ลักษณะปัญหา และผลลัพธ์ที่ต้องการ
การดูดไขมันต้นขา
เป็นการลดไขมันเฉพาะจุดโดยตรง เห็นผลชัดเจนในครั้งเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมจำนวนมาก ขาเบียด หรืออยากปรับรูปร่างแบบถาวร โดยต้องอาศัยการพักฟื้นและการดูแลหลังทำอย่างต่อเนื่อง
การลดไขมันต้นขาด้วยความเย็น
เช่น โปรแกรม CoolSculpting ที่ใช้ความเย็นจุดเยือกแข็งในการทำลายเซลล์ไขมัน เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบางจุด มีไขมันที่ไม่หนามาก และกลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัด ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป และอาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง
การลดไขมันต้นขาด้วยพลังงานความร้อน
เช่น โปรแกรม RF หรือ โปรแกรม HIFEM ที่ใช้ความร้อนกระตุ้นการเคลียร์ไขมันและกระชับผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันไม่มากและมีผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย เริ่มผลการเปลี่ยนแปลงหลังทำและเห็นผลอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ารับการรักษาตามจำนวนครั้งที่แนะนำ
ทำไมต้องดูดไขมันต้นขาที่ AM International Hospital
AM International Hospital ให้บริการดูดไขมันต้นขาด้วยเทคนิคที่โดดเด่น รวมถึงเทคนิค Real Legs Liporsuction โดยทีมแพทย์ผสานกับการดีไซน์สัดส่วน Body Design พร้อมเครื่องมือระดับสากล เช่น โปรแกรม VASER และ PAL ที่ช่วยให้ผลลัพธ์เรียบเนียน ปลอดภัย และฟื้นตัวไว อีกทั้งยังมีห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาล บริการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ที่ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบ 1 : 1 และการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอน
รีวิวดูดไขมันต้นขาที่ AM International Hospital
ผู้รับบริการจริงส่วนใหญ่พึงพอใจกับผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นขา ทั้งในแง่ของความเรียว ความกระชับ และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่เคยมีขาเบียดหรือใส่กางเกงไม่มั่นใจ ทีมแพทย์ของ AM ยังได้รับคำชมเรื่องความประณีตและการปั้นรูปร่างให้สวยแบบธรรมชาติ ทำให้หลายคนเลือกกลับมาใช้บริการซ้ำหรือแนะนำบอกต่อ





ค่าบริการดูดไขมันต้นขา
ราคาค่าบริการดูดไขมันต้นขาที่ AM International Hospital อยู่ที่ 25,000 บาท*ต่อตำแหน่ง โดยขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน ตำแหน่งที่ทำ และเทคโนโลยีที่เลือกใช้ ทางโรงพยาบาลจะมีการประเมินโดยแพทย์ก่อนทุกเคส และแจ้งค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการเพื่อความโปร่งใสและวางแผนได้ล่วงหน้า
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขาเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยปรับรูปร่างให้ขาดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแผล การฟื้นตัว และความรู้สึกระหว่างทำ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ เราได้รวมคำถามที่พบบ่อยไว้ที่นี่
แผลหลังดูดไขมันต้นขามีกี่จุด แผลใหญ่ไหม?
โดยปกติจะมีแผลเล็ก ๆ ประมาณ 2–4 จุดต่อขา ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน แผลมีขนาดประมาณ 3–5 มม. เท่านั้น และมักซ่อนอยู่ตามรอยพับของผิว ทำให้มองเห็นได้ยากหลังแผลหายดี
จะมีรอยแผลเป็นหลังดูดไขมันต้นขาไหม?
แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและมักหายได้ดี หากดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์ โอกาสเกิดแผลเป็นนูนหรือรอยดำถาวรจะน้อยมาก และส่วนใหญ่จางลงจนแทบไม่เห็นภายในไม่กี่เดือน
มีข้อห้ามหรือข้อควรระวังอะไรบ้างก่อนดูดไขมันต้นขา?
ควรงดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ และหยุดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรแจ้งโรคประจำตัวหรือการแพ้ยาต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยในการทำหัตถการ
ดูดไขมันต้นขาเจ็บไหม?
ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะมีการให้ยาชาหรือดมยาสลบตามแผนการรักษาาของแพทย์ หลังทำอาจมีอาการตึงหรือปวดเล็กน้อยคล้ายออกกำลังกายหนักในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดและการดูแลที่เหมาะสม
สรุปเรื่องดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขาเป็นหัตถการที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดและปรับสัดส่วนขาให้เรียว กระชับ และสมดุลกับรูปร่างโดยรวม เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมดื้อบริเวณต้นขา แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการออกแบบแนวดูดไขมันตามแนวกล้ามเนื้อ ผสานกับหลักกายวิภาคศาสตร์ ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและการดูแลให้เกิดความปลอดภัย หลังทำมีการฟื้นตัวได้เร็วและแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นเมื่อหายดี
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666