
BodyTite เครื่องดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวในตัวเดียว จบปัญหาส่วนเกิน สร้างหุ่นเฟิร์มสวย!
การดูดไขมันเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวย้วยหลังดูดไขมันได้อย่างสมบูรณ์ BodyTite จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมการดูดไขมันและยกกระชับผิวไว้ในขั้นตอนเดียว ช่วยให้ได้สัดส่วนกระชับมากขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ แต่ตัว BodyTite นั้นคืออะไร? ได้ผลดีเรื่องกระชับผิวจริงไหม? มาดูกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่
BodyTite คืออะไร
BodyTite คือ เทคโนโลยีดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวในขั้นตอนเดียว ด้วยการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Assisted Liposuction: RFAL) ปล่อยพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังอย่างแม่นยำ เพื่อทำให้ไขมันแปรสภาพเป็นของเหลวและดูดออกมาได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันพลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมายังช่วยกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหดตัวและกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
หลักการทำงานของ BodyTite
BodyTite ทำงานโดยการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) จากหัวอุปกรณ์สองส่วนที่ทำงานประสานกัน โดยหัวที่อยู่ใต้ผิวหนังจะมีความร้อนสูงราว 40-60 องศาเซลเซียสเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน ส่วนหัวที่อยู่ด้านบนผิวหนังจะมีความร้อนต่ำกว่าเพื่อทำหน้าที่ในการกระชับผิว โดยไม่ทำให้ผิวไหม้
พลังงาน RF จากส่วนหัวใต้ผิว จะทำหน้าที่สลายไขมันในชั้นใต้ผิวให้อ่อนตัว ทำให้ดูดไขมันออกได้ง่ายขึ้น พร้อมกับส่งความร้อนลงลึกอย่างแม่นยำ เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิว หรือ Fibroseptal Network (FSN) ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ดูดไขมันมีความตึงกระชับทันที
นอกจากนี้ ความร้อนที่ปล่อยออกมายังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ทำให้ผิวมีความกระชับและยืดหยุ่นดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการทำ การควบคุมอุณหภูมิในระหว่างทำ BodyTite อย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงของการทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำให้ BodyTite เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิว
BodyTite ดูดไขมันและยกกระชับผิวบริเวณไหนได้บ้าง
ก่อนวางแผนการทำ BodyTite จำเป็นต้องประเมินสภาพผิวและชั้นไขมันในแต่ละตำแหน่ง เพื่อเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด โดยบริเวณที่สามารถทำ BodyTite ได้แก่
- เหนียงและกรอบหน้า ช่วยลดไขมันใต้คาง เก็บแนวกรอบหน้าให้ชัดขึ้น และยกกระชับผิวใต้คางที่หย่อนคล้อย
- ต้นแขน ลดไขมันบริเวณต้นแขนที่หย่อนคล้อย และกระชับผิวให้แน่นขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีแขนห้อย แขนย้วย หลังลดน้ำหนัก หรือจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- หน้าท้อง ดูดไขมันสะสมที่หน้าท้อง พร้อมยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย ช่วยให้หน้าท้องเรียบแน่นขึ้น โดยไม่ต้องตัดหนังหน้าท้อง (กรณีที่ไม่ได้หย่อนคล้อยรุนแรง)
- ต้นขา ลดไขมันที่สะสมบริเวณต้นขา และช่วยยกกระชับผิวต้นขาให้กระชับ ไม่หย่อนยาน ช่วยให้เรียวขาดูเรียวกระชับได้รูป
- เข่าและบริเวณเนื้อปลิ้นข้อพับ ลดไขมันสะสมรอบข้อพับ และกระชับผิวบริเวณหัวเข่าที่หย่อนคล้อย ให้เรียบเนียนและได้สัดส่วนที่เพรียวบางยิ่งขึ้น
- แผ่นหลัง กำจัดไขมันสะสมบริเวณแผ่นหลังและปีกหลัง พร้อมเก็บผิวให้ตึงกระชับ ลดเนื้อปลิ้นที่เกิดจากการสะสมของไขมันหรือผิวเหี่ยว หย่อนคล้อย
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ BodyTite
- มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และมีภาวะผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย
- ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นหลังลดน้ำหนักหรือคลอดบุตร
- ต้องการดูดไขมันและยกกระชับผิวพร้อมกันในขั้นตอนเดียว
- ต้องการฟื้นฟูรูปร่างโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่หรือยกกระชับแบบดั้งเดิม
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
- ต้องการลดเลือนริ้วรอยบนผิว ไม่ต้องการผ่าตัดหรือฉีดสารเติมเต็ม
- ผู้ที่มีงบจำกัด ไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายสูง ๆ ในการยกกระชับ
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ของการยกกระชับผิวด้วย BodyTite
การดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม แต่การตัดสินใจทำควรเข้าใจทั้งข้อดีและข้อจำกัดอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite
- ดูดไขมันและกระชับผิวได้ในขั้นตอนเดียว
- ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนแลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
- ลดปริมาณไขมันส่วนเกินพร้อมแก้ไขปัญหาผิวย้วยได้ทันที
- แผลมีขนาดเล็ก ลดบวมช้ำได้ดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
- สามารถใช้ดูดไขมันในพื้นที่เล็ก ๆ ได้ เช่น นมน้อย เป็นต้น
- ระยะเวลาในการทำไม่นาน
ข้อเสียของการดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite
- มีความเสี่ยงเรื่องการสะสมความร้อน หากไม่ได้ควบคุมพลังงานอย่างเหมาะสม
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม และต้องใช้เวลา 3–6 เดือนเพื่อเห็นผลเต็มที่
- ต้องใส่ชุดกระชับสัดส่วนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- ไม่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวในกลุ่มคนที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง
ขั้นตอนการดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite
การดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite มีขั้นตอนที่วางแผนอย่างละเอียดตั้งแต่การประเมินสภาพร่างกาย ไปจนถึงการดูแลหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนการดำเนินการโดยทั่วไปมีดังนี้
- ประเมินร่างกายโดยแพทย์ เพื่อวิเคราะห์สัดส่วนไขมันและระดับความหย่อนคล้อยของผิว เพื่อวางแผนตำแหน่งที่ต้องดูดไขมันและยกกระชับ
- ระงับความเจ็บปวด โดยสามารถเลือกการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
- เปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 3–5 มิลลิเมตร หรือเจาะรูเล็ก ๆ บนผิว เพื่อสอดหัวเครื่อง BodyTite เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในตำแหน่งที่กำหนด
- แยกเซลล์ไขมันและกระชับผิวด้วยพลังงานคลื่น RF อย่างต่อเนื่องระหว่างขั้วไฟฟ้าใต้ผิวและบนผิว กำจัดไขมันและกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยยึดผิว
- ดูดไขมันที่แปรสภาพเป็นของเหลวออกอย่างนุ่มนวล ผ่านทางท่อดูดไขมันที่เชื่อมต่อไปยังถังเก็บไขมันระบบสุญญากาศ
- ใส่ชุดกระชับทันทีหลังทำ ช่วยพยุงรูปร่าง ลดอาการบวม และเพื่อช่วยกระชับผิวในช่วงพักฟื้น
โดยรวมแล้ว ขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2–4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และปริมาณไขมันที่ทำการรักษา
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
การเตรียมตัวที่ถูกต้องก่อนดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังทำ แนวทางการเตรียมตัวที่สำคัญ ได้แก่
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ เพราะการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้แผลหายช้า และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา หรือสมุนไพรบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดอย่างน้อย 7 วันก่อนทำ
- แจ้งประวัติโรคประจำตัวหรือการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการดูดไขมันและการใช้ยาระหว่างทำได้อย่างปลอดภัย
- พักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนวันทำจริง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมรับการรักษาและฟื้นตัวได้ดี
- งดอาหารและน้ำ 6–8 ชั่วโมงก่อนทำ ในกรณีที่มีการใช้ยานอนหลับหรือยาสลบ
- เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ชุดกระชับ และอุปกรณ์ดูแลแผลเบื้องต้น เพื่อความสะดวกในการดูแลตนเองหลังทำ
การดูแลหลังเข้ารับบริการ
การดูแลตนเองหลังทำ BodyTite มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดอาการบวม ช้ำ และเสริมผลลัพธ์การยกกระชับผิวให้ชัดเจนและคงอยู่ได้นาน โดยแนวทางการดูแลหลังทำ BodyTite ได้แก่
- ใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก เพื่อช่วยพยุงรูปร่าง ลดบวม และเสริมการกระชับของผิว
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักหรือการออกกำลังกายแรง ๆ เช่น วิ่ง กระโดด หรือยกน้ำหนัก อย่างน้อย 4–6 สัปดาห์ เพื่อลดแรงกระแทกบริเวณที่ทำ
- ดูแลแผลให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ว่ายน้ำ หรือซาวน่า เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่แผลในช่วงแรกหลังทำ
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างครบถ้วน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาลดบวม เพื่อช่วยลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ
- ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และรับประทานอาหารที่ช่วยการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ เช่น โปรตีน ผักผลไม้ เพื่อเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการสร้างคอลลาเจนใหม่
- มาติดตามผลตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินการฟื้นตัวของผิวหนัง และแก้ไขภาวะแทรกซ้อน (ถ้ามี) ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
การดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite พักฟื้นกี่วัน
หลังทำ BodyTite สามารถกลับไปทำงานหรือเคลื่อนไหวทั่วไปได้ในช่วง 3–7 วันแรก แต่อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือหน่วงตึงบริเวณที่ดูดไขมัน แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก แนะนำให้พักการออกแรงเยอะหรือการออกกำลังกายไปก่อนในช่วงเดือนแรก เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้ดี
ผลลัพธ์การดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite เป็นอย่างไร
หลังทำ BodyTite จะเริ่มเห็นผลรูปร่างที่กระชับและผิวตึงขึ้นตั้งแต่ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก โดยผิวจะค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง และเห็นผลเต็มที่ในช่วงประมาณ 3–6 เดือน
การทำ BodyTite จึงช่วยลดไขมันส่วนเกินได้พร้อมฟื้นฟูความกระชับของผิว ช่วยให้สัดส่วนดูแน่น กระชับ และเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องทำศัลยกรรมใหญ่
BodyTite Vs J Plasma แตกต่างกันอย่างไร ทำเครื่องไหนดี
แม้ว่า BodyTite และ J Plasma จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับผิวเหมือนกัน แต่เครื่องดูดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีหลักการทำงาน จุดเด่น และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การเลือกใช้เครื่องมือแต่ละประเภทจึงขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและเป้าหมายของแต่ละบุคคล
BodyTite เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อดูดไขมันและยกกระชับผิวในขั้นตอนเดียว โดยใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) สร้างความร้อน 40-60 องศาเซลเซียสในการแยกเซลล์ไขมัน และกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมปริมาณมากร่วมกับผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลางมากกว่า เนื่องจากไม่ได้มีอุณหภูมิสูงมาก แต่มีความเสี่ยงเกิดผิวไหม้หากปล่อยพลังงานอย่างไม่ถูกวิธี
J Plasma เป็นเทคโนโลยีที่เน้นการยกกระชับผิวอย่างล้ำลึก โดยใช้พลาสมาฮีเลียมผสมคลื่น RF เพื่อสร้างความร้อนที่ 85 องศาเซลเซียสเท่ากันทุกจุด เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนอย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากกว่าปัญหาไขมันสะสม เหมาะกับการกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยปานกลางจนถึงรุนแรง และมักใช้ร่วมกับเครื่องดูดไขมันโดยเฉพาะ จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
กล่าวคือ หากผิวของเรามีความหย่อนคล้อยไม่มากนัก และอยากกำจัดไขมันใต้ชั้นผิวออกจำนวนหนึ่ง เครื่องดูดไขมัน BodyTite จะตอบโจทย์กว่า แต่หากผิวของเรามีความหย่อนคล้อยรุนแรง อาจต้องเลือก J Plasma ที่มีคุณสมบัติในการกระชับผิวได้สูงกว่า
คุณหมอชวนคุย BodyTite เหมาะกับใคร ทำแล้วถึงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
จากการพูดคุยกับคุณหมอไอซ์ – นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (ว.51179) พบว่าการทำ BodyTite มักแนะนำสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมร่วมกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการลดปริมาณไขมันและยกกระชับผิวในขั้นตอนเดียว จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมมากกว่าการดูดไขมันเพียงอย่างเดียว
“การยกกระชับผิว จะต้องตรวจเช็กสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนว่ามีความหย่อนคล้อยรุนแรงหรือไม่ จึงสามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับปัญหาที่เป็นอยู่ได้”
ดังนั้น สำหรับผู้ที่วางแผนดูดไขมันในพื้นที่ที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา และมีแนวโน้มว่าผิวจะหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน การวางแผนทำ BodyTite จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ได้รูปร่างที่เฟิร์ม กระชับ และมีสัดส่วนที่สวยงามมากยิ่งขึ้น
อัตราค่าบริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet
ค่าบริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณราคา 25,000 บาทต่อตำแหน่ง ทั้งนี้ ราคาเบ็ดเสร็จจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนตำแหน่งหรือบริเวณที่ทำการดูดไขมัน, ความซับซ้อนของรูปร่างแต่ละบุคคล, เทคนิคที่นำมาใช้ร่วม เช่น การเติมไขมัน (Fat Grafting) หรือการใช้เครื่องกระชับผิว, วิธีการระงับความเจ็บปวด (การใช้ยาชาเฉพาะที่จะมีค่าใช้จ่ายต่างจากการดมยาสลบ) รวมไปถึงค่าธรรมเนียมการให้บริการอื่น ๆ ที่โรงพยาบาลกำหนด แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบราคาดูดไขมันที่ชัดเจน
ดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ที่ไหนดี
การเลือกสถานพยาบาลสำหรับดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความสามารถของแพทย์, การใช้เครื่องมือแท้ที่ได้มาตรฐาน, มาตรฐานห้องผ่าตัด, การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์, การดูแลหลังทำอย่างต่อเนื่อง และความน่าเชื่อถือและรีวิวจากผู้รับบริการจริง
AM International Hospital เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ให้บริการดูดไขมันพลังน้ำ Body-Jet ด้วยมาตรฐานคุณภาพ พร้อมทีมแพทย์ที่ให้บริการดูดไขมันและการเติมไขมันกับผู้เข้ารับบริการหลากหลายกลุ่ม ต่างเพศ ต่างวัย ซึ่งมีทั้งผู้เข้ารับบริการจากในไทยและต่างประเทศ
โรงพยาบาลเอเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสปิตอล ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล (Personalized Solutions) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับตัวเอง และดูแลอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอน เพื่อให้การตัดสินใจเข้ารับบริการเป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์
ดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite ที่ไหนดี ควรพิจารณาจากปัจจัยใด
การเลือกโรงพยาบาลสำหรับการดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัย และคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้ ด้วยเทคนิคที่แม่นยำและประสิทธิภาพของแพทย์ในการควบคุมพลังงานความร้อน จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้รูปร่างที่สวยงาม ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนน้อยลง การพิจารณาโรงพยาบาลที่เหมาะสมจึงควรคำนึงถึงหลายองค์ประกอบร่วมกัน
- แพทย์ต้องมีความสามารถในการใช้งานเครื่องมืออย่างเหมาะสม หากมีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี BodyTite อย่างชำนาญ เข้าใจชั้นผิวและเนื้อเยื่อในแต่ละตำแหน่ง ก็จะช่วยให้แต่ละขั้นตอนมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
- มีการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ทั้งการประเมินไขมัน สภาพผิว และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อในแต่ละบุคคล เพื่อวางแผนการดูดไขมัน ปรับระดับพลังงาน RF และกำหนดจุดการปล่อยพลังงานอย่างเหมาะสม
- ควรเลือกสถานที่ที่มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ ระบบฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และมีเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉินครบถ้วน เพื่อความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
- สถานพยาบาลควรมีระบบติดตามผลหลังทำอย่างต่อเนื่อง ให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน และสามารถให้คำปรึกษาหากเกิดอาการผิดปกติในช่วงพักฟื้นได้
- ศึกษาผลงานเคสรีวิวก่อน-หลังทำจริง และประสบการณ์ของผู้ที่เคยเข้ารับบริการ ทั้งในเรื่องของผลลัพธ์และการบริการของสถานพยาบาล เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน
สรุปบทความ
การดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวด้วย BodyTite เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการลดไขมันตามสัดส่วนต่าง ๆ และการฟื้นฟูความกระชับของผิวในขั้นตอนเดียว ซึ่งจะเหมาะกับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมใต้ชั้นผิวร่วมกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยจนถึงปานกลาง แต่การทำ BodyTite ก็ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเช่นกัน หากได้รับการประเมินและดูแลจากทีมแพทย์โดยตรง จะช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666