loader image

Ultra-Processed Food (อาหารแปรรูปสูง) ภัยเงียบทำลายสุขภาพที่ซ่อนอยู่ในครัว

ultra processed food

ปัจจุบัน อาหารสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความสะดวกสบายและรสชาติที่ถูกปากนั้น กลับมีกลุ่มอาหารที่เรียกว่า Ultra-Processed Food (อาหารแปรรูปสูง) ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในแวดวงสาธารณสุข นักวิจัยชี้ว่าอาหารกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่บั่นทอนสุขภาพอย่างเงียบ ๆ ไม่เพียงแต่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของสมอง ก่อให้เกิดภาวะระบบเผาผลาญผิดปกติ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคโดยที่เราไม่ทันระวัง หากต้องการเข้าใจถึงกลไกที่ทำให้อาหารแปรรูปสูงถูกขนานนามว่าเป็น “ภัยเงียบในครัว” ข้อมูลในบทความนี้คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้อาหารสะดวกซื้อและขนมสำเร็จรูปกลายเป็นของใกล้ตัวที่หลายคนเผลอหยิบมาทานโดยไม่ทันคิด แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความอร่อย กรอบ มัน เค็ม และหวานเหล่านั้น แท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า Ultra-Processed Food (อาหารแปรรูปสูง) ซึ่งนักวิจัยจับตามองว่ามันเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่เข้ามาทำลายสุขภาพแบบเงียบ ๆ ที่ไม่เพียงให้น้ำหนักตัวพึ่งขึ้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสมอง และพฤติกรรมการกินโดยไม่รู้ตัว หากอยากเข้าใจว่าทำไมอาหารแปรรูปสูงถึงถูกขนานนามว่าเป็น “ภัยเงียบในครัว” ต้องไม่พลาดอ่านบทความนี้

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

Ultra-Processed Food คืออะไร?

Ultra-Processed Food (อาหารแปรรูปขั้นสูง) คือกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรมในระดับที่ซับซ้อนและเข้มข้นที่สุด โดยวัตถุดิบดั้งเดิม เช่น ธัญพืช น้ำมัน หรือเนื้อสัตว์ ถูกนำมาผ่านกรรมวิธีทางเคมีและทางกลอย่างมากเพื่อสกัดเอาองค์ประกอบย่อย ๆ ออกมา ก่อนจะนำไปผสมกับส่วนผสมที่สังเคราะห์ขึ้นใหม่

วัตถุประสงค์หลักของการแปรรูปขั้นสูงคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษานาน (Shelf Life) มีรสชาติอร่อยเข้มข้น และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความหนาแน่นของแคลอรีสูงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการ (วิตามิน, แร่ธาตุ, ใยอาหาร) ต่ำมาก ซึ่งนำไปสู่การบริโภคเกินขนาดและเป็นรากฐานของปัญหาสุขภาพเรื้อรัง

อาหารแปรรูปขั้นสูงแตกต่างจากอาหารแปรรูปทั่วไปอย่างไร

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “อาหารแปรรูป” ทั่วไปกับ “อาหารแปรรูปขั้นสูง (Ultra-Processed Food)” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการแปรรูปไม่ได้แย่เสมอไป อาหารถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามระบบ NOVA ซึ่งช่วยให้เราแยกแยะความแตกต่างของระดับการแปรรูปได้อย่างชัดเจน ดังนี้

ประเภท

ประเภทอาหาร

ลักษณะการแปรรูป

ตัวอย่างอาหาร

กลุ่ม 1 (Minimally Processed)อาหารธรรมชาติเพียงการล้าง ตัด แช่แข็ง หรือบดโดยไม่เติมส่วนผสมอื่นผลไม้สด, เนื้อดิบ, ถั่วเปลือกแข็ง, ไข่
กลุ่ม 2 (Processed Culinary Ingredients)ส่วนผสมปรุงอาหารสารที่สกัดจากกลุ่ม 1 เพื่อใช้ปรุงรสน้ำมันมะกอก, เกลือ, น้ำตาลทราย, แป้งสาลี
กลุ่ม 3 (Processed Foods)อาหารแปรรูปทั่วไปนำกลุ่ม 1 + กลุ่ม 2 มาผสมกันเพื่อยืดอายุหรือเพิ่มรสชาติปลากระป๋อง, ผักกระป๋อง, ขนมปังที่ทำจากยีสต์ (ทั่วไป), เนยแข็งธรรมดา
กลุ่ม 4 (Ultra-Processed Foods)อาหารแปรรูปขั้นสูงผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอน มีสารสังเคราะห์ที่ไม่ใช่ส่วนผสมในครัวเรือนซีเรียลหวานจัด, น้ำอัดลม, ไส้กรอก, อาหารแช่แข็งพร้อมทาน, ขนมขบเคี้ยว

 

โดยสรุปคือ อาหารแปรรูปทั่วไป (กลุ่ม 3) มีส่วนผสมที่จำกัด มักเป็นน้ำตาล เกลือ หรือน้ำมันที่ใช้ทำอาหารได้เองที่บ้าน ส่วนอาหารแปรรูปขั้นสูง (กลุ่ม 4) จะมีสารเติมแต่งทางเคมี เช่น High Fructose Corn Syrup, สารกันเสีย (Preservatives), อิมัลซิไฟเออร์, และ สารแต่งกลิ่นรส ที่คุณไม่มีทางเจอในครัวปกติ

อาหารแปรรูปทั่วไปยังคงมีโครงสร้างและคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบเดิมอยู่มาก แต่อาหารแปรรูปขั้นสูงแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม และถูกออกแบบมาให้มีไฟเบอร์ต่ำ แต่มีรสชาติจัดจ้านสูง (Hyper-Palatable) เพื่อกระตุ้นให้เราบริโภคเกินปริมาณที่ควร

ตัวอย่างอาหารที่จัดอยู่ในกลุ่ม Ultra-Processed Food

เพื่อให้การหลีกเลี่ยงภัยเงียบในครัวมีความชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือรายการตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่นักโภชนาการจัดอยู่ในกลุ่ม Ultra-Processed Food หรือ UPF ซึ่งหลายรายการเป็นที่นิยมและถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารทั่วไปหรืออาหารที่สะดวกต่อการบริโภค ยกตัวอย่างเช่น
  • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลมทุกชนิด, เครื่องดื่มชูกำลัง, น้ำผลไม้รสหวานบรรจุกล่อง
  • ขนมขบเคี้ยวและขนมหวานบรรจุห่อ เช่น มันฝรั่งทอด, ขนมกรุบกรอบในถุง, ลูกอม, บิสกิต, คุกกี้ที่ผลิตเชิงอุตสาหกรรม
  • อาหารแช่แข็ง/อาหารพร้อมทานสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ซุปผง/ซุปกระป๋อง, พิซซ่าแช่แข็ง, ข้าวกล่องสำเร็จรูปพร้อมเวฟ
  • เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก, แฮม, ลูกชิ้น, นักเก็ตไก่, เบคอน, อาหารทะเลชุบแป้งทอดแช่แข็ง
  • อาหารเช้าสำเร็จรูป เช่น ซีเรียลอาหารเช้าชนิดหวานจัด, กราโนล่าบาร์ (ส่วนใหญ่), ขนมปังปิ้งสำเร็จรูป
  • เครื่องปรุงรส เช่น ซอสมะเขือเทศ/ซอสพริกราคาถูก, มาการีน, เนยเทียม, น้ำสลัดสำเร็จรูปบางชนิด
  • อาหารทางเลือกอื่น ๆ เช่น เนื้อสัตว์จากพืช (Fake Meat) และชีสจากพืชที่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ
อาหารเหล่านี้มักให้พลังงานสูงแต่คุณค่าทางโภชนาการต่ำ และมักอุดมไปด้วยน้ำตาล ไขมันไม่ดีและโซเดียม โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือ หากฉลากผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมเกิน 5 อย่าง และคุณไม่รู้จักชื่อส่วนผสมเหล่านั้น ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็น UPF

Ultra-Processed Food อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร

คำตอบสั้น ๆ คือ อันตรายอย่างยิ่ง! Ultra-Processed Food นั้นถูกนักวิจัยทั่วโลกจับตามองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เนื่องจากอาหารเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภคเกินขนาด โดยมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำมาก ภัยคุกคามของ UPF ไม่ได้มาจากเพียงแค่ส่วนผสมที่สังเคราะห์ขึ้น แต่มาจากวิธีการที่องค์ประกอบเหล่านั้นไปรบกวนกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย ดังนี้
  • มีไขมันดัดแปลงและโซเดียมสูง UPF มักใช้ไขมันเติมไฮโดรเจนและมีปริมาณเกลือ (โซเดียม) สูงลิ่ว ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง, โรคหลอดเลือดหัวใจ, และภาวะความดันโลหิตสูง
  • น้ำตาลและสารให้ความหวานเข้มข้นสูง การใช้น้ำตาลและสารให้ความหวานสังเคราะห์ในปริมาณมากส่งผลโดยตรงต่อการกระตุ้นอินซูลินอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลิน, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, และการสะสมไขมันบริเวณช่องท้อง
  • มีใยอาหารและสารอาหารหลักต่ำ อาหารเหล่านี้แทบไม่มีใยอาหาร วิตามิน หรือแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี และขาดสารอาหารสำคัญที่ช่วยควบคุมความอยากอาหาร
  • มีสารปรุงแต่งเชิงเคมีสูง สารอิมัลซิไฟเออร์ สารแต่งสี และสารคงตัว อาจส่งผลกระทบต่อสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ (Gut Microbiome) ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบเรื้อรังและภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง
  • กระตุ้นการบริโภคเกินขนาด (Hyper-Palatability) UPF ถูกออกแบบให้มีรสชาติอร่อยจัดจ้านจนหยุดไม่ได้ (High in fat, sugar, and salt combination) ซึ่งไปกระตุ้นระบบการให้รางวัลในสมอง (Brain reward system) ทำให้รู้สึกว่าต้องกินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ

รู้หรือไม่? คุณไม่ได้ผิดที่หยุดกิน Ultra-Processed Food ไม่ได้!

ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของหวาน มัน เค็ม อาหารเหล่านี้ถูกเรียกว่า Hyper-Palatable ซึ่งหมายถึงรสชาติที่อร่อยจัดจ้านจนไปกระตุ้นระบบให้รางวัลในสมองอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความพึงพอใจและอยากบริโภคต่อเนื่องไม่รู้จบ บวกกับ UPF ส่วนใหญ่มักมีเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวง่าย กลืนง่าย และสะดวกต่อการกินเร็ว ๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลอรีได้เร็วกว่าที่สมองจะสั่งการว่า “พอแล้ว” ส่งผลให้ปริมาณแคลอรีโดยรวมต่อวันพุ่งสูงขึ้นอย่างเงียบ ๆ นั่นเอง

หากกินอาหารแปรรูปขั้นสูงมากเกินไป จะมีผลเสียอย่างไร?

การบริโภค Ultra-Processed Food ในปริมาณมากเป็นประจำ ไม่ใช่เพียงแค่นำไปสู่การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในเชิงโครงสร้างและฟังก์ชันต่อระบบอวัยวะที่สำคัญทั่วร่างกาย ผลเสียเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และสะสมจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ร้ายแรงได้ โดยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากร่างกายได้รับ UPF มากเกินไปได้แก่
  • เพิ่มความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับระบบเผาผลาญ เป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลิน, ไขมันในช่องท้องสูง, โรคอ้วน, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, และกลุ่มอาการเมแทบอลิก (Metabolic Syndrome)
  • ทำลายสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ปริมาณโซเดียม ไขมันดัดแปลง และไขมันอิ่มตัวที่สูงใน UPF เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ
  • กระตุ้นการอักเสบเรื้อรัง การได้รับสารเติมแต่งเชิงเคมี น้ำตาล ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Trans Fat) และโซเดียมสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นรากฐานของการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงมะเร็งบางประเภท
  • ทำลายระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากสารเติมแต่งหลายชนิดและปริมาณใยอาหารที่ต่ำ ส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้เกิดความไม่สมดุล จนอาจเกิดการอักเสบทั่วร่างกายและปัญหาการดูดซึมสารอาหาร ระบบขับถ่ายทำงานไม่เต็มที่ เสี่ยงท้องผูก
  • ปัญหาในการควบคุมความอยากอาหาร สารที่อยู่ในอาหารเหล่านี้เข้าไปรบกวนฮอร์โมนความอิ่ม ทำให้เกิดการบริโภคเกินแคลอรี อีกทั้งพลังงานส่วนเกินถูกสะสมเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่ายมากกว่าปกติ
  • ความเสี่ยงต่อสุขภาพจิต การบริโภคอาหารที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายและมีสารอาหารที่จำเป็นต่อสมองต่ำ มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เนื่องจากส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง

วิธีลดการบริโภค Ultra-Processed Food

การกำจัด Ultra-Processed Food ออกจากชีวิต 100% อาจเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน แต่การลดปริมาณลงอย่างมีกลยุทธ์จะช่วยฟื้นฟูระบบเผาผลาญและฮอร์โมนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายของการลด UPF คือการค่อย ๆ ฝึกให้ลิ้นและสมองกลับไปสัมผัสรสชาติของอาหารจริง (Real Food) ได้ดีอีกครั้ง โดย AM International Hospital มีคำแนะนำในการลดบริโภคอาหารแปรรูปสูงดังนี้

ฝึกอ่านฉลาก (Label Literacy) ให้เป็น

สังเกตส่วนผสมที่อยู่ในอาหารแปรรูปไม่เกิน 5 ชนิด หากผลิตภัณฑ์มีรายชื่อส่วนผสมยาวเหยียดและเต็มไปด้วยคำศัพท์ทางเคมีที่ไม่คุ้นเคยควรหลีกเลี่ยง และระวังส่วนผสมบ่งชี้ว่ามีการแปรรูปสูง เช่น
  • น้ำตาลที่ซ่อนอยู่ เช่น High-Fructose Corn Syrup, Dextrose, Maltodextrin เป็นต้น
  • ไขมันดัดแปลง เช่น ไขมันเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils)
  • สารปรุงแต่งรสชาติ เช่น Monosodium Glutamate (MSG) หรือสารให้ความหวานเทียม
  • โปรตีนสกัด เช่น โปรตีนไอโซเลทจากถั่วเหลืองหรือข้าวโพด ที่เป็นฐานในการสร้างผลิตภัณฑ์ (ไม่ใช่โปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือถั่วทั้งเม็ด)
นอกจากนี้ อย่าหลงกลกับคำว่า “ออร์แกนิก” หรือ “ไฟเบอร์สูง” หากส่วนผสมด้านในยังเต็มไปด้วยสารปรุงแต่งหรือน้ำตาลเข้มข้น เพราะแม้จะมีข้อมูลแจ้งอย่างโดดเด่นว่ามีไฟเบอร์สูง แต่ส่วนผสมอื่น ๆ ก็ยังทำให้อาหารนั้น ๆ อันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวอยู่ดี

เลือกอาหารให้มีประโยชน์ ปรุงแต่งน้อย และครบ 5 หมู่

เน้นอาหารแปรรูปขั้นต่ำ (Minimal Processed Foods) เปลี่ยนมาบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบน้อย หรือไม่ผ่านการแปรรูปเป็นหลัก เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ปรุงแต่ง ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่วต่าง ๆ ซึ่งการกินอาหาร 5 หมู่จากแหล่งธรรมชาติจะช่วยเพิ่มใยอาหารและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ดูแลครัวหรืออาหารที่สะสมอยู่ให้ดี

เพราะคนเรามักจะมีแนวโน้มกินอาหารที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งก็คืออาหารที่สต็อกอยู่ในครัวหรือตู้เย็นที่บ้าน สามารถเข้าไปหยิบมาทานได้ทันที ดังนั้น เราจึงต้องควบคุมไม่ให้มี UPF อยู่ในครัวมากเกินไป กำจัดขนมขบเคี้ยว, น้ำอัดลม, และอาหารแช่แข็งพร้อมทานออกจากตู้เย็น เปลี่ยนมาเป็นการเตรียมผลไม้สด, ถั่วเปลือกแข็ง (แบบไม่ใส่เกลือ), ไข่ต้ม, หรือกรีกโยเกิร์ตให้พร้อมเป็นของว่างแทน สำหรับใครที่ต้องการควบคุมอาหารให้มากขึ้น สามารถเลือกทำอาหารกินเองเพื่อช่วยให้คุณควบคุมปริมาณเกลือ น้ำตาล และไขมันได้ง่ายกว่าเดิม

ใช้เทคนิคจัดการความอยากอาหาร

ด้วยการเพิ่มใยอาหารและโปรตีน อาหารที่มีไฟเบอร์สูงและโปรตีนจะช่วยให้อิ่มนาน ลดการโหยหาอาหารจุบจิบ แนะนำให้ดื่มน้ำก่อนอาหาร และเปลี่ยนของว่างจากที่ปกติจะเลือกกินขนมขบเคี้ยวแปรรูปให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง หรือโยเกิร์ตธรรมชาติ ตัดเครื่องดื่มรสหวานทุกชนิดออก และชดเชยความอยากน้ำตาลด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำหมักผลไม้ (Infused Water) ในกรณีที่รู้สึกอยากกิน UPF ที่ชอบจริง ๆ ให้จับคู่กับอาหารธรรมชาติที่มีไฟเบอร์สูง เช่น กินเบอร์เกอร์คู่กับสลัดผักใบเขียวขนาดใหญ่ เพื่อช่วยชะลอการดูดซึม

อยากปรับสัดส่วน หรือลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพ ปรึกษาเราที่ AM International Hospital

หากทราบแล้วว่าการบริโภค Ultra-Processed Food (UPF) คือตัวการที่ทำให้ระบบเผาผลาญพังและทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุในระยะยาวได้ เพราะการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการวินิจฉัยและวางแผนที่แม่นยำ เพราะปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินไม่ได้มาจากอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ฮอร์โมนที่เสียสมดุล หรือการสะสมไขมันที่ดื้อต่อการออกกำลังกาย

AM International Hospital เราพร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีทักษะในการจัดการกับเคสซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความอ้วนที่เกิดจากฮอร์โมนเสียสมดุล หรือภาวะไขมันดื้อที่เกิดจากการบริโภค UPF มานาน ทีมของเราจะทำการวิเคราะห์ วินิจฉัย และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นบริการดูดไขมันเพื่อปรับสัดส่วนตามจุดต่าง ๆ หรือจะเป็นโปรแกรมลดน้ำหนักที่เน้นการปรับปริมาณอาหาร การต่อสู้กับภัยเงียบในครัวจะง่ายขึ้นมาก เมื่อคุณมีผู้ชำนาญการคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ปรึกษาเราวันนี้เพื่อหยุดวงจรความอ้วนที่เกิดจาก UPF ได้เลย!

การดูดไขมัน คือการศัลยกรรมอย่างหนึ่งเพื่อการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ซึ่งต้องการปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการมากที่สุด ดังนั้น เราจึงต้องทำความรู้จักกันก่อนว่าการดูดไขมันคืออะไร? และมันเหมาะกับเราหรือไม่ มาเปิดตำราไปพร้อม ๆ กันได้เลย!

ในปัจจุบัน “ปากกาลดน้ำหนัก” ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในทางเลือกลดน้ำหนักทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของใครหลาย ๆ คนอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมความอยากอาหารและปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย

แชร์ :

สรุปบทความ

Ultra-Processed Food (UPF) คือผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการแปรรูปจากอุตสาหกรรมในระดับสูง โดยมีส่วนผสมของสารสกัดและสารปรุงแต่งรสชาติเข้มข้น การบริโภค UPF ทำให้เกิดน้ำหนักขึ้นง่ายเนื่องจากรบกวนฮอร์โมนความอิ่มและกระตุ้นระบบรางวัลในสมองอย่างรุนแรงจนเกิดภาวะเสพติดรสชาติ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต การแก้ไขที่ยั่งยืนคือการเน้นบริโภคอาหารแปรรูปขั้นต่ำ เรียนรู้การอ่านฉลาก และเสริมสร้างความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวเพื่อปรับปรุงสุขภาพโดยรวม

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม