loader image
โปรแกรมดูดไขมันหน้าท้อง

ดูดไขมันหน้าท้อง สลายพุง ปรับหุ่นสวย เพิ่มความมั่นใจ

       ดูดไขมันหน้าท้อง เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่มีเป้าหมายในการขจัดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องอย่างจำเพาะเจาะจง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณพุงซึ่งไม่สามารถลดลงได้ด้วยการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว โดยการดูดไขมันช่วยให้หน้าท้องแบนราบ สัดส่วนกระชับ และรูปร่างโดยรวมดูสมส่วนมากขึ้น

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้การดูดไขมันหน้าท้องสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดความปลอดภัย ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยและเทคนิคที่ช่วยลดบาดแผล ฟื้นตัวไว และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจในรูปร่างอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

การดูดไขมันหน้าท้องคืออะไร ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจ

     การดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction) คือหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เทคนิคเฉพาะในการกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากชั้นใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องอย่างจำเพาะเจาะจง โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน การดูดไขมันสามารถช่วยปรับรูปร่างให้สมส่วน หน้าท้องแบนราบ และลดสัดส่วนรอบเอวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ไม่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย

อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนทั่วไป แต่เป็นทางเลือกสำหรับการปรับรูปร่างในกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่หรือใกล้เคียงเป้าหมายแล้ว โดยแพทย์จะประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล ทั้งในแง่ของสภาพร่างกาย พฤติกรรมสุขภาพ และความคาดหวังผลลัพธ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

ทำไมการดูดไขมันหน้าท้องจึงเป็นทางเลือกยอดนิยม

        การดูดไขมันหน้าท้องได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหารูปร่างเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลชัดเจน และฟื้นตัวเร็วเมื่อเทียบกับการผ่าตัดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถทำร่วมกับเทคโนโลยียกกระชับผิว เช่น J-Plasma หรือ BodyTite เพื่อเสริมความกระชับของผิวหนังหลังดูดไขมัน ลดความเสี่ยงของผิวหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่หรือพักฟื้นนาน

ช่วยแก้ปัญหาไขมันหน้าท้องสะสมที่ดื้อต่อการออกกำลังกายและคุมอาหาร

ในบางราย แม้จะควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ยังพบว่าไขมันบริเวณหน้าท้องไม่ลดลงตามต้องการ เนื่องจากลักษณะไขมันสะสมในบางจุดอาจมีความดื้อ (resistant fat) ที่ตอบสนองต่อกระบวนการเผาผลาญได้ยาก การดูดไขมันจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยกำจัดไขมันดื้อเหล่านี้ได้อย่างเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพ

ช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยหลังคลอด หรือจากการลดน้ำหนัก

หลังคลอดบุตรหรือการลดน้ำหนักจำนวนมาก อาจทำให้หน้าท้องมีไขมันสะสมและผิวหนังหย่อนคล้อยได้ การดูดไขมันร่วมกับเทคโนโลยียกกระชับช่วยลดปริมาณไขมันและฟื้นฟูความกระชับของผิวให้ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูรูปร่างให้กลับมาใกล้เคียงกับก่อนตั้งครรภ์หรือก่อนน้ำหนักขึ้น

ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมเฉพาะส่วนบริเวณหน้าท้องในผู้ชายและผู้หญิง

ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องที่แตกต่างกันตามโครงสร้างร่างกาย เช่น ผู้หญิงมักมีไขมันใต้ผิวหนังมาก ขณะที่ผู้ชายอาจมีไขมันแทรกระหว่างกล้ามเนื้อและอวัยวะภายใน (visceral fat) แต่การดูดไขมันหน้าท้องสามารถออกแบบให้ตอบโจทย์ตามสรีระและความต้องการเฉพาะบุคคลได้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในทุกเพศอย่างเหมาะสม

ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันหน้าท้อง

      การดูดไขมันหน้าท้องเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดและต้องการปรับรูปร่างให้กระชับสมส่วน โดยไม่ต้องการลดน้ำหนักโดยรวม ทั้งนี้ผลลัพธ์จะชัดเจนและมีประสิทธิภาพในกลุ่มคนต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แต่มีน้ำหนักตัวคงที่หรือใกล้เคียงมาตรฐาน
  • ผู้ที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ยังมีไขมันดื้อบริเวณหน้าท้อง
  • ผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนให้ดูดีขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
  • ผู้ที่มีผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นดี สามารถฟื้นตัวหลังการดูดไขมันได้อย่างเรียบเนียน
  • ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง และมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง พร้อมเข้ารับการรักษา
  • ผู้ที่มีความคาดหวังสมเหตุสมผล และเข้าใจว่าเป็นการปรับรูปร่าง ไม่ใช่การลดน้ำหนัก

ใครบ้างที่ไม่แนะนำให้ดูดไขมันหน้าท้อง

        แม้ว่าการดูดไขมันจะเป็นหัตถการที่ให้ความปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ อาทิเช่น

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมได้ยาก เช่น โรคหัวใจ เบาหวานขั้นรุนแรง หรือความดันโลหิตสูงที่ไม่เสถียร
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมากหรืออยู่ในภาวะอ้วนระดับรุนแรง (BMI สูงเกินเกณฑ์)
  • ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือดบางชนิด
  • ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมากจนไม่สามารถคืนรูปได้หลังดูดไขมัน
  • ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง เช่น ต้องการให้ผอมลงทันที หรือเปลี่ยนรูปร่างทั้งหมดจากการดูดไขมันเพียงครั้งเดียว

เทคนิคการดูดไขมันหน้าท้องที่ AM International Hospital

       AM International Hospital ให้บริการดูดไขมันหน้าท้องด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและหลากหลาย โดยคัดเลือกเทคนิคที่เหมาะสมตามสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ให้ความปลอดภัย และฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น

Body-jet Program (Water-Jet Assisted Liposuction)

เทคโนโลยีดูดไขมันพลังน้ำ ที่ใช้แรงดันน้ำอ่อนโยนแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยรอบอย่างนุ่มนวล ไม่ทำลายเส้นเลือดและเส้นประสาท มีข้อดีคือ เจ็บน้อย ช้ำน้อย ไขมันยังมีชีวิตสูง เหมาะสำหรับดูดแล้วนำกลับไปเติม เช่น เติมไขมันหน้า หรือหน้าอก

VASER Liposuction Program (Ultrasound-assisted)

เทคโนโลยีดูดไขมันด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ที่ช่วยลดไขมันให้กลายเป็นของเหลวก่อนดูดออก ทำให้สามารถกำจัดไขมันได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อข้างเคียง มีข้อดีคือ ดูดไขมันได้ปริมาณมาก เหมาะกับไขมันดื้อ ฟื้นตัวเร็ว ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่น

BodyTite Program (RF-assisted Liposuction)

เทคโนโลยีดูดไขมันร่วมกับคลื่นวิทยุ (RF) ซึ่งช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการหดตัวของผิวในเวลาเดียวกัน มีข้อดีคือ ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน

คุณหมอชวนคุย เลือกเทคนิคดูดไขมันหน้าท้องอย่างไรให้เหมาะกับตัวเรา

       การเลือกเทคนิคดูดไขมันหน้าท้องควรพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เพราะแม้บริเวณที่ดูดจะเป็น “หน้าท้อง” เหมือนกัน แต่ลักษณะไขมัน ผิวหนัง และความคาดหวังของผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกัน แพทย์จึงจำเป็นต้องประเมินอย่างละเอียดก่อนเลือกเทคนิคที่เหมาะสม ดังนี้

  • ไขมันหน้าท้องไม่มาก ผิวหนังยืดหยุ่นดี ต้องการดูดเพียงเพื่อปรับรูปร่าง เหมาะกับ Body-jet เพราะอ่อนโยน เจ็บน้อย แผลเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่รูปร่างใกล้เคียงเป้าหมายแล้ว ต้องการเพียงเก็บส่วนเกินเฉพาะจุด พร้อมลดบวมช้ำหลังทำ
  • ไขมันหน้าท้องหนา แข็ง ดื้อ และมีชั้นลึก-ชั้นตื้นผสมกัน เหมาะกับ VASER ซึ่งใช้คลื่นอัลตราซาวด์ช่วยลดไขมันก่อนดูดออก ทำให้ดูดไขมันได้ปริมาณมาก โดยเฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิงที่เคยลดน้ำหนักมาแล้วแต่ยังมีพุงแน่น
  • หน้าท้องมีไขมันสะสมร่วมกับผิวหนังหย่อนคล้อย หรือเคยคลอดบุตร แนะนำโปรแกรม BodyTite ที่ใช้คลื่น RF สลายไขมันพร้อมกระตุ้นผิวให้หดตัวในขั้นตอนเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งลดปริมาณไขมันและยกกระชับในคราวเดียว
  • เคยดูดไขมันมาก่อน หรือกังวลเรื่องผิวไม่กระชับหลังทำ พิจารณาเสริมด้วย J-Plasma ซึ่งใช้พลังงานพลาสมาเย็นกระชับผิวได้ลึกและแม่นยำ เหมาะสำหรับการเก็บรายละเอียดผิวให้เรียบแน่น ตึงกระชับ และลดความเสี่ยงผิวเป็นคลื่น

การวางแผนและเลือกเทคนิคจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความหนาของไขมัน แต่รวมถึงคุณภาพผิว อายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และเป้าหมายของแต่ละบุคคล โดยมีแพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

ดูดไขมันหน้าท้อง VS ผ่าตัดหนังหน้าท้อง แตกต่างกันอย่างไร

       ดูดไขมันหน้าท้อง (Liposuction) เป็นหัตถการที่มุ่งขจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด โดยไม่ตัดผิวหนังออก เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมากแต่ผิวยังมีความยืดหยุ่นดี หรือมีความหย่อนเพียงเล็กน้อย สามารถฟื้นตัวได้เองภายหลังการดูดไขมัน หัตถการนี้มีแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และไม่จำเป็นต้องวางยาสลบเสมอไป เหมาะกับการปรับสัดส่วนเฉพาะจุดให้ดูเรียบเนียนขึ้น

ในทางกลับกัน ผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck หรือ Abdominoplasty) เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้สำหรับตัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินออก รวมถึงการเย็บกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เช่น หลังคลอด หรือหลังลดน้ำหนักจำนวนมาก ซึ่งการดูดไขมันอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ การผ่าตัดมักต้องพักฟื้นนานกว่า มีรอยแผลขนาดใหญ่กว่า แต่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนทั้งในด้านรูปร่างและความกระชับของหน้าท้อง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมันหน้าท้อง

        ก่อนเข้ารับการดูดไขมันหน้าท้อง ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมทั้งด้านสุขภาพและจิตใจ เพื่อช่วยให้หัตถการดำเนินไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  • แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด ทั้งโรคประจำตัว การแพ้ยา ประวัติผ่าตัด หรือยาที่ใช้อยู่ รวมถึงอาหารเสริมต่าง ๆ เพราะบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมช้ำหรือเลือดออกมากกว่าปกติ
  • งดอาหารและน้ำก่อนทำหัตถการ 6–8 ชั่วโมง กรณีที่มีการใช้ยาสลบ โดยแพทย์หรือวิสัญญีจะเป็นผู้ประเมินว่าใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบเต็มรูปแบบ
  • งดยาและอาหารเสริมบางประเภท เช่น แอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามินอี โสม น้ำมันปลา หรือสมุนไพรที่อาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ควรงดล่วงหน้าอย่างน้อย 5–7 วัน
  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ เพราะอาจรบกวนกระบวนการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  • เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายในวันผ่าตัด เลือกเสื้อผ้าหลวม แถบไม่รัดแน่น และไม่สวมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง หรือยาทาใด ๆ บริเวณหน้าท้อง
  • วางแผนการเดินทางและการพักฟื้น ควรมีผู้ดูแลมารับกลับบ้าน และจัดเตรียมที่พักที่สะดวกสำหรับการพักฟื้นช่วง 2–3 วันแรก โดยเฉพาะในกรณีที่ทำหลายจุดพร้อมกัน

ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้องที่ AM International Hospital

        ที่ AM International Hospital ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้องดำเนินการภายใต้ทีมแพทย์ที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในด้านการดูดไขมัน ด้วยมาตรฐานการรักษาที่ให้ความปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกมั่นใจตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ

การประเมินตำแหน่งและปริมาณไขมัน

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย วัดสัดส่วน ประเมินความหนา ความลึก และชนิดของไขมัน รวมถึงคุณภาพผิว เพื่อวางแผนตำแหน่งและเทคนิคที่ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

การให้ยาระงับความรู้สึก

ขึ้นอยู่กับแผนการรักษาและปริมาณไขมันที่ต้องดูด อาจใช้ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) หรือดมยาสลบ (General Anesthesia) ซึ่งดำเนินการโดยวิสัญญีแพทย์ที่มีประสบการณ์

กระบวนการดูดไขมันด้วยเทคนิคที่เลือก

แพทย์จะเริ่มด้วยการเปิดแผลขนาดเล็กในตำแหน่งที่วางแผนไว้ แล้วใช้เครื่องมือเฉพาะของแต่ละเทคนิค เช่น  Body-jet Program, VASER Program หรือ BodyTite Program ดูดไขมันออกอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ

การดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องผ่าตัดมาตรฐานสากล

ตลอดการรักษาจะมีทีมแพทย์ พยาบาล และวิสัญญีคอยดูแลสัญญาณชีพ ความปลอดภัย และความสะอาดในห้องผ่าตัดตามมาตรฐานโรงพยาบาล

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

      การดูแลหลังทำอย่างเหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญในการลดอาการไม่สบายตัว ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้รูปร่างเข้าที่ดูเป็นธรรมชาติ

  • จัดการอาการบวม ช้ำ และไม่สบายตัว ใส่ชุดกระชับตามคำแนะนำ แพทย์อาจสั่งยาแก้ปวดหรือยาลดบวมเพื่อบรรเทาอาการในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
  • ดูแลแผลผ่าตัดขนาดเล็ก ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำจนกว่าแผลจะปิดสนิท
  • การพักผ่อนและอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ งดอาหารเค็มจัดหรืออาหารหมักดองที่อาจเพิ่มการบวม และดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อขับของเสีย
  • การกลับไปทำกิจกรรมปกติ สามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ใน 3–7 วัน และออกกำลังกายเบา ๆ ได้ภายใน 2 สัปดาห์ (ขึ้นกับดุลยพินิจแพทย์)
  • การติดตามผลกับแพทย์ นัดหมายตรวจติดตามแผล ผลการดูดไขมัน และความคืบหน้าของการฟื้นตัวที่ AM International Hospital อย่างสม่ำเสมอ

วิธีการใส่ชุดกระชับสัดส่วน และระยะเวลาที่แนะนำ

         หลังดูดไขมันหน้าท้อง การใส่ชุดกระชับสัดส่วน (Compression Garment) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้รูปร่างเข้าที่เร็วขึ้น ลดอาการบวมช้ำ และป้องกันผิวเป็นคลื่น การใส่อย่างถูกวิธีและในระยะเวลาที่เหมาะสม จะส่งผลต่อผลลัพธ์โดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ

ควรเริ่มใส่ชุดกระชับหลังจากถอดผ้าพันแผล หรือภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ (ตามคำแนะนำของแพทย์) สวมให้แนบกระชับกับลำตัว แต่ไม่แน่นเกินไปจนรู้สึกอึดอัด หรือเกิดอาการชา ควรใส่ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงอาบน้ำ หรือเปลี่ยนทำความสะอาดแผล และเลือกชุดกระชับที่ผลิตจากวัสดุระบายอากาศดี ไม่มีตะเข็บแข็งกดทับแผล และขนาดเหมาะสมกับรูปร่าง

ระยะเวลาที่แนะนำในการใส่ชุดกระชับ

  • ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก ใส่ตลอด 24 ชั่วโมง (ยกเว้นช่วงอาบน้ำ) เพื่อควบคุมอาการบวมและช่วยให้ผิวแนบเข้ากับชั้นกล้ามเนื้อ
  • สัปดาห์ที่ 3–6 สามารถลดระยะเวลาเหลือ 8–12 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับระดับอาการบวมและการประเมินของแพทย์
  • หลัง 6 สัปดาห์ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความจำเป็นในการใส่เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแต่ละบุคคล

ประโยชน์ที่ได้รับจากการดูดไขมันหน้าท้อง

        การดูดไขมันหน้าท้องไม่ได้เป็นเพียงการลดไขมันเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีในหลายด้าน ทั้งทางกายภาพและจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ ร่วมกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม

ลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถขจัดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องที่ลดได้ยากแม้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ช่วยแก้ปัญหาไขมันดื้อเฉพาะจุดอย่างถูกจุดและให้ความปลอดภัย

ปรับรูปร่างให้สมส่วน หน้าท้องแบนราบขึ้น

รูปร่างโดยรวมจะดูได้สัดส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเอวและหน้าท้อง ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นในการแต่งกายและการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน

เสริมสร้างความมั่นใจในรูปร่าง

เมื่อรูปร่างกระชับและหน้าท้องแบนราบ ความมั่นใจในตัวเองย่อมเพิ่มขึ้น ทั้งในเรื่องบุคลิกภาพ การเข้าสังคม และการแสดงออกอย่างมั่นใจมากขึ้น

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและค่อนข้างถาวร

หากดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมหลังทำ ไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาในตำแหน่งเดิม ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน และช่วยเป็นแรงจูงใจให้รักษาน้ำหนักในระยะยาว

ดูดไขมันหน้าท้องเจ็บไหม

       การดูดไขมันหน้าท้องโดยทั่วไปจะให้ความรู้สึกเจ็บน้อยในระหว่างทำ เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ตามความเหมาะสมของแต่ละราย อย่างไรก็ตาม หลังทำอาจมีความรู้สึกตึง เจ็บระบมหรือไม่สบายตัวคล้ายกล้ามเนื้ออักเสบในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์จัดให้ อาการส่วนใหญ่มักค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่กระทบต่อการทำงานหรือกิจวัตรในระยะยาว หากมีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากดูดไขมันหน้าท้อง

        แม้การดูดไขมันหน้าท้องจะเป็นหัตถการที่ให้ความปลอดภัย แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงบางประการได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและสามารถจัดการได้ด้วยการดูแลหลังทำอย่างเหมาะสม โดยผลข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่

  • อาการบวม แดง ช้ำ หรือระบมบริเวณที่ดูดไขมัน
  • รู้สึกตึงหรือชาบริเวณหน้าท้องในช่วงวันแรก ๆ
  • มีน้ำซึมออกจากแผลเล็กน้อยใน 1–2 วันแรก
  • ผิวหนังอาจไม่เรียบในบางจุด หากไม่ใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง
  • อาการเจ็บเล็กน้อยขณะเคลื่อนไหว ซึ่งมักดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
  • มีพังผืดแข็งหรือตุ่มนูนใต้ผิวหนังชั่วคราวในบางราย
  • ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเลือดออก (พบได้น้อยมาก หากดูแลตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด)

ดูดไขมันหน้าท้องอันตรายไหม

      การดูดไขมันหน้าท้องเป็นหัตถการที่ให้ความปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ที่มีทักษะและความชำนาญในด้านศัลยกรรมตกแต่ง และอยู่ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่และไม่กระทบต่ออวัยวะภายใน

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ อาการบวมน้ำ เสียเลือด หรือภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบ ซึ่งสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ด้วยการประเมินสุขภาพอย่างรอบด้านก่อนทำ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และการดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์

ดูดไขมันหน้าท้อง ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่

       ราคาการดูดไขมันหน้าท้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ที่ทำ จำนวนตำแหน่ง ปริมาณไขมัน เทคนิคที่ใช้ และการดูแลหลังหัตถการ โดยทั่วไปที่ AM International Hospital ราคาอยู่ที่ 25,000 บาทต่อตำแหน่ง (เช่น หน้าท้องบน, หน้าท้องล่าง, หรือเอวด้านข้าง) หากมีการทำหลายตำแหน่งพร้อมกันหรือใช้เทคโนโลยีเสริมเพิ่มเติม เช่น J-Plasma Program หรือ BodyTite Program ราคาจะมีการปรับเพิ่มตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียดก่อนเสนอแนวทางที่คุ้มค่าและตรงตามเป้าหมายของแต่ละบุคคล

ทำไมควรเลือกดูดไขมันหน้าท้องที่ AM International Hospital

     การดูดไขมันหน้าท้องเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญและการรักษาที่ให้ความปลอดภัย การเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ AM International Hospital เป็นศูนย์เฉพาะทางด้านการดูดไขมันและปรับรูปร่าง ที่ผสานทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัย และบริการที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

ทีมศัลยแพทย์ตกแต่งมีประสบการณ์ในด้านการดูดไขมันโดยเฉพาะ

ดำเนินหัตถการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ตรงด้านการดูดไขมัน พร้อมความเข้าใจในสรีระศาสตร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ให้ความปลอดภัยและสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ

เทคโนโลยีและเครื่องมือดูดไขมันที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน

ใช้เทคนิคหลากหลาย เช่น Body-jet Program, VASER Program, BodyTite Program, J-Plasma Program ซึ่งเลือกให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อประสิทธิภาพในการดูดไขมันและยกกระชับผิว

ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อได้มาตรฐาน พร้อมวิสัญญีแพทย์ดูแลตลอดการผ่าตัด

ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทุกขั้นตอน โดยมีทีมวิสัญญีแพทย์ควบคุมการให้ยาและติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดในห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานโรงพยาบาล

การดูแลที่เป็นส่วนตัว ใส่ใจในทุกขั้นตอน

ตั้งแต่การประเมิน วางแผน ไปจนถึงการติดตามผลหลังทำ มีทีมดูแลส่วนตัวให้คำแนะนำอย่างละเอียดและใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกช่วงของกระบวนการ

รีวิวและความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการจริง

ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก พร้อมรีวิวผลลัพธ์ที่เห็นจริงและความประทับใจต่อบริการ ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานระดับโรงพยาบาลเฉพาะทางที่เน้นคุณภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้อง (FAQs)

ดูดไขมันหน้าท้องช่วยลดน้ำหนักได้ไหม?

การดูดไขมันไม่ใช่หัตถการสำหรับการลดน้ำหนัก แต่เป็นการลดไขมันเฉพาะจุดเพื่อปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ดีขึ้น โดยน้ำหนักตัวอาจเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่รูปร่างจะกระชับและดูสมส่วนมากขึ้น

โดยทั่วไปสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 3–7 วัน และออกกำลังกายเบา ๆ ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูด และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล แพทย์จะประเมินเป็นรายกรณี

ไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาในจุดเดิม หากดูแลน้ำหนักอย่างเหมาะสมหลังทำ แต่หากรับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย ไขมันสามารถกลับมาสะสมใหม่ได้ในตำแหน่งเดิมหรือบริเวณอื่น

หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงอาอาหารรสจัด เค็ม เผ็ด ของหมักดอง อาหารที่มีโซเดียมสูงหรืออาหารทะเล อาหารดิบ เนื่องจากอาหารเหล่านี้เมื่อทานเข้าไปแล้วอาจทำให้เกิดอาการบวม ช้ำได้ง่าย นอกจากนี้พวกของดิบที่ไม่ผ่านการปรุงสุกยังอาจเสี่ยงต่อการอักเสบอีกด้วย หากใครที่ต้องการให้สารเติมเต็มเข้าที่ได้เร็วและอยู่ได้นานควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

สรุป

      การดูดไขมันหน้าท้องเป็นทางเลือกที่ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมเฉพาะจุด ปรับรูปร่างให้สมส่วน และเพิ่มความมั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอก โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการประเมินโดยแพทย์ เทคนิคที่ใช้ และการดูแลตนเองก่อน–หลังทำอย่างถูกต้อง

AM International Hospital พร้อมให้บริการดูดไขมันหน้าท้องด้วยทีมแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์ พร้อมด้วยห้องผ่าตัดปลอดเชื้อได้มาตรฐาน และเทคโนโลยีดูดไขมันที่ทันสมัยหลากหลาย เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและทำให้เกิดความปลอดภัย ทั้งยังมุ่งเน้นการดูแลแบบใกล้ชิดในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ในคุณภาพและความพึงพอใจ

แชร์ :

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม