ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง (ซีสต์) หาสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา

ไขมันใต้ผิวหนัง

หลายคนอาจเคยสังเกตว่ามีก้อนนูนเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ใต้ผิวหนัง หรือที่เรียกว่า “ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง” ทำให้เกิดความสงสัยว่าคืออะไรและเป็นอันตรายหรือไม่ บางคนพบโดยบังเอิญขณะสัมผัสผิว บางคนสังเกตเห็นเพราะรูปลักษณ์เปลี่ยนไปจนเกิดความกังวลใจ แม้ก้อนไขมันส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง แต่ก็อาจมีบางกรณีที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา เพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งไขข้อสงสัยว่าก้อนไขมันใต้ผิวหนังสามารถหายได้เองไหมหรือจำเป็นต้องรักษา

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

ซีสต์ หรือ ไขมันใต้ผิวหนัง คืออะไร?

ก้อน ไขมัน ใต้ ผิวหนัง คือ

ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง คือ เนื้องอกไขมัน (Lipoma) หรือซีสต์ไขมัน (Sebaceous Cyst) ที่เป็นถุงเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวหนัง ภายในบรรจุของเหลว ไขมัน หรือโดยมีลักษณะก้อนนิ่มและสามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อสัมผัส ซึ่งทั่วไปจะโตขึ้นอย่างช้า ๆ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ส่วนมากพบจากการสังเกตด้วยตนเองหรือคลำเจอโดยบังเอิญ

ตำแหน่งที่พบก้อนไขมันใต้ผิวหนังได้บ่อย ได้แก่ หนังศีรษะ ใบหน้า ลำคอ หลัง หรือส่วนลำตัวอื่น ๆ และขนาดของก้อนอาจเล็กเพียงไม่กี่มิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร แม้ซีสต์ส่วนใหญ่จะไม่เจ็บและไม่จำเป็นต้องรักษาทันที แต่หากก้อนไขมันใต้ผิวหนังมีการอักเสบ บวม แดง ปวด เป็นก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่กดแล้วเจ็บ หรือมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและกำหนดวิธีรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ลักษณะโดยทั่วไปของซีสต์ใต้ผิวหนัง

ซีสต์หรือก้อนไขมันใต้ผิวหนังมักเป็นก้อนเล็ก ๆ แม้ส่วนใหญ่ไม่อันตราย แต่การสังเกตลักษณะจะช่วยให้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์

  • ก้อนนูนใต้ผิวหนัง มักนิ่มและสามารถเคลื่อนเลื่อนได้
  • ขนาดแตกต่างกัน ตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรถึงหลายเซนติเมตร
  • สีผิวโดยรอบมักใกล้เคียงกับผิวธรรมชาติ ทำให้บางครั้งสังเกตเห็นได้ยาก
  • ส่วนใหญ่ไม่เจ็บ แต่หากอักเสบ อาจบวม แดง หรือรู้สึกตึง
  • เติบโตช้า บางครั้งอยู่คงที่หลายปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง

ปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดซีสต์

ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง เกิดจาก

ก้อนไขมันใต้ผิวหนังเกิดจากการสะสมของไขมันหรือของเหลวภายในถุงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แต่บางครั้งมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจกระตุ้นให้ซีสต์เกิดหรือโตขึ้นได้ การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันหรือสังเกตอาการได้เร็ว

  • การอุดตันของต่อมไขมันหรือรูขุมขน ทำให้ไขมันสะสมและเกิดเป็นก้อนไขมัน (Lipoma)
  • ความเสื่อมสภาพของผิวหนังตามวัย ทำให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ ผิวเกิดการสะสมของของเหลวหรือไขมันง่ายขึ้น
  • พันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มเกิดซีสต์ง่ายกว่าคนทั่วไป
  • การบาดเจ็บหรือการระคายเคืองผิว เช่น การกด แคะ หรือรอยขีดข่วน อาจทำให้ก้อนไขมันใต้ผิวหนังเกิดขึ้นบริเวณนั้น
  • ภาวะอักเสบเรื้อรังของผิวหนัง เช่น สิว หรือการติดเชื้อเล็กน้อย อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นการเกิดซีสต์

อาการของก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นอันตราย เมื่อไหร่ที่ควรรีบปรึกษาแพทย์?

ก้อนไขมันใต้ผิวหนังมักไม่เป็นอันตรายและไม่มีอาการเจ็บปวด แต่การมีลักษณะหรืออาการบางอย่างร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าก้อนนั้นมีความผิดปกติหรือเป็นอันตรายที่ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเร่งด่วน

  • ก้อนโตเร็วผิดปกติ โดยทั่วไปก้อนไขมันที่ไม่เป็นอันตรายจะโตขึ้นอย่างช้า ๆ หากพบว่าก้อนมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rapid Growth) ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ต้องระวัง
  • แข็งตัวและยึดติดผิวแน่น ก้อนมีความแข็งขึ้นอย่างผิดปกติ หรือก้อนนั้น ไม่สามารถเลื่อนไปมาได้และยึดติดอยู่กับเนื้อเยื่อรอบข้าง (ต่างจากก้อนทั่วไปที่นิ่มและเคลื่อนที่ได้)
  • ปวดอย่างต่อเนื่องหรือไม่ทราบสาเหตุ หากก้อนเริ่มมีอาการปวดหรือเจ็บอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้สัมผัสหรือเมื่อมีการอักเสบร่วมด้วย (บวม แดง หรือร้อน ๆ ที่ก้อน)
  • มีเลือดออกหรือแผลเปิด มีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังบริเวณก้อน เช่น มีแผล, เลือดออก, หรือมีของเหลวที่ผิดปกติไหลออกมา
  • ก้อนอยู่ลึกกว่าผิวหนัง หากก้อนอยู่ลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อ (Intramuscular) มากกว่าชั้นไขมันใต้ผิวหนังปกติ
  • ก้อนมีลักษณะขอบเขตไม่ชัดเจน มีขอบเขตที่คลุมเครือ ไม่สามารถระบุขอบของก้อนได้อย่างชัดเจน

แนวทางการรักษาก้อนไขมันใต้ผิวหนัง

การจัดการกับก้อนไขมันใต้ผิวหนังจะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ โดยพิจารณาจากขนาด ตำแหน่ง อาการเจ็บปวด และความกังวลด้านความสวยงามของผู้ป่วย หากก้อนมีขนาดเล็กและไม่ก่อให้เกิดอาการ แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าติดตามอาการ แต่หากก้อนไขมันใต้ผิวหนังกดแล้วเจ็บ มีการอักเสบ หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็อาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น

  1. การผ่าตัดนำก้อนไขมันออก (Excisional Surgery) เป็นวิธีการรักษามาตรฐานที่ช่วยกำจัดก้อนไขมันออกทั้งหมดผ่านการผ่าตัดขนาดเล็ก วิธีนี้ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นทางเลือกหลักสำหรับก้อนที่มีขนาดใหญ่หรือมีขอบเขตชัดเจน
  2. การดูดไขมัน (Liposuction) ในการรักษาก้อนไขมันใต้ผิวหนัง ในกรณีที่ก้อนไขมันมีลักษณะเป็นไลโปมา (Lipoma) และมีขนาดใหญ่พอสมควร การดูดไขมันอาจถูกนำมาใช้เพื่อลดปริมาณไขมันภายในก้อนลงผ่านรอยแผลขนาดเล็ก วิธีนี้ช่วยลดรอยแผลเป็นหลังการรักษา และช่วยให้การฟื้นตัวง่ายขึ้น
  3. การฉีดสเตียรอยด์ (Steroid Injection) สำหรับก้อนไขมันบางชนิดที่มีขนาดเล็กมาก แพทย์อาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์เฉพาะที่เพื่อช่วยลดขนาดของก้อน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ถาวรเท่าการผ่าตัด
  4. การเฝ้าติดตามอาการ หากก้อนมีขนาดเล็ก ไม่โตขึ้น และไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แพทย์อาจแนะนำให้สังเกตอาการอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ ในทันที

ผลข้างเคียงและข้อควรระวังของซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง

โดยทั่วไป ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ ได้แก่

  • การอักเสบและการติดเชื้อ ซีสต์อาจบวม แดง เจ็บ หรือมีการติดเชื้อจนกลายเป็นหนอง ซึ่งทำให้แผลหายช้าและทิ้งรอยแผลเป็น
  • การกดทับ หากก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้น อาจกดทับเส้นประสาทหรือสร้างความรู้สึกไม่สบายตัวขณะเคลื่อนไหว
  • ปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ ซีสต์ที่มีขนาดใหญ่หรืออยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัด อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและปัญหาด้านภาพลักษณ์ภายนอกได้

ข้อควรระวังที่ห้ามทำเด็ดขาด ได้แก่

  • ห้ามบีบหรือกดซีสต์เอง การบีบซีสต์มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อและการอักเสบลุกลาม ซึ่งจะทำให้อาการแย่ลงและเกิดแผลเป็นถาวร
  • หลีกเลี่ยงการรักษาด้วยวิธีพื้นบ้าน เช่น การใช้ยาทา สมุนไพร หรือการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติอื่น ๆ มักไม่สามารถทำให้ก้อนซีสต์ที่อยู่ใต้ผิวหนังยุบหายไปได้จริง และอาจทำให้เสียโอกาสในการรักษาที่ถูกจุด หรือบางกรณีอาจทำให้อาการร้ายแรงกว่าเดิมได้

คำถามที่พบบ่อย

1. ก้อนไขมันใต้ผิวหนังหายเองได้ไหม

โดยทั่วไปก้อนไขมันใต้ผิวหนังมักไม่ยุบหายไปเอง เนื่องจากเป็นการสะสมของเซลล์ไขมันที่ถูกหุ้มด้วยผนังถุง หากไม่มีการรักษาอาจคงอยู่หรือค่อย ๆ โตขึ้น ดังนั้น การผ่าตัดหรือดูดออกจึงเป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจน

การผ่าก้อนไขมันไม่จำเป็นต้องทำทุกเคส หากก้อนมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บ และไม่รบกวนการใช้ชีวิต สามารถสังเกตดูอาการได้ แต่ถ้าก้อนมีขนาดโตขึ้น หรือก้อนไขมันใต้ผิวหนังกดแล้วเจ็บ หรือมีการอักเสบ แพทย์มักแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อนำออก

ก้อนไขมันใต้ผิวหนังไม่สามารถหายไปเองด้วยวิธีธรรมชาติ การรักษาที่ได้ผล คือ การผ่าตัดนำออกทั้งก้อน เพื่อป้องกันการกลับมาเกิดซ้ำ ในบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีดูดไขมันร่วมด้วยเพื่อให้แผลเล็กและฟื้นตัวเร็ว

ซีสต์บางชนิดสามารถเฝ้าดูอาการได้ หากมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บ และไม่อักเสบ แต่หากมีอาการปวด บวม แดง หรือขนาดโตขึ้น แพทย์มักแนะนำให้ผ่าตัดนำออกเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกลับมาเป็นซ้ำ

แชร์ :

สรุปบทความ

ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่หากก้อนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น โตเร็ว กดแล้วเจ็บ หรือมีอาการอักเสบ ควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยการรักษาที่ได้ผลชัดเจนมักเป็นการผ่าตัดหรือการดูดไขมันออกทั้งก้อน ซึ่งช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้ การเฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละคนอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไป การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการดูแลและจัดการปัญหานี้อย่างเหมาะสม

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม