loader image

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า ทำอย่างไร มีกี่วิธี บทความนี้มีคำตอบ

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า

       โดยปกติแล้วคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายของเรา ทำหน้าที่ในการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีอยู่เสมอ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นคอลลาเจนเหล่านี้ก็จะเริ่มลดน้อยลงจนเกิดปัญหาผิวตามมา ทำให้ในปัจจุบันการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าด้วยวิธีการต่าง ๆ เริ่มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ หรือการใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้ามาช่วย ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะพามาทำความรู้จักการกระตุ้นคอลลาเจน รวมไปถึงวิธีการฟื้นฟูที่ในแต่ละรูปแบบ แบบไหนที่ใช่สำหรับเราอยากรู้ต้องอ่าน !

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

6 สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าสูญเสียคอลลาเจน

     ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงแรกหลังดูดไขมัน  ถือเป็นช่วงสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มตอบสนองต่อการผ่าตัด เช่น อาการบวม ช้ำ และการระบายน้ำเลือด ซึ่งหากดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ก่อนจะไปตามหาวิธีกระตุ้นคอลลาเจนให้ใบหน้า ดูแลหน้าให้ตึงกระชับ เด้งใส เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผิวของเราค่อยๆ สูญเสียคอลลาเจนโดยไม่รู้ตัว และนี่คือ 6 พฤติกรรมหรือปัจจัยที่กำลังทำร้ายคอลลาเจนบนใบหน้า

1. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) ออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเข้ามารบกวนกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิดขาดการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพผลที่ตามมาคือผิวเสื่อมสภาพลง สูญเสียความยืดหยุ่นจนเกิดเป็นริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อย

2. เครียดสะสม

ความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งมันจะส่งผลโดยตรงต่อการยับยั้งการผลิตคอลลาเจนรวมไปถึงการทำลายเส้นใบคอลลาเจนเดิมที่มีอยู่แล้ว ทำให้ผิวดูเหี่ยวย่นเร็วขึ้นกว่าปกติ

3. ขาดวิตามินซี

วิตามินซีคือสารที่จำเป็นต่อกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน หากร่างกายของเรามีวิตามินซีไม่เพียงพอทำให้การสร้างคอลลาเจนลดลง ผลที่ตามมาคือสุขภาพผิวอ่อนแอลง เกิดริ้วรอยได้ง่าย ขาดความกระชับ หรือทำให้ผิวดูแห้งกร้าน แผลหายช้าลง

4. อายุที่เพิ่มขึ้น

เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเนื่องจากพอเราอายุมากขึ้นร่างกายของเราก็จะผลิตคอลลาเจนออกมาลดลงโดยธรรมชาติ ทำให้ผิวบางลง และยังเกิดริ้วรอย ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น หรือผิวดูหมองคล้ำและมีความหย่อนคล้อยได้อย่างชัดเจน

5. สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

สารที่อยู่ในบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ทำให้เกิดอนุมูลสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวเสื่อมโทรมลง ดูแก่กว่าวัย หรือไม่สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพของผิวได้ดีเหมือนเดิม

6. ดื่มน้ำน้อย

น้ำเปล่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยหล่อเลี้ยงพร้อมกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเช่นเดียวกับการสร้างคอลลาเจนด้วย ซึ่งถ้าหากเราดื่มน้ำน้อยผิวก็จะขาดความชุ่มชื้น เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยได้ง่าย และทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวลดลง

ผู้ที่ควรเติมคอลลาเจนบนใบหน้า

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ทำสำคัญต่อผิว แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้คอลลาเจนลดลง ซึ่งการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้

  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร
  • ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพเร็ว
  • ผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีผิวบาง หรือมีผิวหมองคล้ำ

6 วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า เพื่อหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัย

      หากเราสังเกตได้ว่าผิวเริ่มเปลี่ยนแปลง เช่น มันดูไม่กระชับเหมือนเดิม หรือมีสัญญาณความเสื่อมสภาพใด ๆ  การเติมคอลลาเจนไม่ว่าจะผ่านการทาน การฉีด หรือการทาภายนอก ก็สามารถช่วยฟื้นฟูและช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวได้ในระยะยาวได้ และนี่คือ 6 วิธียอดฮิตในการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าในรูปแบบต่าง ๆ

1. รับประทานอาหารช่วยเพิ่มคอลลาเจน

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน (เช่น ไกลซีน โพรลีน) และ วิตามินซี เช่น ปลา ไข่ขาว ผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว และมะเขือเทศ จะช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารเหล่านี้ไปใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาหารที่มีซิงก์และทองแดงก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนผิวหน้าได้เช่นกัน

2. ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับให้เพียงพอและผ่อนคลายความเครียดลง จะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำลายคอลลาเจน และช่วยให้ร่างกายกลับมาสร้างคอลลาเจนได้ดีมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงกลางคืนจะเป็นเวลาทองของการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าและช่วยซ่อมแซมผิวได้ดี ทำให้ผิวฟื้นฟูและดูสดใสขึ้น

3. บำรุงหน้าด้วยสกินแคร์

การเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เปปไทด์ หรือเรตินอล จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั้งใต้ตาและใบหน้า พร้อมทั้งช่วยปกป้องคอลลาเจนที่มีอยู่ไม่ให้เสื่อมลง ช่วยลดริ้วรอย ความหมองคล้ำ โดยเฉพาะในบริเวณรอบดวงตา ให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้ดีมากขึ้น แน่นอนว่ามันจะส่งผลดีต่อการสร้างคอลลาเจน เพราะมันจะช่วยส่งผลให้ผิวแข็งแรงและสามารถเร่งกระบวนการซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพ

5. นวดหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

การนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มการฟื้นฟูผิวได้ดี ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเร่งกระบวนการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวหน้าดูยกกระชับ ลดถุงใต้ตา และเสริมการสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น

6. ทำหัตถการด้วยนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ AM Hospital

AM International Hospital เปิดให้บริการด้านการฟื้นฟูผิวด้วยนวัตกรรมที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการและทุกปัญหาผิวของผู้เข้ารับบริการ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูคอลลาเจนด้วยหัตถการกลุ่มงานฉีด หรือการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าด้วยโปรแกรมเลเซอร์ อาทิเช่น

  • โปรแกรม Rejuran – โปรแกรมรีจูรัน คือนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวด้วยสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงของผิว ลดการอักเสบ ให้ดูผิวดูสดใส เรียบเนียน
  • โปรแกรม Ultherapy – เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนโดยใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะเจาะจง ทำให้ผิวดูเต่งตึง กระชับ ริ้วรอยดูจางลง
  • โปรแกรม HIFU – ไฮฟู่เป็นหนึ่งในวิธีลดเหนียง กระชับผิวได้ทั้งใบหน้าและลำคอพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • โปรแกรม Thermage – โปรแกรมเทอร์มาจคือหนึ่งในวิธีลดไขมันที่หน้าพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ช่วยให้ผิวดูกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และลดไขมันเฉพาะจุด
แชร์ :

สรุป

     การกระตุ้นคอลลาเจนถือเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าหากว่าเรายังอยากคงความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิว ซึ่งในปัจจุบันการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้ามีให้เลือกทำได้หลายวิธีทั้งแบบธรรมชาติ เช่น การเลือกกินอาหาร การพักผ่อน และแบบหัตถการ เช่น การฉีดฟื้นฟูผิว การใช้โปรแกรมเลเซอร์หรือนวัตกรรมการยกกระชับผิว ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกัน โดยเราสามารถพิจารณาได้จากความเหมาะสม ปรับสามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!