ดูดไขมันผู้ชาย ที่ AM International Hospital ปั้นหุ่นลีน เฟิร์ม กระชับ เพิ่มความมั่นใจ
ดูดไขมันผู้ชาย ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นหนึ่งในวิธีปรับรูปร่างที่ตอบโจทย์ผู้ชายยุคใหม่ที่ต้องการเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี แข็งแรง และภูมิฐานมากขึ้น โดยเฉพาะในจุดที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง เอว ห่วงยางด้านข้าง หรือเหนียงใต้คาง ที่แม้จะออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ไขมันยังคงอยู่
ที่ AM International Hospital เราให้บริการดูดไขมันสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ด้วยการออกแบบสัดส่วนที่สอดคล้องกับโครงสร้างทางกายวิภาคของเพศชาย ที่มักมีไขมันลึกและกระจายตัวต่างจากผู้หญิง โดยใช้เทคโนโลยีดูดไขมันเฉพาะทางควบคู่กับความเข้าใจในสรีระ เพื่อปรับรูปร่างให้เฟิร์ม ชัด แลดูะแข็งแรง พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอนโดยทีมแพทย์
เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่
ดูดไขมันผู้ชายคืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางลัดสู่หุ่นเฟิร์มที่นิยม
ดูดไขมันผู้ชาย (Male Liposuction) คือหัตถการที่ช่วยกำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุดในร่างกายของผู้ชายอย่างแม่นยำ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งมักจะเน้นบริเวณที่ไขมันลดได้ยากด้วยวิธีทั่วไป เช่น หน้าท้องส่วนล่าง ห่วงยางเอวด้านข้าง หน้าอก (ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย), เหนียงใต้คาง หรือต้นแขน
หัตถการนี้ช่วยปรับรูปร่างให้ดูแข็งแรง มีกล้ามเนื้อชัดขึ้น และเสริมลุคให้ดูภูมิฐานมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีเวลาจำกัด ไม่มีเวลาควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด หรือออกกำลังกายเป็นประจำแต่ยังมีไขมันดื้อบางจุด การดูดไขมันจึงถือเป็น “ทางลัด” ที่ให้ความปลอดภัยและเห็นผลเร็ว ช่วยสร้างหุ่นลีนได้โดยไม่ต้องพึ่งการลดน้ำหนักทั้งตัว ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นในผู้ชายวัยทำงาน นักธุรกิจ ไปจนถึงกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์อย่างชัดเจน
การดูดไขมันในผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกันอย่างไร
หลักการของการดูดไขมันในผู้ชายและผู้หญิงแม้จะคล้ายกันในแง่ของกระบวนการทางเทคนิค แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความแตกต่างกันทั้งในด้านโครงสร้างไขมัน ลักษณะกล้ามเนื้อ ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อ รวมถึงเป้าหมายของรูปร่างที่ต้องการ ผู้ชายมักมีไขมันสะสมในระดับลึก (deep fat layer) มากกว่าผู้หญิง และมีแนวโน้มไขมันดื้อที่ยึดเกาะแน่นกับกล้ามเนื้อ การดูดไขมันในผู้ชายจึงต้องใช้พลังงานหรือเทคโนโลยีที่สามารถแยกชั้นไขมันได้อย่างแม่นยำโดยไม่กระทบต่อกล้ามเนื้อ
อีกทั้งแนวทางการออกแบบรูปร่างก็แตกต่างกัน ผู้หญิงมักเน้นเส้นโค้งเว้าและความอ่อนช้อย ขณะที่ผู้ชายเน้นลำตัวที่ตรง ชัด และเฟิร์ม เช่น สร้างร่องกล้ามหน้าท้องให้ชัดเจน หรือกำหนดแนวเอวและอกให้ดูสมาร์ท การเลือกเทคนิคดูดไขมัน เช่น VASER Program หรือ MicroAire PAL Program สำหรับผู้ชายจึงต้องเน้นความคม ความแม่นยำ และลดการบอบช้ำของกล้ามเนื้อ เพื่อคงโครงสร้างรูปร่างให้ดูแข็งแรง ไม่เป็นคลื่น หรือดูนิ่มเกินไปแบบผู้หญิง
ตำแหน่งยอดฮิตที่ผู้ชายนิยมดูดไขมันที่ AM International Hospital
ในปัจจุบัน ผู้ชายจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องรูปร่างและบุคลิกภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและผู้บริหารที่ต้องการลุคที่ดูดี มั่นใจ และภูมิฐาน การดูดไขมันจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนที่ลดยาก เสริมสัดส่วนให้ดูชัด และเข้ากับโครงสร้างชายแท้มากขึ้น ที่ AM International Hospital มีเทคนิคเฉพาะสำหรับผู้ชาย และมีตำแหน่งยอดนิยมที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ดังนี้
1. ดูดไขมันหน้าท้อง บอกลาพุงห่วงยาง พุงเบียร์ สู่หน้าท้องแบนราบ
หน้าท้องคือจุดที่ไขมันสะสมได้ง่ายที่สุดในผู้ชาย โดยเฉพาะ “พุงเบียร์” หรือ “พุงล่าง” ที่ลดได้ยากแม้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย การดูดไขมันหน้าท้องช่วยลดชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้หน้าท้องแบนลง ไม่ยื่น ไม่หย่อน ช่วยให้เสื้อผ้านั่งแล้วไม่แน่นเกิน และส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูภูมิฐานขึ้น
2. ดูดไขมันเอว/ข้างลำตัว (Flanks) กำจัดห่วงยาง สร้างเอวให้ดูสมส่วน
ไขมันด้านข้างลำตัวหรือ “ห่วงยาง” ทำให้เอวดูหนา ใส่เสื้อเชิ้ตหรือสูทแล้วดูไม่สมส่วน การดูดไขมันเอวในผู้ชายจะช่วยเก็บทรงให้ลำตัวตรงขึ้น เอวดูเล็กลง เสริมให้ช่วงไหล่ถึงสะโพกดูชัดและเท่ขึ้น แม้ไม่ใช่ผู้ชายหุ่นผอมก็สามารถมีทรงที่สมส่วนได้
3. ดูดไขมันหน้าอก แก้ปัญหาภาวะเต้านมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)
ผู้ชายบางรายมีภาวะเต้านมโตผิดปกติ หรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกมาก ทำให้ดูคล้ายหน้าอกผู้หญิง การดูดไขมันหน้าอกร่วมกับการตัดต่อมเต้านม (ในกรณีจำเป็น) จะช่วยให้หน้าอกแบนราบแนบอกมากขึ้น เสื้อเชิ้ตเข้ารูปจะไม่ตุง ดูแมนขึ้น และมั่นใจมากขึ้นในการถอดเสื้อหรือใส่เสื้อรัดรูป
4. ดูดไขมันสร้างซิกแพค (Six Pack Liposuction) เหลากล้ามท้องให้คมชัด
สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วมีกล้ามเนื้ออยู่แล้ว แต่ยังมีไขมันชั้นตื้นบดบังซิกแพค การใช้เทคนิคดูดไขมันแบบ Hi-Definition จะช่วยเก็บแนวไขมันตามแนวกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้เห็นร่องกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องลดน้ำหนักมาก เหมาะกับผู้ชายที่ต้องการลุคฟิตและคมชัดแบบนักกีฬา
5. ดูดไขมันเหนียง/คอ ปรับกรอบหน้า เพิ่มความคมเข้ม
เหนียงและไขมันใต้คางทำให้ใบหน้าดูหย่อน กลม และขาดมิติ การดูดไขมันเหนียงช่วยให้แนวกรามและคางชัดขึ้น ใบหน้าดูเรียวและสมส่วนมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายที่ต้องการลุคคมเข้ม มีโครงหน้าชัดเจน และดูดีในทุกมุมกล้อง
เจาะลึก! การดูดไขมันสร้างซิกแพค (Six Pack)
การดูดไขมันสร้างซิกแพค หรือ Six Pack Liposuction ไม่ใช่แค่การลดไขมันหน้าท้องทั่วไป แต่คือการ “แกะลายกล้ามท้อง” ให้ชัดเจน ด้วยเทคนิคที่ผสานระหว่างความเข้าใจในสรีระทางกายภาพของเพศชาย กับเครื่องมือดูดไขมันที่แม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีโครงสร้างกล้ามเนื้อดีอยู่แล้ว แต่มีไขมันชั้นตื้นบดบัง ทำให้กล้ามเนื้อไม่ชัด
เทคนิค Advanced LipoSculpt 4D คืออะไร? ทำงานอย่างไร
Advanced LipoSculpt 4D หรือ Hi-Definition Liposuction เป็นเทคนิคการดูดไขมันแบบละเอียดระดับชั้นกล้ามเนื้อ โดยใช้พลังงานเฉพาะ เช่น VASER Program ที่สามารถแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ แพทย์จะออกแบบและดูดไขมันตามแนวร่องของกล้ามหน้าท้อง ทำให้กล้ามเนื้อที่มีอยู่แล้วดูชัดขึ้น เสมือนซิกแพคธรรมชาติ โดยไม่ต้องฝืนลดไขมันทั้งตัว
ใครเหมาะกับการปั้นซิกแพคด้วยวิธีนี้
- ผู้ชายที่ออกกำลังกายอยู่แล้วแต่ยังมีชั้นไขมันบาง ๆ ปิดบังกล้ามท้อง
- ผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อเพียงพออยู่แล้ว (ไม่เหมาะกับคนรูปร่างอ้วนมาก)
- มีน้ำหนักตัวคงที่ ไม่โยโย่ และสามารถดูแลตัวเองหลังทำได้
- ต้องการลุคฟิต กล้ามคม แบบนักกีฬา หรือรูปร่างแบบ lean masculine
ขั้นตอนการสร้างกล้ามท้องอย่างแม่นยำที่ AM International Hospital
- ประเมินแนวกล้ามเนื้อและสัดส่วนร่างกาย โดยแพทย์ที่มีทักษะในด้าน LipoSculpt
- วาดแนวกล้ามหน้าท้อง 6 หรือ 8 Pack ตามโครงสร้างจริงของแต่ละบุคคล
- ใช้เทคนิค VASER หรือ PAL ดูดไขมันตามแนวกล้าม และเน้นบางจุดให้ดูนูน (Highlight Contouring)
- ใส่ชุดกระชับเฉพาะจุด เพื่อควบคุมทรงกล้ามและช่วยให้ผิวแนบกับกล้ามชัดเจนขึ้น
- ติดตามผลต่อเนื่อง เพื่อดูการคงรูปของกล้ามและป้องกันพังผืด
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ และข้อจำกัดที่ควรรู้
ผู้ที่เหมาะสมจะเห็นซิกแพคชัดเจนภายใน 1–3 เดือนหลังทำ ผลลัพธ์อยู่ได้นานหากน้ำหนักคงที่ และดูแลร่างกายดี แต่ควรเข้าใจว่าเทคนิคนี้ “เน้นปรับรูปร่าง” ไม่ใช่การสร้างกล้ามใหม่ หากไม่มีพื้นฐานกล้ามท้องเลย อาจไม่ได้ผลลัพธ์แบบกล้ามโต และยังต้องมีวินัยในการควบคุมอาหาร–การออกกำลังกาย เพื่อคงผลลัพธ์ระยะยาว
ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันผู้ชาย
การดูดไขมันไม่ใช่หัตถการสำหรับทุกคน แต่หากอยู่ในกลุ่มที่เหมาะสม จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ร่างกายกระชับขึ้น บุคลิกภาพดีขึ้น และสามารถเสริมลุคให้ดูมั่นใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในผู้ชายที่ต้องการรูปร่างที่ดูเฟิร์ม แข็งแรง และมีโครงร่างชัด โดยผู้ชายที่เหมาะกับการดูดไขมัน ได้แก่
- รูปร่างโดยรวมไม่ได้อ้วนมาก แต่มักมีไขมันเฉพาะจุด เช่น พุงล่าง ห่วงยางด้านข้าง เหนียง หรือหน้าอก
- มีไขมันดื้อสะสม แม้ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้วแต่ยังไม่หาย
- ผู้ชายรูปร่างท้วมที่ต้องการปรับบุคลิกให้ดูภูมิฐาน สมาร์ทขึ้น เช่น นักธุรกิจ ผู้บริหาร หรือกลุ่มที่ต้องออกงานสังคม
- ผู้ชายที่เคยฟิตหุ่นมาก่อน แต่กลับมีไขมันกลับมาในบางจุดหลังหยุดเวทหรือออกกำลัง
- ผู้ชายที่มีพื้นฐานมวลกล้ามเนื้อดี และต้องการให้กล้ามดูชัดขึ้น เช่น สร้างแนว V-Line หรือ Six Pack
- ต้องการหุ่นลีนแบบนักกีฬา แต่ไม่มีเวลาฟิตหุ่นแบบเข้มข้น
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันผู้ชาย
แม้การดูดไขมันจะเป็นหัตถการที่ให้ความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนในกลุ่มผู้ชายที่ต้องการปรับรูปร่างเฉพาะจุด แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่ควรเข้ารับการดูดไขมัน หรือควรได้รับการประเมินอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เนื่องจากอาจเกิดความเสี่ยง หรือไม่ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง โดยกลุ่มผู้ชายที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมัน ได้แก่
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนระดับรุนแรง (BMI สูงมาก) เพราะการดูดไขมันไม่ได้ใช้เพื่อลดน้ำหนักทั้งตัว หากมีไขมันสะสมจำนวนมากทั่วร่างกาย ควรเริ่มจากการควบคุมอาหารและปรับพฤติกรรมก่อน
- ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมากร่วมกับไขมันสะสม โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยลดน้ำหนักมาแล้ว ผิวหนังไม่กระชับ การดูดไขมันเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น และอาจต้องใช้เทคโนโลยียกกระชับหรือผ่าตัดร่วมด้วย
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมได้ไม่ดี เช่น เบาหวานรุนแรง โรคหัวใจ ความดันสูงไม่คงที่ เพราะการดูดไขมันถือเป็นหัตถการที่ต้องใช้ยาชา/ยาสลบ และมีผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ควรได้รับการตรวจสุขภาพและประเมินความเสี่ยงโดยแพทย์ก่อน
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง เช่น ต้องการหุ่นนักกล้ามทันที หรือเปลี่ยนโครงร่างทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะการดูดไขมันช่วย “ปรับรูปร่าง” ไม่ใช่ “เปลี่ยนร่างกาย” อย่างฉับพลัน และยังคงต้องมีวินัยในการดูแลตนเองต่อหลังทำ
- ผู้ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ตามคำแนะนำ เช่น ไม่สามารถใส่ชุดกระชับ หรือปฏิเสธการพักฟื้น ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่สวย หรือเกิดพังผืด/ผิวเป็นคลื่นได้ในระยะยาว
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันสำหรับผู้ชาย ที่ AM International Hospital
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมันมีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยของหัตถการและผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะในผู้ชาย ซึ่งมักมีไขมันชั้นลึกและเนื้อเยื่อที่แน่นกว่าเพศหญิง การเตรียมร่างกายและสภาพจิตใจอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างราบรื่นและฟื้นตัวเร็วขึ้น แนวทางการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันสำหรับผู้ชาย ได้แก่
- ตรวจสุขภาพและประเมินร่างกายกับแพทย์ แพทย์จะตรวจโครงสร้างร่างกาย วิเคราะห์ตำแหน่งไขมัน ความหนาของชั้นไขมัน และคุณภาพผิว เพื่อวางแผนเทคนิคที่เหมาะสมกับโครงสร้าง
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิดล่วงหน้า 5–7 วัน โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา หรือยากลุ่ม NSAIDs เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฟกช้ำหรือเลือดออกผิดปกติ
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ เพราะมีผลต่อการสมานแผล การฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ และเพิ่มโอกาสเกิดพังผืดหรือผิวไม่เรียบ
- พักผ่อนให้เพียงพอและเตรียมวันหยุดพักฟื้น โดยเฉพาะหากวางแผนดูดไขมันหลายตำแหน่ง แนะนำให้หยุดงานหรือภารกิจสำคัญประมาณ 3–5 วัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างเต็มที่
- งดอาหารและน้ำก่อนทำ 6–8 ชั่วโมง (กรณีวางยาสลบ) ตามคำแนะนำของแพทย์และวิสัญญีแพทย์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการให้ยาระงับความรู้สึก
- เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย ไม่รัดแน่น เพื่อความสะดวกหลังทำหัตถการ และสำหรับการสวมชุดกระชับที่ต้องใส่ต่อเนื่อง
ขั้นตอนการดูดไขมันผู้ชายที่ AM International Hospital
การดูดไขมันในผู้ชายต้องอาศัยความเข้าใจในลักษณะไขมันที่แตกต่างจากเพศหญิง รวมถึงความต้องการผลลัพธ์ที่เน้นความคมชัด แข็งแรง และดูแมน ทีมแพทย์ที่ AM International Hospital จึงวางแผนอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน พร้อมเลือกใช้เทคโนโลยีและเทคนิคที่วิเคราะห์แบบรายบุคคล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการดูดไขมันได้อย่างแม่นยำ และให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสรีระชาย
การออกแบบสัดส่วนและกำหนดตำแหน่งดูดไขมัน
แพทย์จะทำการประเมินรูปร่างโดยรวม วิเคราะห์ตำแหน่งไขมันที่ควรดูดออก และกำหนดจุดที่ต้องคงไว้เพื่อคงความสมดุล เช่น แนวเอว แนวกล้ามท้อง หรือแนวกรอบหน้า จากนั้นจะมาร์กตำแหน่งขณะยืน เพื่อให้เห็นทิศทางไขมันตามธรรมชาติ และช่วยให้ดูดออกได้อย่างแม่นยำ
การเลือกวิธีระงับความรู้สึกที่เหมาะสม
ขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่ง ปริมาณไขมัน และความสบายของผู้รับบริการ โดยแพทย์อาจเลือกใช้ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) ในกรณีทำบางจุด หรือเลือกใช้ยาสลบ (General Anesthesia) โดยมีวิสัญญีแพทย์ประจำห้องผ่าตัดคอยดูแลตลอดขั้นตอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
เทคนิคการดูดไขมันที่เหมาะกับลักษณะไขมันผู้ชาย
ไขมันในผู้ชายมักมีลักษณะหนา แน่น และกระจายลึก เทคนิคที่ใช้จึงต้องสามารถลดไขมันได้อย่างแม่นยำ เช่น
- VASER Lipo Program ใช้คลื่นอัลตราซาวด์สลายไขมันดื้อในชั้นลึก
- MicroAire PAL Program ระบบสั่นพลังงานกล ช่วยเพิ่มความแม่นยำในพื้นที่เล็ก
- Hi-Def Lipo Program (สำหรับซิกแพค) แกะไขมันตามแนวกล้ามให้ดูคมชัดโดยไม่ทำลายกล้ามเนื้อ
การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์และวิสัญญีแพทย์
ในระหว่างการดูดไขมัน ทีมแพทย์เฉพาะทางจะดูแลกระบวนการทั้งหมด ขณะที่วิสัญญีแพทย์จะตรวจวัดสัญญาณชีพและควบคุมระบบยาระงับความรู้สึกอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีพยาบาลห้องผ่าตัดคอยดูแลความสะอาดภายใต้ระบบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันผู้ชายอย่างเหมาะสม ช่วยฟื้นตัวไว ปั้นหุ่นลีนเฟิร์ม
หลังดูดไขมัน ผู้ชายจำนวนมากคาดหวังผลลัพธ์ที่ชัดเจน ร่างกายกระชับ และดูแข็งแรง ซึ่งการฟื้นตัวที่รวดเร็วและรูปร่างที่เข้าทรงได้ดีนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยการดูแลตัวเองหลังหัตถการอย่างเหมาะสมร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานและมีคุณภาพ แนวทางการดูแลหลังดูดไขมันที่แนะนำสำหรับผู้ชาย ได้แก่
- ใส่ชุดกระชับอย่างสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมอาการบวม ป้องกันผิวไม่เรียบ และทำให้ชั้นผิวแนบสนิทกับกล้ามเนื้อ ควรใส่ตลอด 24 ชม. ใน 1–2 สัปดาห์แรก และอย่างน้อยวันละ 8–12 ชม. ต่อเนื่องจนครบ 4–6 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมออกแรงมาก โดยเฉพาะในช่วง 7–14 วันแรก ควรงดยกของหนักหรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนที่ดูดไขมัน เพื่อป้องกันพังผืดหรือผิวคลื่น
- เดินเบา ๆ เคลื่อนไหวร่างกายพอเหมาะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการบวม และป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน โดยไม่จำเป็นต้องพักนิ่งนานเกินไป
- ดูแลแผลและสุขอนามัย ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ หลีกเลี่ยงการให้แผลโดนน้ำในช่วงแรก และเปลี่ยนผ้าปิดแผลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ควบคุมอาหารและดื่มน้ำมาก ๆ เลี่ยงอาหารมัน เค็มจัด หรือแอลกอฮอล์ในช่วงแรก เพื่อไม่ให้ร่างกายบวมน้ำ และช่วยให้รูปร่างเข้าที่เร็วขึ้น
- นัดติดตามผลตามกำหนด แพทย์จะประเมินการฟื้นตัว ตรวจความเรียบของผิว และให้คำแนะนำเพิ่มเติมเฉพาะบุคคล หากมีความผิดปกติ เช่น พังผืด ผิวแข็ง หรืออาการชาบางจุด การพบแพทย์เร็วจะช่วยให้แก้ไขได้อย่างถูกจุด
ชุดกระชับสำหรับผู้ชาย สำคัญแค่ไหน ต้องใส่นานเท่าไหร่
หลังการดูดไขมัน ชุดกระชับถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความกระชับ ความเรียบของผิว หรือการควบคุมอาการบวม โดยเฉพาะในผู้ชายที่ต้องการลุคที่เฟิร์ม ชัด และดูแข็งแรง ชุดกระชับที่ดีและการใส่อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้รูปร่างเข้าทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำไมชุดกระชับถึงสำคัญสำหรับผู้ชาย?
- ควบคุมอาการบวมและช้ำในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- ช่วยให้ผิวแนบกับแนวกล้ามเนื้อ ลดโอกาสเกิดผิวคลื่นหรือพังผืด
- ช่วยประคองทรง โดยเฉพาะกรณีที่ทำ Six Pack Liposuction หรือดูดไขมันหลายจุด
- เพิ่มประสิทธิภาพการหดตัวของผิวหนังโดยไม่ต้องผ่าตัดเพิ่มเติม
ระยะเวลาในการใส่ชุดกระชับที่แนะนำ
- ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก ใส่ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตอนอาบน้ำ
- สัปดาห์ที่ 3–6 ใส่อย่างน้อยวันละ 8–12 ชั่วโมง
- หลัง 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ หากผิวกระชับดี อาจหยุดใส่ได้ หรือใส่เฉพาะเวลาออกกำลังกาย
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการดูดไขมันผู้ชาย
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ก่อให้เกิดความปลอดภัยในการรักษา แต่ในขณะเดียวกัน หลังทำก้อาจเกิดผลข้างเคียงบางประการได้ โดยเฉพาะหากดูแลตนเองหลังทำไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมที่รบกวนกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป
- บวม ช้ำ และระบมบริเวณที่ดูดไขมัน อาการเหล่านี้มักพบในช่วง 3–14 วันแรก และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อใส่ชุดกระชับและพักผ่อนเพียงพอ
- รู้สึกตึงหรือชาเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง เอว หรือหน้าอก อาการชามักเกิดจากเส้นประสาทขนาดเล็กถูกกระทบ และจะค่อย ๆ หายภายใน 1–3 เดือน
- น้ำเหลืองซึมจากแผล พบได้ใน 1–3 วันแรก ถือเป็นกระบวนการขับของเหลวจากชั้นไขมัน ไม่ถือว่าอันตรายหากไม่มีอาการติดเชื้อร่วม
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย แต่ควรเฝ้าระวัง
- ผิวไม่เรียบ เป็นคลื่น หรือรอยบุ๋ม มักเกิดจากการไม่ใส่ชุดกระชับ หรือมีการสะสมพังผืดหลังดูดไขมัน โดยเฉพาะในจุดที่ไขมันหนาแน่น เช่น เอวล่างหรือข้างลำตัว
- พังผืดแข็งหรือผิวแน่นตึงเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจติดตาม อาจกระทบต่อรูปทรงระยะยาวได้
- ภาวะติดเชื้อ เช่น แผลบวมแดง มีหนอง หรือมีไข้ อาจเกิดจากการดูแลแผลไม่สะอาด
- ภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยา เช่น อาการแพ้ยาชา หรือภาวะความดันตกในกรณีที่ใช้ยาสลบ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการประเมินสุขภาพอย่างละเอียดก่อนทำ
ดูดไขมันผู้ชาย ราคาเท่าไหร่?
ราคาดูดไขมันสำหรับผู้ชายจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ทำ ปริมาณไขมัน เทคนิคที่ใช้ และความซับซ้อนของเป้าหมาย เช่น การสร้างซิกแพคหรือเน้นเฟิร์มลีนดูเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไป ราคาที่ AM International Hospital จะอยู่ที่ 25,000 บาทต่อตำแหน่ง
ราคาทั้งหมดจะได้รับการประเมินแบบเฉพาะบุคคลจากแพทย์ โดยคำนึงถึงการรักษาที่ให้ความปลอดภัย ผลลัพธ์ และการดูแลหลังทำอย่างครบถ้วน พร้อมมีแผนการผ่อนชำระและบริการติดตามผลหลังหัตถการให้ทุกเคส
ทำไม AM International Hospital คือตัวเลือกที่ดีสำหรับดูดไขมันผู้ชาย
การดูดไขมันในผู้ชายต้องอาศัยทั้งความเข้าใจด้านกายวิภาคและแนวคิดเรื่องความงามเฉพาะเพศชาย การจะได้ผลลัพธ์ที่ดูดี แข็งแรง และดูเป็นธรรมชาติ จึงต้องพิจารณาทั้งด้านเทคนิค ทักษะ และการออกแบบสัดส่วนอย่างเหมาะสม ที่ AM International Hospital เราดูแลผู้ชายแต่ละรายด้วยแนวทางเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้รูปร่างที่ตอบโจทย์เป้าหมาย
ทีมศัลยแพทย์มีความรู้ในด้านสรีระและสุนทรียศาสตร์ของผู้ชาย
แพทย์ที่ดูแลการดูดไขมันสำหรับผู้ชายมีประสบการณ์ตรงในการออกแบบรูปร่างให้คม ชัด และดูแมน โดยเข้าใจความต่างระหว่างไขมันชายและหญิง ทั้งในด้านโครงสร้าง ความลึกของไขมัน และการตอบสนองของผิว
เทคโนโลยีทันสมัย รองรับการดูดไขมันหลากหลายรูปแบบ
มีเครื่องมือครบทั้ง VASER Program, Body-jet Program, MicroAire PAL Program ไปจนถึง Hi-Definition Liposculpt Program สำหรับสร้างซิกแพคและกล้ามท้องคมชัด โดยเลือกใช้ให้เหมาะกับเป้าหมาย เช่น ลดพุง สร้างทรง V-Line หรือปรับหน้าอกชาย
ห้องผ่าตัดมาตรฐาน และให้ความปลอดภัย
ดำเนินการภายใต้ระบบปลอดเชื้อ ห้องผ่าตัดระบบความดันบวก และมีวิสัญญีแพทย์ดูแลตลอดหัตถการทุกเคส เพื่อควบคุมให้เกิดความปลอดภัยทั้งด้านการให้ยาและสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด
การดูแลที่เป็นส่วนตัว เข้าใจความต้องการของผู้ชาย
ให้บริการแบบ Private Consultation เน้นความเป็นส่วนตัว เข้าใจเป้าหมายที่แตกต่างจากการดูแลผู้หญิง ทั้งในแง่รูปร่าง บุคลิกภาพ และไลฟ์สไตล์ พร้อมแนะนำการฟื้นตัวที่ไม่กระทบงานหรือกิจกรรมประจำ
รีวิวและผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จากผู้ใช้บริการจริง
มีเคสตัวอย่างจากผู้ชายหลากหลายวัย ทั้งวัยทำงาน ผู้บริหาร ไปจนถึงสายออกกำลังกาย ที่เข้ารับบริการดูดไขมันและได้ผลลัพธ์ชัดเจน ทั้งในเรื่องรูปร่างและความมั่นใจในภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันผู้ชาย (FAQs)
ดูดไขมันเจ็บไหม? ต้องลางานกี่วัน?
โดยส่วนใหญ่จะให้ความรู้สึกเจ็บน้อย เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบตามแผนการรักษา หลังทำอาจมีอาการระบม ตึง หรือปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อยคล้ายหลังออกกำลังกายหนัก โดยทั่วไปสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 3–5 วัน และใช้ชีวิตปกติภายใน 1–2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่งที่ดูดและการฟื้นตัวของแต่ละคน
ดูดไขมันหน้าท้องแล้วจะได้ซิกแพคเลยไหม?
ไม่เสมอไป หากมีพื้นฐานกล้ามหน้าท้องอยู่แล้ว การดูดไขมันจะช่วยให้กล้ามชัดขึ้น แต่หากต้องการ “ซิกแพคแบบชัดเป็นร่อง” ต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น Hi-Definition Lipo (Advanced LipoSculpt 4D) ซึ่งแพทย์จะออกแบบและดูดไขมันตามแนวกล้ามเนื้อเดิม เพื่อสร้างลุคฟิตดูเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน? จะกลับมาอ้วนอีกไหม?
ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานในระยะยาว หากควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาใหม่ในตำแหน่งเดิม อย่างไรก็ตาม หากกลับมากินเกินพลังงานที่ใช้ ไขมันสามารถกลับมาสะสมใหม่ได้ในบริเวณเดิมหรือจุดอื่น การออกกำลังกายและมีวินัยในการดูแลร่างกายจึงยังจำเป็น
สรุป
การดูดไขมันผู้ชายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ชายยุคใหม่ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูแข็งแรง ชัดเจน และดูมีภูมิฐาน โดยเฉพาะในจุดที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง เอว หน้าอก หรือเหนียง ซึ่งแม้จะออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ไขมันบางจุดยังอาจไม่ตอบสนอง การดูดไขมันจึงช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนได้อย่างแม่นยำ และสร้างสัดส่วนที่เข้ากับสรีระชายได้อย่างดูเป็นธรรมชาติ
ที่ AM International Hospital เราให้บริการดูดไขมันสำหรับผู้ชายด้วยเทคนิคที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ทีมแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์ พร้อมใช้เครื่องมือทันสมัย และมาตรฐานระดับโรงพยาบาล ร่วมกับการดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ชายทุกคนมั่นใจได้ว่า จะได้ทั้งรูปร่างที่ดีขึ้น บุคลิกภาพที่โดดเด่นขึ้น และผลลัพธ์ที่ให้ความปลอดภัยได้ในระยะยาว
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666
