
ยกกระชับทรวงอก ลดอาการหย่อนคล้อย คืนความมั่นใจให้ทรงสวยดูเป็นธรรมชาติ
การทำ Breast Lift หรือการยกกระชับทรวงอก เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของหน้าอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิงที่อายุมาก ผ่านการตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือแม้แต่คนที่เคยน้ำหนักตัวมากและลดลงเร็วจนผิวย้วย ทรวงอกที่เคยเต่งตึงก็อาจเริ่มหย่อนคล้อย ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของหลาย ๆ คน
การยกกระชับทรวงอกในปัจจุบันนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี มารู้จักกับการยกกระชับทรวงอกให้มากขึ้น เพื่อการตัดสินใจที่มั่นใจและเหมาะกับตัวเองกันเลย!
การยกกระชับทรวงอกคืออะไร
การยกกระชับทรวงอก (Breast Lift) คือ วิธีศัลยกรรมหรือหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อย โดยการปรับตำแหน่งเต้านม ยกหัวนมให้อยู่สูงขึ้น และปรับรูปทรงให้ดูอวบอิ่มกระชับขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดซิลิโคน (แต่สามารถทำร่วมกับการเสริมหน้าอกได้หากต้องการ)
สาเหตุที่ทำให้ทรวงอกหย่อนคล้อยอาจเกิดได้จากทั้งอายุที่มากขึ้น การลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร หรือพันธุกรรม ซึ่งล้วนส่งผลให้เนื้อเยื่อเต้านมสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวหนังเกิดการขยายตัวและหย่อนยานลงตามธรรมชาติ การทำ Breast Lift จึงมีจุดประสงค์ช่วยปรับความเต่งตึงของหน้าอก ทำให้รูปร่างโดยรวมดูสมส่วน เพื่อให้รู้สึกมั่นใจและใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร
หน้าอกที่เคยเต่งตึง อวบอิ่ม อาจเริ่มสูญเสียความกระชับตามกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่างไรก็ตาม สาเหตุของหน้าอกหย่อนคล้อยอาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือปัจจัยด้านพันธุกรรม ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความกระชับของทรวงอก
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึงลดลง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณทรวงอกหย่อนคล้อยและไม่กระชับเหมือนช่วงวัยรุ่น นอกจากนี้ แรงโน้มถ่วงของโลกก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีหน้าอกขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก จะยิ่งเห็นผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงได้ชัดเจนขึ้น ทำให้หน้าอกมีแนวโน้มหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ
การตั้งครรภ์และให้นมบุตร
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและสรีระในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อย เต้านมจะขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงตั้งครรภ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตน้ำนม และจะหดตัวกลับลงมาอย่างรวดเร็วหลังหยุดให้นมบุตรหรือหลังคลอด การขยายและหดตัวอย่างรวดเร็วนี้ทำให้โครงสร้างผิวหนังและเนื้อเยื่อเต้านมปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวลดลงและเกิดการหย่อนคล้อยได้ง่าย
น้ำหนักตัวมากขึ้น
การที่น้ำหนักตัวขึ้นและลงอย่างรวดเร็วหรือบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณหน้าอก เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น ผิวหนังจะขยายตัวเพื่อรองรับไขมันที่สะสม และเมื่อน้ำหนักลดลง ผิวหนังก็จะหดตัวกลับ การยืดและหดของผิวหนังซ้ำ ๆ เช่นนี้ ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพลงเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวหนังสูญเสียความกระชับและเกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยตามมาได้ง่าย
พันธุกรรม
ลักษณะทางพันธุกรรมมีส่วนกำหนดโครงสร้างผิว ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม และโครงสร้างร่างกายโดยรวม ซึ่งสามารถส่งผลต่อแนวโน้มการหย่อนคล้อยของหน้าอกได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังโดยตรง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ การขาดการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทรวงอก และการไม่ใส่ชุดชั้นในที่เหมาะสมเพื่อพยุงหน้าอกอย่างเพียงพอ ก็อาจเร่งให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น
หน้าอกแบบไหนที่ควรยกกระชับ
การยกกระชับหน้าอกไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีภาวะหน้าอกหย่อนคล้อยในระดับที่ชัดเจน การประเมินระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอกจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญก่อนตัดสินใจทำหัตถการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ระดับดังนี้
- หน้าอกทรงปกติ (Normal) หัวนมอยู่ในระดับเดียวกับฐานหน้าอก หรือสูงกว่าเล็กน้อย ผิวแน่น เต่งตึง ยังไม่มีภาวะหย่อนคล้อย
- หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 1 (Grade 1: Mild Ptosis) หัวนมเริ่มต่ำกว่าระดับฐานหน้าอกเล็กน้อย ประมาณไม่เกิน 1 ซม. ยังอยู่ในระดับที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่สามารถพิจารณาใช้วิธีไม่ผ่าตัดร่วมได้
- หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 2 (Grade 2: Moderate Ptosis) หัวนมหย่อนลงต่ำจากฐานหน้าอก 2–3 ซม. เริ่มเห็นชัดว่ารูปทรงเต้านมหย่อนคล้อยลง เหมาะกับการยกกระชับด้วยเทคนิคผ่าตัด
- หน้าอกหย่อนคล้อยระยะที่ 3 (Grade 3: Significant Ptosis) หัวนมอยู่ต่ำกว่าฐานหน้าอกมากกว่า 3 ซม. และมักหันชี้ลงด้านล่าง เหมาะกับการผ่าตัดยกกระชับร่วมกับการเสริมเต้านมหรือใส่ซิลิโคนเพื่อเติมวอลุ่ม
- ภาวะหลอก (Pseudoptosis) หัวนมยังอยู่ในระดับปกติ แต่เนื้อหน้าอกส่วนล่างหย่อนลงต่ำ จนดูคล้ายภาวะหย่อนคล้อย มักพบในผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเยอะหลังลดน้ำหนักหรือให้นมบุตร
- รูปทรงเต้านมผิดปกติ (Parenchymal Maldistribution) เนื้อหน้าอกกระจายไม่สม่ำเสมอ มีลักษณะคล้ายหย่อนคล้อยแต่ไม่เห็นหัวนมชัดเจน มักต้องวางแผนการผ่าตัดเฉพาะราย
ยกกระชับทรวงอกเหมาะกับใครบ้าง
การยกกระชับทรวงอกเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปทรงหน้าอกให้เต่งตึง ช่วยให้สัดส่วนดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยจากการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกหย่อนยาน
- ผู้ที่มีอายุมากขึ้นและประสบปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยตามวัย
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงหน้าอกให้ดูสมส่วนและกระชับขึ้น
- ผู้ที่เคยผ่าตัดเสริมหน้าอกมาแล้ว และต้องการแก้ไขความหย่อนคล้อยหรือปรับตำแหน่ง
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพรุนแรงและพร้อมดูแลตัวเองหลังหัตถการ
- ผู้ที่ชอบแต่งตัวหลากหลายสไตล์ ต้องการความมั่นใจ
ยกกระชับทรวงอกมีเทคนิคอะไรบ้าง
สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องหน้าอกหย่อนคล้อยและต้องการคืนความกระชับ มั่นใจให้กับทรวงอก ปัจจุบันมีหลากหลายเทคนิคให้เลือก ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ วิธีการผ่าตัด ที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและชัดเจน และ วิธีการไม่ผ่าตัด ที่เน้นการฟื้นฟูสภาพผิวและเนื้อเยื่อด้วยนวัตกรรมต่างๆ การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อย สภาพผิว และความต้องการ รวมถึงข้อจำกัดของแต่ละบุคคล เรามาดูกันว่าแต่ละวิธีมีเทคนิคอะไรบ้างและเหมาะกับใคร
การผ่าตัดยกกระชับทรวงอก
สำหรับผู้ที่มีปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อยปานกลางถึงรุนแรงมาก การยกกระชับทรวงอกด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนและถาวรกว่าการไม่ผ่าตัด โดยศัลยแพทย์จะสามารถทำการปรับตำแหน่งเต้านม ยกหัวนมให้อยู่สูงขึ้น พร้อมตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยให้กระชับได้ภายในการผ่าตัดหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกก็มีอยู่ด้วยกันหลายเทคนิค ซึ่งเลือกใช้ตามระดับความหย่อนคล้อยของเต้านม สามารถจำแนกวิธีผ่าตัดตามลักษณะของแผลผ่าตัดยกกระชับทรวงอกเป็นทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่
ยกกระชับหน้าอก แผลรูปสมอเรือ (Anchor หรือ Invert T): เหมาะสำหรับหน้าอกที่หย่อนคล้อยมาก
เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมาก โดยแผลจะมีลักษณะเป็นรูปตัว T กลับหัว ทำให้สามารถยกกระชับและปรับรูปร่างหน้าอกได้อย่างเต็มที่
ยกกระชับหน้าอก แผลแนวตั้ง (Lollipop): ทางเลือกสำหรับหน้าอกหย่อนคล้อยปานกลาง
เป็นการกรีดแผลรอบปานนมลงมาถึงใต้เต้านมคล้ายแท่งอมยิ้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยปานกลาง ต้องการยกกระชับเต้านมโดยไม่ต้องตัดผิวหนังมากเกินไป
ยกกระชับหน้าอก แผลรูปตัว O (O-Scar/Donut): เหมาะสำหรับหน้าอกหย่อนคล้อยไม่มากนัก
เป็นการกรีดแผลรอบปานนมเป็นวงกลมคล้ายโดนัท นิยมใช้สำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อยและต้องการลดขนาดปานนมร่วมด้วย
ยกกระชับหน้าอก แผลเสี้ยวพระจันทร์ (Crescent): สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงเล็บน้อย
เป็นการกรีดแผลเฉพาะส่วนบนของปานนมในรูปพระจันทร์เสี้ยว เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยและต้องการปรับตำแหน่งหัวนมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
Breast Lift by ยกกระชับทรวงอกโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วย J Plasma
สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับทรวงอกโดยไม่ต้องผ่าตัด ปัจจุบันมีเทคนิคที่ช่วยฟื้นฟูความเต่งตึงของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอาศัยการกระตุ้นคอลลาเจนหรือใช้พลังงานจากเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อลดความหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับหน้าอกให้ดูสวยกระชับขึ้น ได้แก่
การทำไมโครนีดลิ่งกระตุ้นคอลลาเจน (Microneedling)
ยกตัวอย่างเช่น Morpheus8 เทคนิคที่ใช้เข็มขนาดเล็กจำนวนหนึ่งส่งพลังงานเข้าไปยังชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ช่วยให้ผิวบริเวณหน้าอกกระชับและเรียบเนียนขึ้น วิธีนี้มักจะเน้นการกระชับผิวชั้นนอกมากกว่า และไม่ได้มีส่วนช่วยในการกระชับผิวชั้นในหรือกล้ามเนื้อ จึงเหมาะกับคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยและผิวหน้าอกมีรอยยับย่นเท่านั้นยกกระชับทรวงอกแบบไร้แผล (Non-scar Breast Lift)
เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานพลาสมา ส่งผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังชั้นเดียวกับชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและช่วยให้ผิวบริเวณโดยรอบเกิดการหดตัว ยกตัวอย่างเช่น J-Plasma ซึ่งประกอบด้วยหัวส่งพลังงานขนาดเล็กที่เหมาะกับการกระชับหน้าอกให้เต่งตึงมากยิ่งขึ้น โดยจะทิ้งแผลไม่เกิน 3-5 เซนติเมตรหรือน้อยกว่า ทำให้หลังทำไม่ต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดเวลา ไม่อยากผ่าตัด แต่จะเหมาะกับคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยหรือหน้าอกย้วยเล็กน้อยจนถึงปานกลางเท่านั้น
รู้หรือไม่! ยกกระชับทรวงอก ทำพร้อมเติมไขมันหน้าอกได้นะ!
ข้อดีและข้อจำกัดของการยกกระชับทรวงอก
การตัดสินใจเลือกเทคนิคยกกระชับทรวงอก ไม่ว่าจะเป็นแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด ล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจในแต่ละด้านจะช่วยให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพปัญหา ความคาดหวัง และไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ดี
ข้อดีของการยกกระชับทรวงอก
คุณสมบัติ | ยกกระชับอกแบบไม่ผ่าตัด | ยกกระชับอกแบบผ่าตัด |
ผลลัพธ์ | ช่วยให้หน้าอกค่อย ๆ ดูกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ | เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและถาวรในระยะยาว ปรับรูปทรงได้ตามต้องการ |
ระดับความหย่อนคล้อยที่เหมาะสม | เหมาะสำหรับผู้มีปัญหา หย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง | ตอบโจทย์ผู้มีปัญหา หย่อนคล้อยปานกลางถึงรุนแรง |
ระยะเวลาการเห็นผล | ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ | แม้ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์ แต่เป็นเพียง ครั้งเดียว |
ระยะเวลาพักฟื้น | ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ | ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก 4-6 สัปดาห์ |
รอยแผล | ไม่มีรอยแผลเป็น | อาจมีรอยแผลเป็นแต่สามารถ ซ่อนได้ตามเทคนิค |
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน | น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นอาการบวมแดงชั่วคราว ไม่รุนแรง | แม้มีความเสี่ยงแต่สามารถ จัดการได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ |
ค่าใช้จ่าย | ต่ำกว่า การผ่าตัดในแต่ละครั้ง | สูงกว่าในครั้งแรก แต่เป็นการลงทุนที่ให้ผลระยะยาว |
ความสามารถในการปรับรูปทรงหน้าอก | ช่วยให้กระชับขึ้นได้ แต่ไม่สามารถปรับตำแหน่งหัวนม | ครอบคลุมและปรับได้หลากหลาย เหมาะหากต้องการแก้ปัญหาหลายส่วนของหน้าอก |
ข้อจำกัดของการยกกระชับทรวงอก
คุณสมบัติ | การยกกระชับอกแบบไม่ผ่าตัด | การยกกระชับอกแบบผ่าตัด |
ผลลัพธ์ | ไม่ถาวร จำเป็นต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ | เป็นการรักษาที่ไม่สามารถย้อนคืนได้ |
ระดับความหย่อนคล้อยที่เหมาะสม | อาจไม่เห็นผลชัดเจน หากหน้าอกหย่อนคล้อยมาก | มีข้อจำกัดในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ |
ระยะเวลาการเห็นผล | ต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องในการทำหัตถการ | ต้องใช้เวลาพักฟื้นและหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก 4-6 สัปดาห์ |
รอยแผล | มีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นที่อาจเห็นได้ชัดเจนในบางราย | |
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน | ผลลัพธ์อาจไม่ตรงตามความคาดหวัง หากเลือกเทคนิคไม่เหมาะสม | มีความเสี่ยง เช่น แผลติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ อาการชา หรือการเสียรูปทรงที่เกิดขึ้นได้น้อยแต่ต้องระวัง |
ค่าใช้จ่าย | อาจบานปลายได้ หากต้องทำหลายครั้งหรือทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน | เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงในครั้งเดียว ซึ่งอาจเป็นภาระทางการเงินสำหรับบางคน |
ความสามารถในการปรับรูปทรงหน้าอก | จำกัด ในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน เช่น หน้าอกไม่เท่ากัน | จำเป็นต้องเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย |
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดยกกระชับทรวงอก
ก่อนทำ Breast Lift ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยมีขั้นตอนที่แตกต่างกันระหว่างการทำแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด
- ตรวจสุขภาพและเต้านม เช่น ตรวจเลือด ตรวจแมมโมแกรม หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาใด ๆ อยู่ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงหลังทำ
- ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
- งดการใช้สกินแคร์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 7 วันขึ้นไป
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 เดือนก่อนผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและการสัมผัสความร้อน เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองหลังทำ
- เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อแบบติดกระดุมหน้า เพื่อลดแรงกดทับบริเวณแผล
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและตอบสนองต่อการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ดี
- จัดเตรียมที่พักฟื้นและผู้ดูแลให้พร้อมก่อนทำ เนื่องจากหลังทำอาจรู้สึกเจ็บ ปวด ต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิด
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกระชับทรวงอก
การดูแลตัวเองหลังทำ Breast Lift เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน และช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยการดูแลจะแตกต่างกันระหว่างแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
- งดการสัมผัสหน้าอก เช่น การกด นวด หรือใส่เสื้อรัดแน่นหน้าอกจนเกินไป อาจทำให้ระคายเคือง
- สวมบราพยุงหน้าอก (Surgical Bra) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงแรก เพื่อพยุงหน้าอกและป้องกันการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป
- งดออกกำลังกายหนักและยกของหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฉีกขาดของแผลผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และพยายามนอนให้ศีรษะสูงกว่าหน้าอก เพื่อให้หน้าอกอยู่ในท่าทางที่ถูกต้องตามสรีระ
- ลุกเดินบ้างระหว่างวัน เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนในร่างกาย ไม่ควรนั่งหรือนอนอยู่ที่เดิมทั้งวัน
- ทำแผลและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดการติดเชื้อและช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
- ติดตามผลกับศัลยแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจเช็กแผลและประเมินผลลัพธ์หลังทำ
ยกกระชับทรวงอกกี่วันหาย
ช่วงพักฟื้นหลังการยกกระชับทรวงอกจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ใช้และสภาพร่างกายของแต่ละคน โดยทั่วไป อาการบวมตึงหลังการยกกระชับทรวงอกจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติในช่วงนี้ ช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก ยกแขนสูง หรือออกแรงมาก เพื่อให้แผลหายไวและรูปทรงเข้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 – 4 ร่างกายจะเริ่มฟื้นตัวเกือบเต็มที่ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2 – 3 เดือน ทั้งในเรื่องความกระชับ รูปทรง และสัมผัสที่ดูเป็นธรรมชาติ แนะนำให้เลือกทำหัตถการกับศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญและทำกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ยังช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ผิดปกติ
ผ่าตัดยกกระชับทรวงอก ต่างจากเสริมอกอย่างไร
แม้ทั้ง 2 หัตถการจะเกี่ยวข้องกับหน้าอก แต่มีวัตถุประสงค์และวิธีการที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
การผ่าตัดยกกระชับทรวงอก (Breast Lift) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยจากอายุ การตั้งครรภ์ หรือการลดน้ำหนัก โดยศัลยแพทย์จะปรับระดับหัวนมและผิวหนังส่วนเกินให้หน้าอกยกตัวขึ้น กระชับ และได้รูปมากขึ้น โดยไม่เพิ่มขนาดทรวงอก
การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) เน้นการเพิ่มขนาดและเติมความอิ่มฟูของทรวงอก ด้วยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในชั้นเนื้อหน้าอก จึงเหมาะกับผู้ที่หน้าอกเล็กโดยธรรมชาติ อยากเพิ่มขนาดหน้าอกและอยากให้หน้าอกดูมีวอลุ่มมากขึ้น
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำทั้ง “ยกกระชับทรวงอก” และ “เสริมหน้าอก” ควบคู่กัน เพื่อให้ผลลัพธ์ทั้งเรื่องรูปทรงและขนาดออกมาสวยสมดุลอย่างที่ต้องการ
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป
- อาการบวมและช้ำ มักเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังทำ โดยเฉพาะแบบผ่าตัด ซึ่งจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
- เจ็บหรือรู้สึกตึงหน้าอก เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการรักษา แต่อาการจะค่อย ๆ บรรเทาลง
- อาการคันบริเวณแผล (เฉพาะแบบผ่าตัด) มักเกิดขึ้นระหว่างที่แผลกำลังสมานตัว
- มีรอยแดงหรือระคายเคืองผิวหนัง สำหรับผู้ที่ทำแบบไม่ผ่าตัด อาจเกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อพลังงานที่ใช้
- ความรู้สึกบริเวณหน้าอกเปลี่ยนไป (เฉพาะแบบผ่าตัด) อาจเกิดอาการชาหรือไวต่อความรู้สึก ซึ่งมักจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ (ต้องพบแพทย์โดยด่วน)
- แผลติดเชื้อหรือมีหนอง (เฉพาะแบบผ่าตัด) หากมีอาการบวมแดงรุนแรง ร้อนบริเวณแผล หรือมีหนองออกมา ควรรีบพบแพทย์ทันที
- เลือดออกผิดปกติ (เฉพาะแบบผ่าตัด) หากมีเลือดไหลไม่หยุดหรือกดแล้วเลือดยังคงซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง
- เจ็บหน้าอกรุนแรงผิดปกติ หากมีอาการปวดมากจนทนไม่ไหว หรือเจ็บร้าวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน
- หน้าอกผิดรูปหรือแผลไม่หาย หากหน้าอกเกิดการผิดรูปผิดขนาด หรือแผลไม่สมานตัวภายในเวลาที่ควร
- มีไข้สูงหรืออาการอักเสบรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว
รีวิวยกกระชับทรวงอกที่ AM International Hospital
ส่วนหนึ่งของภาพรีวิวเคสยกกระชับทรวงอกโดยศัลยแพทย์ AM International Hospital จะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ ในเรื่องของความกระชับเต่งตึงขึ้นของหน้าอก ทำให้รูปทรงหน้าอกดูสวยแลดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น










หมอชวนคุยกับการยกกระชับทรวงอก
“ผู้หญิงหลายคนมักไม่มั่นใจเรื่องหน้าอกหย่อนคล้อย โดยเฉพาะหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนักมาก ๆ บางคนเข้าใจว่าต้องเสริมซิลิโคนเท่านั้นจึงจะแก้ได้ แต่จริง ๆ แล้ว ‘การยกกระชับทรวงอก’ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ
การยกกระชับทรวงอกจะช่วยจัดตำแหน่งหัวนมและผิวหนังให้หน้าอกกลับมาได้รูป ดูกระชับขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาด ซึ่งเหมาะกับคนที่ยังพอใจกับขนาดหน้าอกเดิมอยู่แล้ว แต่แค่รู้สึกว่าทรงมันไม่เหมือนเดิม
หมอบาสแนะนำว่า ก่อนตัดสินใจทำควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินว่าเนื้อหน้าอกเดิมมีมากพอไหม ต้องใช้เทคนิคไหน หรือควรทำควบคู่กับการเสริมซิลิโคนหรือไม่ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและมีความปลอดภัยในระยะยาว
การผ่าตัดยกกระชับทรวงอก ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามครับ แต่คือการคืนความมั่นใจให้ผู้หญิงกลับมายืนเต็มตัวในแบบที่เป็นตัวเองได้อีกครั้ง” – คุณหมอบาส นพ.วันเฉลิม จงสิริวัฒนา (ศัลยแพทย์ตกแต่ง) (เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 44595)
ยกกระชับทรวงอกราคาเท่าไร?
ราคาการยกกระชับทรวงอก เริ่มต้นที่ 50,000+ บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคนิคที่ใช้ ระดับความหย่อนคล้อย ขนาดหน้าอก และโรงพยาบาลที่เลือก โดยการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดมักมีราคาต่ำกว่าการผ่าตัด และอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ ส่วนการผ่าตัดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่นานกว่า
ราคายกกระชับอก รวมค่าใช้จ่ายส่วนไหนแล้วบ้าง?
โดยปกติ ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับทรวงอกจะครอบคลุมบางหรือทั้งหมดของรายการต่อไปนี้
- ค่าปรึกษาแพทย์และวางแผนการรักษา
- ค่าหัตถการหรือค่าผ่าตัด
- ค่าดมยาสลบ (ในกรณีผ่าตัด)
- ค่ายาและเวชภัณฑ์
- ค่าใช้จ่ายในการพักฟื้น (หากทำที่โรงพยาบาล)
- การติดตามผลและตรวจเช็กหลังทำ
อย่างไรก็ตาม ราคาที่แจ้งอาจไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่ายากลับบ้าน ค่าพยาบาล หรือค่าดูแลแผลในระยะยาว ดังนั้น ควรสอบถามรายละเอียดกับโรงพยาบาลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ยกกระชับทรวงอกเจ็บไหม?
ในระหว่างผ่าตัดจะมี การใช้ยาชาหรือดมยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวดตึงซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์
Q: ผลลัพธ์ของการยกกระชับทรวงอกจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
หากทำแบบไม่ผ่าตัดผลลัพธ์ไม่ถาวร อาจต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อคงความกระชับ หากทำแบบผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่ยังสามารถหย่อนคล้อยได้ตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับอายุ การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
Q: หลังยกกระชับทรวงอกให้นมลูกได้ไหม?
ในกรณีที่เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ผ่านการตัดท่อน้ำนม หลังการผ่าตัดสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดก่อน
Q: ทําไมหน้าอกถึงหย่อนคล้อยหลังคลอด?
หน้าอกหย่อนคล้อยหลังคลอดเกิดจากการที่เต้านมขยายและหดตัวอย่างรวดเร็วในช่วงตั้งครรภ์ และการให้นมบุตรทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อยืดออกจนสูญเสียความกระชับ รวมถึงฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลต่อความยืดหยุ่นของผิว นอกจากนี้ การเพิ่มหรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วยังทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกเสียความยืดหยุ่น จึงทำให้หน้าอกดูหย่อนคล้อยได้ง่ายหลังคลอดอีกด้วย
Q: ยกกระชับทรวงอกพักฟื้นกี่วัน?
โดยทั่วไปต้อง พักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดบวมและให้แผลสมานตัว ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักและการยกของหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลฉีกขาด
Q: หลังยกกระชับทรวงอกนอนตะแคงได้ไหม?
ช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันแรงกดทับที่หน้าอก หลังจากแผลหายดีแล้ว สามารถนอนตะแคงได้ แต่ควรสวมสปอร์ตบรา เพื่อประคองหน้าอกและลดแรงกด
Q: หลังยกกระชับทรวงอกห้ามกินอะไร?
เช่นเดียวกับการทำการผ่าตัดอื่น ๆ ซึ่งหลังทำหัตถการควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักดอง รวมถึงงดดื่มแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่ เพราะอาจกระตุ้นให้แผลบวมและฟื้นตัวช้า ควรเน้นทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟูแผลหลังการผ่าตัด เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารโปรตีนสูง เพื่อส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
Q: หลังยกกระชับทรวงอกห้ามทำอะไรบ้าง?
ควรงดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เช่น การยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ๆ ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ รวมถึงงดการแช่น้ำ หรือโดนน้ำบริเวณแผลจนกว่าแผลจะแห้งดี หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้แผลหายช้า เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรใส่ชุดกระชับหน้าอกตามคำแนะนำเพื่อช่วยพยุงเต้านมและลดอาการบวม
สรุปการยกกระชับหน้าอก คืนความมั่นใจให้ทรงสวย
การยกกระชับทรวงอกเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุงรูปร่างและฟื้นฟูความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเลือกวิธี ไม่ผ่าตัด หรือ ผ่าตัด ก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล
วิธียกกระชับทรวงอกแบบไม่ผ่าตัด จะเหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่ต้องการพักฟื้นนาน แต่ผลลัพธ์จะไม่ถาวร ต้องทำซ้ำเพื่อคงความกระชับ ส่วนการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก เป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ระยะยาว เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมากและต้องการการปรับแต่งรูปทรงหน้าอก แต่จะต้องพักฟื้น และอาจมีความเสี่ยงจากแผลผ่าตัดด้วย
ก่อนตัดสินใจเลือกวิธียกกระชับหน้าอก จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกวิธีที่ดีที่สุดตามความต้องการและสภาพร่างกาย โดยทั้งสองวิธีสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ หากดูแลตัวเองตามคำแนะนำอย่างถูกวิธี!
บริการแนะนำ
We always take care of your mobility
24/7 Emergency
Tell : 064 445 5666