loader image

เทียบให้เห็นชัดโปรแกรม Ultherapy vs. โปรแกรม Thermage ต่างกันยังไง?

Ultherapy vs โปรแกรม Thermage

     โปแกรม Ultherapy vs โปรแกรม Thermage อันไหนดีกว่ากัน ? คำถามนี้มักเกิดขึ้นกับหลายคนที่กำลังมองหาวิธียกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะทั้งสองโปรแกรมต่างก็เป็นเทคโนโลยียอดนิยมที่เน้นการฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิวกลับมากระชับ เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ แม้จะดูคล้ายกันในภาพรวม แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 โปรแกรมต่างมีจุดเด่น กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกให้เหมาะกับผิวและปัญหาของแต่ละคนจึงสำคัญไม่น้อย มาทำความเข้าใจให้ชัดว่าทั้งสองโปรแกรมนี้แตกต่างกันอย่างไร และเราเหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวด้วยเครื่องไหนดี

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

รู้จักชั้นผิวก่อนทำ Ultherapy หรือ Thermage

      สิ่งสำคัญก่อนที่เราจะเลือกใช้เทคโนโลยีกระชับผิว ต้องมาทำความเข้าใจกับโครงสร้างของผิวก่อน เนื่องจากโปรแกรมจะทำงานในชั้นผิวที่แตกต่างกัน โดยปกติแล้วผิวของเราจะประกอบไปด้วย 3 ชั้นหลัก ดังนี้

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
    เป็นชั้นผิวที่อยู่ด้านนอกสุด ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ และเชื้อโรค ชั้นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและมีผลต่อโทนสีผิวโดยรวม

  • ชั้นหนังแท้ (Dermis)
    เป็นชั้นกลางของผิวที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิค ซึ่งช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ เมื่อคอลลาเจนในชั้นนี้เสื่อมลง จะส่งผลให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามมา

  • ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Tissue)
    เป็นชั้นที่อยู่ลึกที่สุดในกลุ่มชั้นผิว ทำหน้าที่สะสมไขมันเพื่อรองรับแรงกระแทกและคงโครงสร้างใบหน้า ความหนาบางของชั้นนี้มีผลต่อรูปหน้า เช่น ความอิ่มฟูหรือการยุบตัวเมื่ออายุมากขึ้น

ชั้น SMAS คืออะไร

      หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าชั้น SMAS คืออะไร เพราะมักจะเห็นคำนี้อยู่ในกลุ่มโปรแกรมเลเซอร์ความงาม ถึงแม้ว่าชั้น SMAS จะไม่จัดอยู่ในกลุ่มชั้นผิวโดยตรง แต่ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ก็เป็นโครงสร้างที่มีบทบาทสำคัญต่อความกระชับของใบหน้า โดยเป็นชั้นพังผืดและกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นไขมัน ซึ่งบางโปรแกรมอย่างโปรแกรม  Ultherapy  เป็นเทคโนโลยีที่สามารถส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS

เปรียบเทียบ Ultherapy vs. Thermage

      โปรแกรม ultherapy กับโปรแกรม thermage ต่างกันอย่างไร? แม้ทั้งสองโปรแกรมช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนและยกผิวให้กระชับ แต่ต่างกันที่เทคโนโลยี กลไกการทำงาน และระดับความลึกของพลังงาน โดยมีรายละเอียดที่ต่างกัน ดังนี้

โปรแกรม Ultherapy คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

      โปรแกรม Ultherapy (หรือชื่อทางการคือโปรแกรม Ulthera) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Microfocused Ultrasound) จุดเด่นของโปรแกรม Ultherapy คือสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงระดับชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ผิวขาดความกระชับ แต่ยังไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม

โดยคุณสมบัติของโปรแกรม Ultherapy ที่สามารถฟื้นฟูผิวได้คือ

  • ช่วยลดความหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ
  • ช่วยลดเหนียง ปรับกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
  • ช่วยยกคิ้ว หรือแก้ไขปัญหาหนังตาตก
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก มุมปาก ให้กลับมาดูเรียบเนียน
  • ช่วยกระชับหน้าแก้มให้ดูเต่งตึงขึ้น

การทำงานของโปรแกรม  Ultherapy

      โปรแกรม Ultherapy ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่โฟกัสเฉพาะจุด (MFU-V) ยิงลงสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน โดยพลังงานที่ส่งลงไปจะก่อให้เกิดความร้อนใต้ผิวที่อุณหภูมิประมาณ 60–70°C ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมในการฟื้นฟูคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจึงค่อย ๆ กระชับและเต่งตึงขึ้นดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน และสามารถอยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน

โปรแกรม Ultherapy ทำจุดไหนได้บ้าง?

      โปรแกรม Ultherapy เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้ในหลายบริเวณ ได้แก่

  • กรอบหน้า และแนวขากรรไกร – ลดความหย่อนคล้อยของผิว
  • ใต้คางและลำคอ – ลดเหนียง ยกกระชับคอ
  • หน้าผากและหางตา – ยกคิ้ว แก้หนังตาตก ลดเลือนริ้วรอย
  • ใต้ตา – กระชับผิวบางรอบดวงตา แก้ไขเรื่องริ้วรอย
  • หน้าแก้ม – คืนความกระชับให้ใบหน้าโดยรวม

โปรแกรม Thermage คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

      โปรแกรม Thermage  คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) ในการส่งพลังงานลงสู่ผิว เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งโปรแกรม Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอ้วน จากไขมัน ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย ลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า

 โดยคุณสมบัติของโปรแกรม Thermage ที่สามารถฟื้นฟูผิวได้คือ

  • ช่วยฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูแน่นกระชับ
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ทั้งบริเวณรอบดวงตา ไปจนถึงริ้วรอยที่ลำคอ
  • ช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ ผิวหน้าเนียนละเอียดขึ้น
  • ช่วยให้เมคอัพติดทนและผิวดูเรียบเนียน
  • ช่วยลดไขมันสะสมในบางจุด เช่น เหนียง ใบหน้า หรือช่วงลำตัว ทำให้ผิวดูยกตัวและเฟิร์มขึ้น

การทำงานของโปรแกรม  Thermage

      โปรแกรม Thermage ส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปยังผิวหนังในลักษณะกระจายตัวเป็นวงกว้าง แต่ควบคุมความลึกได้อย่างแม่นยำ พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจะช่วยกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มเติม ทำให้ผิวดูตึง กระชับ แน่นขึ้นในบางส่วนหลังทำ เป็นอีกหนึ่งวิธีลดไขมันที่หน้า ที่จะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วง 1–3 เดือนหลังการรักษา ผลลัพธ์มักอยู่ได้นานประมาณ 6–12 เดือน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Thermage ทำจุดไหนได้บ้าง

      โปรแกรม Thermage มีหัวทิปหลากหลายให้เลือกใช้ตามแต่ละจุดของใบหน้าและร่างกาย จึงสามารถรักษาได้ครอบคลุมหลายบริเวณ เช่น

  • ใบหน้า – กระชับรูขุมขน ผิวแน่นขึ้น
  • รอบดวงตา – ลดถุงใต้ตา แก้ไขหนังตาหย่อนคล้อย
  • แก้มและแนวกราม – ลดความหย่อนคล้อยจากไขมัน
  • ลำคอ – กระชับผิวคอ ลดริ้วรอย
  • ลำตัว – สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือสะโพก

ควรเลือกทำโปรแกรม Ultherapy vs. โปรแกรม Thermage?

โปรแกรม Ultherapy vs โปรแกรม Thermage ในเชิงการใช้งานจริง ทั้งสองโปรแกรมมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และเหมาะกับสภาพผิวหรือปัญหาผิวที่ต่างกันด้วย ดังนั้น การเลือกทำโปรแกรมให้เหมาะกับตัวเองจึงมีความสำคัญไม่น้อย ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองเครื่องมีดังนี้
โปรแกรม Ultherapy โปรแกรม Thermage
คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส (Microfocused Ultrasound) คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency)
ส่งพลังงานเฉพาะจุดลงถึงชั้น SMAS โดยมีหน้าจอแสดงภาพแบบ Real Time เพื่อความแม่นยำ ส่งพลังงานความร้อนสม่ำเสมอผ่านชั้นผิวและชั้นไขมัน ช่วยยกกระชับและลดไขมันบางส่วน
เหมาะสำหรับผิวหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสม
สามารถทำได้ทั้งใบหน้า และบางจุดในร่างกาย สามารถทำได้ทั้งใบหน้า รอบดวงตา และลำตัว
ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 45-90 นาที ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 40-90 นาที

ระยะเวลาเห็นผลหลังทำโปรแกรม Ultherapy vs. โปรแกรม Thermage

      โปรแกรม Ultherapy vs โปรแกรม Thermage เป็นหัตถการยกกระชับปรับรูปหน้าที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกันทั้งคู่ แต่ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ของทั้งสองโปรแกรมกลับมีความแตกต่างกันพอสมควร เพราะแต่ละโปรแกรมใช้พลังงานในการรักษาที่แตกต่างกัน

  • โปรแกรม Ultherapy หลังทำมักเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้เล็กน้อย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความหย่อนคล้อยมาก แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะค่อย ๆ พัฒนาในช่วง 2–3 เดือนถัดมา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวตึงกระชับขึ้น
  • โปรแกรม Thermage หลังทำแม้จะไม่ได้เห็นผลทันทีชัดเจนมากนัก แต่ผู้รับบริการบางรายอาจรู้สึกว่าผิวตึงขึ้นเล็กน้อย ผลลัพธ์จริงจะเริ่มปรากฏขึ้นชัดเจนในช่วง 1–3 เดือน โดยพลังงาน RF จะช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยลดไขมันสะสมบางส่วนในผิวชั้นลึก ทำให้ผิวดูกระชับแน่นและเรียบเนียนมากขึ้น

โปรแกรม Ultherapy vs. โปรแกรม Thermage อยู่ได้นานแค่ไหน?

      ความคงทนของผลลัพธ์จากการทำโปรแกรม Ultherapy และโปรแกรม Thermage ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอายุ สภาพผิว การดูแลตัวเองหลังทำ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปสามารถสรุปได้ดังนี้

  • โปรแกรม Ultherapy ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน
  • โปรแกรม Thermage ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโปรแกรมสามารถกลับมาทำซ้ำได้ปีละครั้ง หรือตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพื่อคงผลลัพธ์ให้ดูเป็นธรรมชาติและชะลอความหย่อนคล้อยได้อย่างต่อเนื่อง

โปรแกรม Ultherapy vs. โปรแกรม Thermage อะไรเจ็บกว่ากัน

  • โปรแกรม Ultherapy มักรู้สึกตึงหรือจี๊ดเล็กน้อยใต้ คล้ายถูกสะกิดจากด้านใน เนื่องจากพลังงานถูกส่งถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกสุดของผิว ความรู้สึกนี้อาจชัดเจนกว่าหัตถการอื่น แต่สามารถปรับระดับพลังงานหรือใช้ยาชาเพื่อลดความรู้สึกได้
  • โปรแกรม Thermage ความรู้สึกจะ คล้ายอุ่น ๆ หรือร้อนลึก ๆ ใต้ผิว ในบางช่วงอาจรู้สึกจี๊ด ๆ เล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเบากว่าโปรแกรม Ultherapy และหลายคนสามารถทำโดยไม่ต้องใช้ยาชา

สรุป หากถามโปรแกรม Ultherapy กับโปรแกรม Thermage อันไหนเจ็บกว่า ? โดยทั่วไปโปรแกรม Ultherapy จะรู้สึกมากกว่าโปรแกรม Thermage เล็กน้อย เพราะสามารถส่งพลังงานได้ลึกและเฉพาะจุดมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระดับความรู้สึกระหว่างทำหัตถการขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ใครที่เหมาะกับการทำโปรแกรม Ultherapy

      โปรแกรม Ultherapy เป็นวิธีลดเหนียง หรือช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิว ที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือใต้คาง
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาหนังตาตก หางตาตก หรือคิ้วตก
  • ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า แต่ต้องการผลลัพธ์คล้ายการยกกระชับ
  • ผู้ที่เคยทำหัตถการยกกระชับมาแล้วและต้องการคงผลลัพธ์ไว้
  • ผู้ที่มีรูปร่างผอม และต้องการยกผิวโดยไม่ลดไขมัน

ใครที่เหมาะกับการทำโปรแกรม Thermage

     โปรแกรม Ultherapy เป็นวิธีทําให้หน้าเรียว ขึ้น ลดไขมันสะสมบนผิวหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า เช่น แก้มล่าง เหนียง หรือใต้คาง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยร่วมกับผิวไม่เรียบ หรือรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่ต้องการกระชับผิวโดยรวม เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขา
  • ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มรู้สึกว่าผิวขาดความแน่นกระชับ

ทำโปรแกรม Ultherapy/โปรแกรม Thermage ที่ไหนดี?

     การเลือกสถานที่ในการทำโปรแกรม Ultherapy หรือโปรแกรม Thermage ควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความรู้ ทักษะของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

  • ต้องเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
  • มีแพทย์ที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ด้านผิวหนังหรือความงามเป็นผู้ทำหัตถการ
  • ใช้เครื่องโปรแกรมได้มาตรฐานที่ผ่านการรับรองมาอย่างถูกต้อง
  • มีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้
  • มีการประเมินใบหน้าก่อนทำ เพื่อออกแบบแผนการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
แชร์ :

สรุป

     โปรแกรม Ultherapy vs โปรแกรม Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีเป้าหมายคล้าย ๆ กัน แต่ใช้พลังงานคนละชนิดและให้ผลลัพธ์ในแบบที่ต่างกัน โปรแกรมUltherapy ใช้คลื่นเสียง (Ultrasound) เจาะลึกถึงชั้น SMAS เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดเจน ขณะที่โปรแกรม Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (RF) กระจายความร้อนทั่วผิว เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับพร้อมลดไขมันส่วนเกิน ซึ่งทั้งสองอย่างไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น แต่การเลือกใช้งานควรพิจารณาตามปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!