loader image

บวมโซเดียมกี่วันหาย? มีวิธีขับโซเดียมออกจากร่างกายอย่างไรได้บ้าง

บวมโซเดียม กี่วันหาย

   บวมโซเดียม กี่วันหาย เป็นข้อสงสัยที่พบบ่อยของหลายคนที่ชอบรับประทานอาหารเค็มหรือโซเดียมสูงแล้วเกิดอาการบวมน้ำโดยไม่รู้ตัว โดยอาการบวมโซเดียม คือ ภาวะที่ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณโซเดียมในเลือดสูงเกินไป

หลายคนอาจสงสัยว่า บวมโซเดียม ดูยังไงหรือบวมโซเดียม อาการเป็นแบบไหน โดยแม้ว่าอาการนี้จะไม่รุนแรงในทันที แต่หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นจึงควรเรียนรู้ว่า บวมโซเดียม แก้ยังไงและต้องใช้เวลากี่วันในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ใครที่เคยเผลอกินเค็มจัดแล้วตัวบวมหน้าบวม ต้องไม่พลาดหาคำตอบในบทความนี้

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

บวมน้ำ บวมโซเดียม มีลักษณะอย่างไร

   บวมน้ำหรือบวมโซเดียม เป็นภาวะที่ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากกว่าปกติ มักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงหรือรสชาติเค็ม ซึ่งมักพบได้ในอาหารแปรรูปหรือของหมักดอง โดยลักษณะของบวมโซเดียม อาการที่สังเกตได้ชัด คือ ใบหน้าบวมโดยเฉพาะรอบดวงตา หน้าอ้วน มือและเท้าบวม หรือรู้สึกแน่นตัว

หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าอาการบวมโซเดียม ดูยังไง แนะนำให้ลองกดนิ้วลงบนผิวหนัง ถ้าผิวบุ๋มนานผิดปกติ รอยบุ๋มไม่คืนรูป อาจเป็นสัญญาณของการบวมน้ำ โดยอาการนี้ต่างจากบวมน้ำจากโรคเรื้อรัง เพราะมักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เองเมื่อร่างกายขับโซเดียมออก ซึ่งคำถามที่ว่าบวมโซเดียม กี่วันหายก็ต้องใช้การปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : มัดรวม! วิธีลดต้นขา ที่ทำแล้วเห็นผลจริง ขาเรียวสวยมั่นใจ

วิธีลดต้นขาใหญ่

ผู้หญิงหลายคนประสบปัญหาต้นขาใหญ่ ใส่กางเกงแล้วไม่มั่นใจ เดินนาน ๆ ก็รู้สึกเสียดสี บางคนลดน้ำหนักแล้วน้ำหนักลดแต่ต้นขาไม่ลดตาม....

หมวด : ความรู้สุขภาพและความงาม

อาการบวมน้ำ บวมโซเดียมเกิดจากอะไร

      อาการบวมน้ำ บวมโซเดียม กี่วันหาย ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุหลักมาจากเรื่องใด เพราะแต่ละสาเหตุเป็นคำตอบว่าจริง ๆ แล้วอาการบวมโซเดียม กี่วันหายเป็นปกติ หรือว่าต้องใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ และที่สำคัญเลยคือหากเราเข้าใจที่มาที่ไปแล้วก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ถึงต้นตออีกด้วย

กินอาหารที่ที่มีโซเดียมมากเกินไป

      อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว และของหมักดอง ล้วนมีโซเดียมสูง ซึ่งทำให้เกิดอาการบวมโซเดียมได้โดยตรง เมื่อร่างกายรับโซเดียมมากเกินไป ร่างกายจะดึงน้ำมาค้างไว้ในเซลล์จนเกิดอาการบวมตามตัว และหากสงสัยว่าบวมโซเดียม กี่วันหาย ส่วนใหญ่มักใช้เวลาในไม่กี่วัน หากมีการควบคุมอาหารและดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อขับโซเดียมออก

ดื่มน้ำน้อยเกินไป

    แม้จะฟังดูขัดแย้ง แต่การดื่มน้ำน้อยส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากขึ้นเพราะกลไกของร่างกายที่กลัวการขาดน้ำ ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ อาการบวมน้ำ บวมมือ บวมหน้า และรู้สึกตัวบวมทั้งวัน นอกจากนี้ หากมีโซเดียมสะสมในร่างกาย จะยิ่งทำให้หายช้าลง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

     ในช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือในขณะตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายมักจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดอาการบวมได้ โดยหากในช่วงนี้ บางคนเลือกทานอาหารรสจัดร่วมด้วย ก็อาจเกิดอาการบวมโซเดียมได้เช่นกัน ซึ่งหลายคนมักสังเกตพบว่าอาการบวมไม่ค่อยหาย ส่วนในกรณีบวมโซเดียม กี่วันหาย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ

การนั่งหรือยืนนานเกินไป

    การอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน  เช่น นั่งท่าเดิมหรือการยืนเป็นเวลานาน ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนช้า เกิดของเหลวคั่งตามแขน ขา และเท้า ซึ่งยิ่งถ้ามีปัจจัยเรื่องของโซเดียมที่มีการสะสมจากอาหาร ก็จะยิ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำชัดเจนมากขึ้น แม้จะไม่ได้กินอาหารรสจัดในวันนั้นเลยก็ตาม

การทำงานของไตผิดปกติ

     ไตมีหน้าที่ขับโซเดียมและของเสียออกจากร่างกาย หากไตมีการทำงานที่ผิดปกติก็จะส่งผลให้เกิดอาการบวมโซเดียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาการบวมที่เกิดจากไตจะไม่หายง่าย และอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าปกติ โดยหากพบว่าอาการบวมไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน อาจต้องพิจารณาถึงสุขภาพภายในมากกว่าปัจจัยภายนอก

บวมน้ำ บวมโซเดียมกี่วันหาย?

     บวมโซเดียม กี่วันหาย เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งอาการนี้มักเกิดจากภาวะบวมน้ำจากการที่ร่างกายกักเก็บของเหลวไว้มากกว่าปกติ เนื่องจากได้รับโซเดียมเกินความจำเป็น ซึ่งโดยทั่วไปหากดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อาการบวมโซเดียมก็อาจดีขึ้นภายใน 1–3 วัน

ทั้งนี้ ระยะเวลาการฟื้นตัวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม เช่น การดื่มน้ำเพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือมีโซเดียมสูง และการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม หากไม่แน่ใจว่าอาการบวมโซเดียม กี่วันหายเป็นปกติ ควรสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง และหากไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำงานของไตหรือฮอร์โมนภายในร่างกาย

10 วิธีลดบวม ขับโซเดียมออกจากร่างกาย

    สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาหน้าบวม ตัวบวม อาการบวมน้ำ ที่ทำให้กลุ้มอกกลุ้มใจโดยไม่รู้ว่าอาการบวมโซเดียมแก้ยังไงดี เราได้รวบรวม 10 วิธีลดบวมและขับโซเดียมออกจากร่างกายซึ่งมีทั้งวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ และเทคนิคทางการแพทย์ที่ทำแล้วได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ

1. ดื่มน้ำมาก ๆ

    การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยกระตุ้นการทำงานของไต ทำให้ร่างกายสามารถขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ โดยแนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าวันละ 1.5 – 2 ลิตร และจิบ ได้ตลอดวัน วิธีนี้จะช่วยลดอาการบวมและขับโซเดียมได้เร็วขึ้น

2. ออกกำลังกาย

   วิธีลดอาการบวมโซเดียมต่อมา คือ การเคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอเบา ๆ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ช่วยระบายโซเดียมและของเหลวส่วนเกินออกได้ดีขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : วิธีลดต้นแขนแบบเร่งด่วน 3 วัน ต้องทำอย่างไร? ใครอยากแขนเล็กต้องอ่าน!

วิธีลดต้นแขนแบบเร่งด่วน 3 วัน

ปัญหาต้นแขนใหญ่ที่มาพร้อมความหย่อนคล้อย ทำให้ขาดความมั่นใจในการใส่เสื้อแขนกุดหรือเสื้อผ้าที่ต้องโชว์ต้นแขน ทำให้หลายคนอาจกำลังมองหาตัวช่วยลดต้นแขนได้อย่างรวดเร็ว ....

หมวด : ความรู้สุขภาพและความงาม

3. ลดอาหารเค็มและอาหารแปรรูป

    อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และของหมักดอง เป็นสาเหตุหลักของอาการ บวมโซเดียม การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสะสมโซเดียมเพิ่ม ซึ่งอาการบวมโซเดียมกี่วันหาย จะใช้เวลาเร็วหรือช้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมนั่นเอง

4. เพิ่มโพแทสเซียมในอาหาร

    อาหารที่มีโพแทสเซียมมีประโยชน์ในเรื่องการปรับสมดุลของเหลวในร่างกาย รวมถึงส่งเสริมการขับโซเดียมออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น ซึ่งอาหารที่แนะนำ ได้แก่ กล้วย มันเทศ อะโวคาโด และผักใบเขียวเข้ม สำหรับการกินอาหารที่มีโพแทสเซียมควบคู่กับดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดอาการบวมโซเดียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. กินอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

      สำหรับอาหารที่มีแมกนีเซียมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดการกักเก็บน้ำในร่างกาย และส่งผลดีต่อระบบประสาท ระบบสมอง โดยส่วนมากแล้วมักพบในถั่ว เมล็ดพืช โกโก้ และธัญพืชเต็มเมล็ด เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเร่งการขับโซเดียมโดยไม่ต้องพึ่งยา

7. เลือกอาหารที่มีกากใยสูง

    อาหารที่มีกากใยหรือไฟเบอร์สูงจะช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายและลดของเสียตกค้างในร่างกาย และมักพบในอาหารประเภทผักสด ผลไม้เปลือกบาง และธัญพืชไม่ขัดสี ซึ่งจัดว่าเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่ระบบขับถ่ายทำงานดี ร่างกายก็จะลดอาการบวมโซเดียมได้เร็วขึ้น

6. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

      อาการบวมน้ำ บวมโซเดียมกี่วันหาย เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดด้วย เพราะแอลกอฮอล์จะไปรบกวนการทำงานของไตและยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผลเสียต่อมา คือ ร่างกายขับโซเดียมออกได้ยากขึ้น จึงทำให้อาการบวมยิ่งอยู่นาน

8. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

    การนอนหลับส่งผลต่อฮอร์โมน ความเครียด และการขับของเสีย ดังนั้น ร่างกายที่การพักผ่อนเพียงพอจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และลดการกักเก็บน้ำ โดยแนะนำว่าควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายมีการฟื้นฟูได้เต็มที่

9. นวดกระตุ้นระบบไหลเวียนน้ำเหลือง

     การนวดเพื่อช่วยเร่งการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง จะมีส่วนช่วยในลดการกักเก็บของเหลวส่วนเกิน
โดยหัตถการที่ได้รับความนิยมและช่วยส่งเสริมผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ได้แก่

  • โปรแกรม Ultherapy เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์กระตุ้นคอลลาเจนและระบบไหลเวียนลึกใต้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดบวมเฉพาะจุดและยกกระชับผิวหน้าไปพร้อมกัน
  • โปรแกรม Thermage เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและลดการสะสมของของเหลว ช่วยให้ผิวแน่นกระชับและลดบวมบริเวณใบหน้าและลำตัวอย่างได้ผล
  • โปรแกรม Venus Legacy เป็นการใช้เทคโนโลยี MP² รวม RF กับพลังงานแม่เหล็ก ช่วยลดไขมัน ลดบวม และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง เหมาะกับคนที่มีอาการบวมร่วมกับไขมันสะสมเฉพาะจุด

อ่านเพิ่มเติม : โปรแกรม J Plasma คืออะไร ยกกระชับผิวได้อย่างไร

J Plasma (เจพลาสมา) คือเทคโนโลยียกกระชับผิวรุ่นใหม่ที่ผสานพลังงานพลาสมาฮีเลียมกับคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ช่วยกระชับผิวหย่อนคล้อยได้อย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด...

10. แช่เท้าหรือน้ำอุ่นผสมเกลือ

     การแช่น้ำอุ่นเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะที่ปลายเท้าและขา โดยสามารถเติมเกลือแร่ธรรมชาติ เช่น Epsom Salt เพื่อช่วยขับของเสียออกทางผิวหนัง ซึ่งวิธีนี้ง่ายและทำได้ที่บ้าน เหมาะกับผู้ที่มีอาการบวมน้ำจากการนั่งหรือยืนนาน

แชร์ :

สรุป

      อาการบวมโซเดียม กี่วันหาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณโซเดียมที่ได้รับ พฤติกรรมการกิน การดื่มน้ำ และการขับของเสียของแต่ละคน โดยทั่วไป หากเริ่มปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำมากขึ้น ออกกำลังกาย และลดอาหารเค็ม อาการบวมน้ำมักจะหายภายใน 1–3 วัน สำหรับผู้ที่บวมเรื้อรังหรือนานกว่า 3 วัน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าอาการเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไตหรือไม่ การดูแลเอาใจใส่ร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้อาการบวมโซเดียมดีขึ้นเร็วและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในอนาคต

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!