กลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก อีกหนึ่งทางเลือการรักษาที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ แต่การกลืนบอลลูนมีข้อเสียหรือข้อควรระวังที่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งอาการข้างเคียง ปริมาณน้ำหนักตัวที่สามารถลดได้ และมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจทำจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ เพื่อเป็นการเช็กว่าวิธีนี้เหมาะกับเราหรือไม่ ทำแล้วต้องเตรียมรับมือกับอะไรบ้าง
เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง
การกลืนบอลลูนลดน้ำหนัก คืออะไร
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก คือ วิธีทางการแพทย์ที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยผู้เข้ารับบริการจะกลืนแคปซูลบอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร ซึ่งบอลลูนมีทั้งชนิดเติมของเหลวและชนิดเติมก๊าซ โดยแบบเติมน้ำเกลือเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากกว่า เมื่อบอลลูนพองเต็มที่ในกระเพาะอาหาร จะช่วยให้รู้สึกอิ่มง่ายขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลง
สำหรับขั้นตอนกระบวนการของการกลืนบอลลูนใช้เวลาไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ที่ควรลดน้ำหนัก ต้องการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดไขมันสะสมพร้อมดูแลรูปร่าง แต่ทั้งนี้ การกลืนบอลลูนมีข้อเสียและข้อดีเหมือนกันกับการรักษาอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าสู่การรักษานี้
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารทำงานอย่างไร
การกลืนบอลลูนหรือการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เริ่มจากการกลืนแคปซูลที่ภายในบรรจุบอลลูนขนาดเล็ก เมื่อถึงกระเพาะ แพทย์จะเติมน้ำเกลือปลอดเชื้อประมาณ 400–700 มิลลิลิตร เพื่อให้บอลลูนพองตัวและลอยอยู่กลางกระเพาะ ช่วยลดพื้นที่สำหรับอาหารจึงส่งผลให้เมื่อรับประทานอาหารแล้วรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น โดยทั่วไปน้ำหนักตัวจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ภายในระยะเวลา 4–6 เดือน ก่อนจะย่อยสลายหรือนำออกตามกระบวนการทางการแพทย์
กลไกนี้ไม่ได้เปลี่ยนระบบเผาผลาญโดยตรง แต่ช่วยควบคุมพฤติกรรมการทานให้น้อยลงอย่างเป็นธรรมชาติ และแม้ว่าการใส่บอลลูนจะเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ไม่ใช่ทางลัดสำหรับทุกคน เพราะการกลืนบอลลูนมีข้อเสียที่ควรพิจารณา ทั้งในแง่ผลข้างเคียงและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการกลืนบอลลูน
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก เป็นวิธีที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องพักฟื้นนาน ทำให้หลายคนมองว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ซึ่งการกลืนบอลลูนมีข้อดีหลายอย่าง
- ไม่ต้องผ่าตัด ขั้นตอนรวดเร็วและใช้เวลาไม่นาน
- ช่วยให้รู้สึกอิ่มไว ทำให้ควบคุมปริมาณอาหารได้ง่ายขึ้น
- น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 10–15% ภายใน 4–6 เดือน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่ค่อยเห็นผล
- เป็นวิธีที่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ
- มีแพทย์ดูแลและติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอดขั้นตอนการรักษา
ข้อเสียของการกลืนบอลลูน
- อาการคลื่นไส้และอาเจียนในช่วงแรกหลังใส่บอลลูน ซึ่งเกิดจากร่างกายปรับตัวกับบอลลูน
- อาการจุกเสียดหรือปวดท้องเนื่องจากบอลลูนกดทับผนังกระเพาะอาหาร
- ความเสี่ยงของการรั่วหรือแตกของบอลลูน แม้อัตราเกิดน้อย แต่หากเกิดขึ้นต้องรีบถอดออก
- ความรู้สึกไม่สบายในการนอนหรือเคลื่อนไหว เนื่องจากบอลลูนภายในกระเพาะ
- ลดน้ำหนักได้ในปริมาณจำกัด จึงอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักตัวมาก ๆ อย่างรวดเร็ว
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคทางเดินอาหารหรือประวัติการผ่าตัดในกระเพาะ
- น้ำหนักตัวอาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้หากไม่ปรับพฤติกรรมการทานอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไป
การเตรียมตัวก่อนกลืนบอลลูนลดน้ำหนัก
การเตรียมตัวก่อนกลืนบอลลูนลดน้ำหนักเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำการรักษา ซึ่งการวางแผนและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อประเมินสุขภาพและความเหมาะสมกับการใส่บอลลูน
- แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือการใช้ยาที่อาจมีผลต่อการรักษา
- งดอาหารและน้ำตามเวลาที่แพทย์กำหนด โดยปกติจะต้องงดประมาณ 8–12 ชั่วโมงก่อนทำ
- เตรียมจิตใจให้พร้อมและเข้าใจขั้นตอนการรักษาอย่างครบถ้วน
- งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา
- เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายเพื่อความสะดวกในวันกลืนบอลลูนลดน้ำหนัก
- วางแผนการเดินทางและคนดูแลหลังทำ เนื่องจากอาจมีอาการไม่สบายในช่วงแรก
ขั้นตอนการใส่และถอดบอลลูน
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นวิธีช่วยลดน้ำหนักโดยมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ส่วนการถอดบอลลูนจะทำเมื่อครบกำหนดเวลาที่เหมาะสมหรือเมื่อน้ำหนักลดตามเป้าหมาย เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการอยู่ในร่างกายนานเกินไป อย่างไรก็ตามในบางกรณีอาจจำเป็นต้องถอดบอลลูนก่อนเวลา เช่น เกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง หรือบอลลูนรั่ว ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
ขั้นตอนการใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร
- ผู้เข้ารับบริการได้รับยาระงับความรู้สึกเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้นขณะทำการกลืนบอลลูน
- แพทย์ให้ผู้เข้ารับบริการกลืนแคปซูลบอลลูนที่ยังไม่พองตัว
- ใช้อุปกรณ์สายสวนผ่านปากและลงไปที่กระเพาะเพื่อตรวจสอบตำแหน่ง
- เติมน้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนจนพองตัวตามขนาดที่เหมาะสม
- ตรวจสอบความแข็งแรงและตำแหน่งของบอลลูนในกระเพาะ
- แพทย์ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังการใส่บอลลูน
ขั้นตอนการถอดบอลลูนกระเพาะอาหาร
- ผู้เข้ารับบริการได้รับยาระงับความรู้สึกเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้นขณะทำการถอดบอลลูน
- แพทย์ใช้อุปกรณ์ผ่านทางปากเข้าไปจับบอลลูน
- ดูดน้ำเกลือออกจากบอลลูนให้ยุบตัวลง
- ดึงบอลลูนออกจากกระเพาะอย่างระมัดระวัง
- แพทย์ทำการประเมินอาการหลังการถอดและให้คำแนะนำดูแลตัวเองต่อเนื่อง
การดูแลตัวเองหลังกลืนบอลลูน
การดูแลตัวเองหลังจากกลืนบอลลูนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการลดน้ำหนักเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลดี การปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยลดอาการไม่สบายและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมระหว่างการรักษา
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยลดอาการคลื่นไส้
- รับประทานอาหารอ่อนและย่อยง่ายในช่วงแรก เช่น ซุป โจ๊ก หรือผลไม้ที่นิ่ม
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด และเครื่องดื่มที่มีแก๊ส เพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะ
- เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอในระดับที่เหมาะสม แต่หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักในช่วงแรก
- แจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้หรืออาเจียนมากเกินไป
- ปฏิบัติตามนัดหมายเพื่อตรวจสุขภาพและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
การกลืนบอลลูนลดน้ำหนักเหมาะกับใคร
การเลือกใช้วิธีนี้ควรพิจารณาความเหมาะสมของสุขภาพและเป้าหมายการลดน้ำหนักเป็นหลัก ซึ่งการกลืนบอลลูนเพื่อการลดน้ำหนักเหมาะกับกลุ่มคน ดังนี้
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 27 – 35 ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ไม่เหมาะกับการผ่าตัด
- ผู้ที่เคยพยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ได้ผลไม่ชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการวิธีลดน้ำหนักที่มีความเสี่ยงต่ำและฟื้นตัวเร็ว
- ผู้ที่ไม่มีโรคหรือภาวะทางสุขภาพที่เป็นข้อห้ามสำหรับการใส่บอลลูน เช่น โรคกระเพาะขั้นรุนแรง หรือประวัติผ่าตัดทางเดินอาหาร
- ผู้ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทานอาหารและไลฟ์สไตล์ควบคู่ไปกับการรักษา
- ผู้ที่ต้องการได้รับคำแนะนำและดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา
ใครที่ไม่เหมาะกับการกลืนบอลลูนลดน้ำหนัก
ตามข้อมูลในข้างต้นที่กล่าวไปแล้วว่า การกลืนบอลลูนอาจมีข้อเสียหรือข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีข้อจำกัดเฉพาะตัว ดังนี้
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะ ลำไส้อักเสบ หรือกรดไหลย้อนรุนแรง
- ผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะหรือลำไส้ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงจากโครงสร้างภายในที่เปลี่ยนไป
- ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
- ผู้ที่มีปัญหาทางจิตเวช เช่น ภาวะกินผิดปกติ หรือไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมการทานได้
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ในช่วงระยะเวลาที่ใส่บอลลูน
- ผู้ที่มีความคาดหวังว่าจะลดน้ำหนักตัวมาก ๆ ในระยะเวลาสั้น
กลืนบอลลูนลดน้ำหนักแพงไหม
การกลืนบอลลูนลดน้ำหนักเป็นหัตถการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เฉพาะทาง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีลดน้ำหนักทั่วไป สำหรับราคาสำหรับการกลืนบอลลูนลดน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 120,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งราคาอาจแตกต่างกันตามแต่ละโรงพยาบาลหรือคลินิก รวมถึงประเภทของบอลลูนที่ใช้ (ชนิดเติมน้ำเกลือหรือก๊าซ) ระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในร่างกาย และการดูแลติดตามผลจากแพทย์
ทางเลือกอื่น ๆ ในการลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย สุขภาพ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยทั่วไปอาจเริ่มจากการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งแม้จะเห็นผลช้าหรือน้ำหนักตัวค่อย ๆ ลดอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ช่วยเสริมสุขภาพโดยรวมในระยะยาว
สำหรับผู้ที่ต้องการตัวช่วยเพิ่มเติม ปัจจุบันมีทางเลือกทางการแพทย์ เช่น ยาที่ทำงานโดยช่วยควบคุมความอยากอาหารและชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ยาเหล่านี้มาในรูปแบบฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือฉีดทุกวันแล้วแต่ชนิดของยา และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อดูแลให้ปลอดภัยและลดผลข้างเคียง
ในกรณีหลังจากลดน้ำหนักได้ตามที่ตั้งไว้แล้วและต้องการลดสัดส่วน เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา การดูดไขมันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ หลังดูดไขมันมีการพักฟื้นในระยะเวลาไม่นาน ช่วยปรับรูปร่างให้กระชับขึ้น แม้จะไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักโดยตรง แต่ก็เหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวคงที่หรือพอใจแล้วหลังการลดน้ำหนัก แต่ยังคงมีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก
สรุปบทความ
การกลืนบอลลูนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้หลายคนเริ่มต้นลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่การกลืนบอลลูนมีข้อเสียที่ควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างรอบด้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการข้างเคียงหลังทำ และยังต้องอาศัยความร่วมมือในการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไป เพื่อให้ผลลัพธ์ยั่งยืน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์สุขภาพ สอบถามพูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายการลดน้ำหนัก และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
Post Info
Social Media



