loader image

ท่าเล่นกล้ามที่ช่วยเฟิร์มทุกส่วน ผู้ชาย-ผู้หญิงทำได้ แม้เป็นมือใหม่!

การเริ่มต้นเล่นกล้ามไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ชาย เพราะผู้หญิงก็สามารถสร้างหุ่นเฟิร์ม กระชับ และแข็งแรงได้เช่นกัน ซึ่งการฝึกกล้ามเนื้อจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น พร้อมส่งเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกล้ามอก เล่นกล้ามแขน หรือเล่นกล้ามขา ก็ล้วนมีท่าพื้นฐานที่มือใหม่ทำตามได้ไม่ยาก โดยในบางท่ายังสามารถเล่นได้แม้ไม่มีอุปกรณ์ เช่น วิดพื้นหรือสควอต เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นที่บ้าน และเมื่อฝึกอย่างสม่ำเสมอและทำทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่ท้อง หลัง ไปจนถึงไหล่ สัดส่วนโดยรวมจะค่อย ๆ กระชับในแบบที่หลายคนต้องการ

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

เล่นกล้าม ได้มากกว่าความเฟิร์ม! ประโยชน์ที่อาจไม่เคยรู้

หลายคนอาจมองว่าการเล่นกล้าม หรือ Weight Training เป็นเพียงการสร้างรูปร่างให้ดูเฟิร์มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วประโยชน์มีมากกว่านั้น เพราะการฝึกกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเล่นกล้ามอก เล่นกล้ามท้อง เล่นกล้ามหลัง รวมถึงบริเวณแขนและขา ล้วนช่วยเสริมสมรรถภาพร่างกายโดยรวม ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่หมั่นฝึกเป็นประจำจะสังเกตได้ว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น มวลกล้ามเนื้อเพิ่ม การเผาผลาญดีขึ้น และเหนื่อยน้อยลงเมื่อทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ การเล่นกล้ามยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจ เพราะเมื่อหุ่นกระชับได้สัดส่วน ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะคนที่เลือกฝึกท่าพื้นฐาน เช่น บริเวณหน้าท้อง หรือกล้ามหลัง ซึ่งช่วยปรับโครงสร้างลำตัวให้สมดุล ส่งผลให้การยืน เดิน หรือแม้แต่การนั่งดูมั่นใจมากขึ้น และที่สำคัญ คือ ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ ทำให้สุขภาพแข็งแรงในระยะยาวอีกด้วย

ท่าเล่นกล้ามสำหรับแต่ละส่วนของร่างกาย

การเล่นกล้ามไม่ใช่เพียงแค่การสร้างหุ่นเฟิร์ม แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สมดุล และลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ การออกกำลังกายแต่ละส่วนก็มีท่าเฉพาะที่เหมาะสม หากทำถูกวิธี คุมจังหวะ และฝึกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแต่ละส่วนให้แข็งแรง และยังเหมาะกับคนที่อยากให้สัดส่วนเฟิร์มขึ้น คนที่กำลังลดน้ำหนัก และต้องการดูแลสุขภาพ

เล่นกล้ามอก

ในส่วนแรกเป็นการเล่นกล้ามหน้าอก เพื่อเป็นการสร้างกล้ามอกที่แข็งแรงช่วยเพิ่มมิติให้รูปร่าง และช่วยเสริมแรงในการออกแรงผลัก

  • วิดพื้น (Push-up) วางมือกว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย จากนั้นกดตัวลงให้หน้าอกเกือบแตะพื้น แล้วดันตัวขึ้นกลับไปที่เดิม (10–15 ครั้ง × 3 เซต) การวิดพื้นเป็นท่าเล่นกล้ามอกที่ไม่มีอุปกรณ์และฝึกได้ง่าย
  • ดัมเบลเบนช์เพรส (Dumbbell Bench Press) นอนบนม้านั่ง ถือดัมเบลไว้ระดับอก ดันขึ้นเหนืออกแล้วค่อย ๆ ลดลง (8–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • อินไคลน์เพรส (Incline Press) ปรับม้านั่งเอน 30–45 องศา ดันดัมเบลขึ้นเหนืออกแล้วลดลงช้า ๆ (8–12 ครั้ง × 3 เซต)

เล่นกล้ามท้อง

การฝึกเล่นกล้ามหน้าท้องเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยพยุงแกนกลางร่างกาย กระชับหน้าท้อง แต่ทั้งนี้ ควรทำคู่กับการคุมอาหารและคาร์ดิโอเพื่อช่วยให้หน้าท้องลีนและเห็นไลน์กล้ามเนื้อได้ชัดขึ้น เช่น ซิกแพคผู้หญิง (ร่อง 11) หรือซิกแพคแน่น ๆ ของผู้ชาย

  • ซิตอัพ (Sit-up) นอนราบ ชันเข่า มือแตะศีรษะ ยกตัวขึ้นให้ศอกใกล้เข่าแล้วค่อย ๆ ลง (12–15 ครั้ง × 3 เซต)
  • แพลงก์ (Plank) กดข้อศอกและปลายเท้าลงพื้น หลังตรง เกร็งกล้ามหน้าท้องค้างไว้ (20–40 วินาที × 3 เซต)
  • เลกเรส (Leg Raise) นอนราบ ยกขาทั้งสองขึ้นตั้งฉากกับพื้น แล้วค่อย ๆ ลดลงโดยไม่แตะพื้น (10–12 ครั้ง × 3 เซต)
เล่นกล้ามท้อง

เล่นกล้ามแขน

แขนที่เฟิร์มกระชับช่วยเพิ่มความมั่นใจ ไม่ว่าจะใส่แขนกุดหรือเสื้อรัดรูปก็มั่นใจได้ การฝึกเล่นกล้ามแขน จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรฝึกเพื่อความแข็งแรงและกระชับของกล้ามเนื้อ

  • ดัมเบลคาร์ล (Dumbbell Curl) ยืนตรง ถือดัมเบลไว้ข้างลำตัว งอข้อศอกยกดัมเบลขึ้น แล้วลดลงช้า ๆ (10–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • ทริเซ็ปดิปส์ (Tricep Dips) นั่งบนเก้าอี้ มือจับขอบด้านหลัง ค่อย ๆ ลดตัวลงแล้วดันกลับขึ้น (8–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • ฮัมเมอร์คาร์ล (Hammer Curl) ถือดัมเบลโดยหงายฝ่ามือเข้าหากัน ยกขึ้นพร้อมกัน แล้วลดลงช้า ๆ (10–12 ครั้ง × 3 เซต)

เล่นกล้ามหลัง

การมีกล้ามเนื้อหลังที่แข็งแรงไม่เพียงช่วยให้รูปร่างช่วงบนสมส่วน แต่ยังช่วยพยุงสรีระ ลดอาการปวดคอและหลัง เหมาะกับคนที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ การฝึกเล่นกล้ามหลังแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์ หรือการเล่นกล้ามหลังแบบใช้ดัมเบล ถือว่าได้ผลดี

  • ดัมเบลโรว์ (Dumbbell Row) ก้าวขาหนึ่งข้างไปข้างหน้า มืออีกข้างยันม้านั่ง ใช้ดัมเบลดึงขึ้นข้างลำตัว แล้วลดลง (8–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • พูลอัพ (Pull-up) เริ่มด้วยการจับบาร์ให้กว้างพอดี ลากตัวขึ้นจนคางพ้นบาร์ แล้วลดตัวลงช้า ๆ (5–8 ครั้ง × 3 เซต)
  • ซุปเปอร์แมน (Superman) ท่าเล่นหลังที่เริ่มด้วยการนอนคว่ำ กางแขนไปด้านหน้า ยกแขนและขาพร้อมกันขึ้นสูง ค้างไว้ 15–20 วินาที (3 เซต)

เล่นกล้ามขา

การฝึกเล่นกล้ามขาช่วยให้เคลื่อนไหวคล่องตัว เผาผลาญพลังงานได้ดี และยังช่วยลดความเสี่ยงอาการบาดเจ็บข้อต่อ โดยเฉพาะท่าเล่นกล้ามขาที่ไม่มีอุปกรณ์ ก็สามารถทำที่บ้านได้ง่าย ๆ

  • สควอท (Squat) ยืนกว้างระดับไหล่ ย่อตัวลงให้ต้นขาขนานพื้น แล้วดันตัวกลับขึ้นยืน (12–15 ครั้ง × 3 เซต)
  • ลันจ์ (Lunge) ก้าวขาไปข้างหน้า ย่อตัวลงให้เข่าหลังเกือบแตะพื้น แล้วยืนกลับขึ้น (10–12 ครั้งต่อข้าง × 3 เซต)
  • เลกเพรส (Leg Press) ท่าออกกำลังกายขาด้วยการนั่งเครื่องเลกเพรส วางเท้าระดับไหล่ ดันแผ่นน้ำหนักขึ้นแล้วลดลงช้า ๆ (10–12 ครั้ง × 3 เซต)

เล่นกล้ามไหล่

ช่วงไหล่เป็นอีกส่วนที่ทำให้ช่วงบนดูสมดุลและมีมิติ การฝึกเล่นกล้ามไหล่จะช่วยให้สัดส่วนช่วงไหล่-แขนดูชัดเจน แข็งแรง และใส่เสื้อผ้าโชว์หัวไหล่ได้สวย รวมถึงมีเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงขึ้น

  • โชลเดอร์เพรส (Shoulder Press) นั่งหรือยืนถือดัมเบลระดับไหล่ ดันขึ้นเหนือศีรษะแล้วลดลง (8–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • ลิฟเทอรัลเรส (Lateral Raise) ถือดัมเบลข้างลำตัว ยกออกด้านข้างให้สูงระดับไหล่ แล้วลดลง (10–12 ครั้ง × 3 เซต)
  • ฟรอนท์เรส (Front Raise) ถือดัมเบลข้างลำตัว แล้วยกไปข้างหน้าให้สูงระดับไหล่ (10–12 ครั้ง × 3 เซต)

เล่นกล้ามสำหรับมือใหม่ ต้องรู้อะไรก่อนเริ่ม

การเริ่มต้นเล่นกล้ามไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่สิ่งสำคัญ คือ การวางแผนให้ถูกต้อง ทั้งเรื่องระยะเวลา ความถี่ในการฝึก ไปจนถึงการดูแลร่างกายระหว่างออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

ระยะเวลาและความถี่ในการฝึก

ในการสร้างเสริมกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามผู้ชายและในผู้หญิง สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยการฝึกประมาณ 30–45 นาทีต่อครั้ง และควรฝึก สัปดาห์ละ 3–4 วัน โดยเว้นวันพักให้ร่างกายได้ฟื้นตัว การพักผ่อนถือเป็นช่วงเวลาที่กล้ามเนื้อจะซ่อมแซมและเติบโต ไม่จำเป็นต้องฝึกทุกวันติดต่อกัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการล้าและไม่เห็นผลที่ชัดเจน

ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง

  • ผู้ชาย เน้นการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้ดูใหญ่และหนา จึงเลือกใช้น้ำหนักที่มากขึ้นและจำนวนครั้งที่น้อยลง (8–12 ครั้งต่อเซต)
  • ผู้หญิง มักต้องการความกระชับและรูปร่างที่สมส่วน จึงเหมาะกับการใช้ดัมเบลน้ำหนักเบา–ปานกลาง และทำจำนวนครั้งมากขึ้น (12–15 ครั้งต่อเซต) เพื่อเน้นความทนทานมากกว่าขยายกล้ามเนื้อ

ข้อควรระวังและการฟังสัญญาณร่างกาย

  • หากรู้สึกเจ็บผิดปกติ (เช่น ปวดแปลบ ๆ ที่ข้อต่อ) ควรหยุดทันที ไม่ฝืน
  • ควรเริ่มด้วยน้ำหนักเบา และเพิ่มน้ำหนักทีละน้อยเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้
  • คุมท่าทางให้ถูกต้อง สำคัญกว่าการยกน้ำหนักเยอะ ๆ
  • แนะนำให้วอร์มอัพ 5–10 นาทีก่อนฝึก และยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังฝึกทุกครั้ง

แนะนำ! เคล็ดลับเพิ่มเติมให้การเล่นกล้ามเห็นผลชัดเจน

การเล่นกล้ามไม่ได้วัดผลแค่จากจำนวนครั้งหรือความหนักของการฝึกเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการดูแลองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อการสร้างกล้ามเนื้อและการฟื้นฟูร่างกาย หากอยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งในแง่ของหุ่นเฟิร์ม กล้ามเนื้อแข็งแรง และสุขภาพที่ดีขึ้น การให้ความสำคัญกับปัจจัยเสริมเหล่านี้ถือว่าจำเป็นอย่างมาก

การกินโปรตีนให้ถึง

ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะโปรตีนที่เป็นสารอาหารหลักในการเสริมสร้างกล้ามด้วยการเล่นกล้าม โดยปริมาณโปรตีนที่แนะนำสำหรับคนที่ออกกำลังกายและต้องการสร้างกล้ามเนื้อ คือ ประมาณ 1.6–2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เช่น หากคุณหนัก 60 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนเฉลี่ย 96–120 กรัมต่อวัน สามารถเลือกจากอาหารธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ขาว ปลา ถั่ว เต้าหู้ หรือเสริมด้วยเวย์โปรตีน

การพักผ่อนที่เพียงพอ

หลายคนอาจคิดว่าการเล่นกล้ามบ่อย ๆ หนัก ๆ จะช่วยให้กล้ามขึ้นเร็ว แต่จริง ๆ แล้วร่างกายต้องการการพักเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งาน เมื่อกล้ามเนื้อได้รับการซ่อมแซมในช่วงนอนหลับ จึงทำให้แข็งแรงและใหญ่ขึ้นได้อย่างแท้จริง คนที่เล่นกล้ามควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อวัน และจัดวันพัก (Rest Day) 1–2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการล้าและการบาดเจ็บสะสม

การจัดตารางฝึกกล้ามเนื้อให้สมดุล

การฝึกกล้ามเนื้อแต่ละส่วนควรมีความสมดุล ไม่ควรเน้นเฉพาะเล่นกล้ามท้องหรือกล้ามแขนมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายไม่สมส่วน ซึ่งตารางฝึกที่ดีควรจัดให้ครบทุกส่วน เช่น วันหนึ่งเล่นกล้ามอกและแขน อีกวันเล่นกล้ามขาและหลัง และอาจสลับไปเล่นกล้ามไหล่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและได้สัดส่วนสวยงาม ลดปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออาการเจ็บเรื้อรังที่เกิดจากการใช้งานไม่สมดุล

ทางเลือกตัวช่วยทางการแพทย์

สำหรับบางคน แม้จะเล่นกล้ามอย่างต่อเนื่อง แต่ยังรู้สึกว่าสัดส่วนยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ปัญหามักเกิดจากไขมันส่วนเกินที่ปกคลุมกล้ามเนื้อเอาไว้ ทำให้กล้ามไม่เด่นชัด การดูดไขมันเฉพาะจุด เช่น โปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line เน้นหน้าท้องที่ลีน เห็นไลน์กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ชัดขึ้น, ดูดไขมันต้นแขน หรือการดูดไขมันต้นขา จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเน้นกล้ามเนื้อให้เห็นเป็นลอนชัด สร้างเส้นสวยงามเหมือนนักกีฬา ผสานกับการฝึกเล่นกล้ามและโภชนาการที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้หุ่นฟิตและเฟิร์มขึ้น

นอกจากนี้ สำหรับใครที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรม ยังสามารถมองหาทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อได้ ยกตัวอย่างที่เป็นที่นิยม เช่น โปรแกรม TESLA Former ซึ่งใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ Functional Magnetic Stimulation (FMS) ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทำงานและพัฒนาได้เร็วขึ้น หรือจะเป็นเทคโนโลยีอื่น ๆ หลายประเภท สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้

แชร์ :

สรุปบทความ

การเล่นกล้ามไม่ใช่เรื่องยากและไม่จำกัดเพศหรือวัย ทุกคนสามารถเริ่มได้แม้เป็นมือใหม่ แค่เลือกท่าที่เหมาะสมและฝึกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการฝึกท่าเล่นกล้ามที่ดีต้องควบคู่กับวินัยและโภชนาการ จะช่วยให้ได้ทั้งหุ่นเฟิร์ม แข็งแรง สุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าเราจะเริ่มจากศูนย์หรือมีประสบการณ์มาแล้ว การลงมือฝึกอย่างสม่ำเสมอและเลือกใช้วิธีที่ถูกต้อง คือ ด่านแรกสู่การเปลี่ยนแปลง หุ่นในฝันไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม

หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดรูปร่างและรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับโปรแกรม After Care ของเรา สามารถติดต่อสอบถามทีมเจ้าหน้าที่ของ AM International Hospital ได้ตามช่องทางดังนี้

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม