loader image

โปรแกรมฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน? แต่ละยี่ห้อและรุ่นต่างกันอย่างไร?

โปรแกรมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

    โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ทำไมแต่ละคนทำมาแล้วถึงอยู่ได้นานไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อและชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน สำหรับใครที่อยากทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย คือ การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์หลังทำ รวมถึงการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเพื่อให้สารเติมเต็มฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ทำแล้วตอบโจทย์กับความต้องการและมีความคุ้มค่า

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

ฟิลเลอร์คืออะไร? ทำไมถึงช่วยเติมเต็มใบหน้าได้

   ฟิลเลอร์  (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ โดยมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มผิว เก็บกักความชุ่มชื่น และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัย เช่น เติมวอลลุ่มบริเวณที่มีการยุบตัว เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกให้ตื้นขึ้น ช่วยทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว จึงช่วยให้ใบหน้าโดยรวมแลดูอ่อนวัย หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แล้วสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้เลย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?

     หลังทำโปรแกรมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน โดยทั่วไปแล้ว หลังการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง จะให้ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของสารเติมเต็มที่เลือกใช้แตกต่างกัน โดยเมื่อเวลาผ่านไป สารเติมเต็มจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งหากอยากให้ผลลัพธ์คงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถกลับมาทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมได้อีก ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดของสารเติมเต็มที่เหมาะสมกับสภาพผิวและตำแหน่งที่ฉีด

ทำไมผลลัพธ์สารเติมเต็มแต่ละแบบ อยู่ได้นานไม่เท่ากัน?

     สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ทำไมสารเติมเต็มแต่ละแบบถึงอยู่ได้นานไม่เท่ากัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลังที่ส่งผลให้สารเติมเต็มมีคุณสมบัติต่างกัน ดังนี้

ใส่สายเดรนเพื่อระบายน้ำเลือดและยาชา

       สายเดรน (Drain) เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์ใช้สำหรับระบายน้ำเลือดและของเหลวส่วนเกินออกจากบริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งจะช่วยลดแรงดันใต้ผิวหนัง ป้องกันการเกิดก้อนแข็งหรือซีสต์ได้ในระยะยาว

ชนิดของสารเติมเต็ม (HA vs Non-HA)

   สารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักของ HA (Hyaluronic Acid) ให้ผลลัพธ์ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของสารเติมเต็ม รวมถึงมีระดับความแข็ง ความยืดหยุ่น การคงรูป การระจายตัว และการอุ้มน้ำแตกต่างกัน ส่วนสารเติมเต็ม Non-HA ไม่ได้ทำมาจาก HA แต่เป็นสารประกอบหลักชนิดต่าง ๆ เช่น Calcium Hydroxyapatite และ Poly-L-Lactic Acid เป็นต้น ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่นานกว่า

สารเติมเต็ม HA

  • ผลลัพธ์ : เห็นผลได้เลยหลังทำ เน้นการเติมวอลลุ่ม เติมเต็มร่องลึก และช่วยให้ผิวชุ่มชื่น
  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : ประมาณ 6 – 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ชนิด และการดูแลตัวเอง)

สารเติมเต็ม Non-HA

  • ผลลัพธ์ : ปรับปรุงคุณภาพผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มเห็นผลใน 1 – 2 เดือน เน้นกระตุ้นการฟื้นฟู

                โครงสร้างผิวภายในให้แข็งแรง ยืดหยุ่น อ่อนวัย

  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : ประมาณ 1 – 2 ปี* (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเอง)

เทคโนโลยีการผลิตและโครงสร้างโมเลกุลของสารเติมเต็ม

     การผลิตสารเติมเต็มแต่ละยี่ห้อใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ได้สารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ลักษณะเนื้อเจล ความยืดหยุ่น ขนาดโมเลกุลของเจล รวมถึงปริมาณสาร HA ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการกระจายตัวและความทนทานต่อการสลายตัวในชั้นผิวหนัง

ความเข้มข้นและการเชื่อมพันธะ (Cross-linking)

     สารเติมเต็มฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการเชื่อมพันธะของ HA ที่เรียกว่า Cross-linking เป็นการเชื่อมต่อโมเลกุลของสาร HA ด้วยสาร BDDE ทำให้สารเติมเต็ม HA มีความเข้มข้น หนาแน่น และคงรูป โดยหากสารเติมเต็มที่มีการ Cross-linking มากก็จะช่วยให้คงรูปได้นานขึ้น สลายได้ช้ากว่า แต่อาจมีข้อเสียตรงที่หากมีการใช้ BDDE มากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่า

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อระยะเวลาของสารเติมเต็ม

     หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งระยะเวลาที่ไม่เท่ากันมีผลมาจากยี่ห้อและรุ่นของสารเติมเต็มที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด เทคนิคการฉีดของแพทย์ กลไกการย่อยสลายของแต่ละคน รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำ

ยี่ห้อและรุ่นของสารเติมเต็มที่เลือกใช้

    สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ทั้งในด้านความนุ่ม ความหนาแน่น ระดับการเชื่อมพันธะ ยี่ห้อที่มีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและโครงสร้างโมเลกุลที่ซับซ้อน มักให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า ซึ่งสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้นั่นเอง

ตำแหน่งที่ฉีดบนใบหน้า

     ตำแหน่งที่ฉีดสารเติมเต็มส่งผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องขยับบ่อย ๆ เช่น บริเวณริมฝีปากและร่องแก้ม ซึ่งมีส่วนที่อาจทำให้สารเติมเต็มสลายได้เร็วกว่าบริเวณอื่นที่ไม่ได้ขยับบ่อย อย่างบริเวณคางหรือขมับ

เทคนิคของแพทย์ผู้ฉีด

   เทคนิคการวางตำแหน่งและระดับชั้นผิวที่ฉีดเป็นสิ่งสำคัญ หากแพทย์ที่มีทักษะและความชำนาญจะสามารถวางสารเติมเต็มได้ถูกชั้นถูกตำแหน่ง ซึ่งสารเติมเต็มจะกระจายตัวดีและคงรูปได้นาน ลดความเสี่ยงการสลายเร็วหรือเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์

กลไกการย่อยสลายของร่างกายแต่ละบุคคล

     สารเติมเต็มฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในของร่างกายแต่ละคน เช่น ระดับเอนไซม์ที่ย่อยสลายสาร HA ตามธรรมชาติ รวมถึงโครงสร้างผิวและการตอบสนองของร่างกายต่อสารเติมเต็ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

    การดูแลหลังฉีดมีผลต่อความคงทนของผลลัพธ์ เช่น หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีด พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ เช่น การออกกำลังกายหนักหรือโดนความร้อนจัด อาจเร่งการสลายตัวของสารเติมเต็มฟิลเลอร์ได้

สารเติมเต็มแต่ละยี่ห้อ/รุ่น อยู่ได้นานแค่ไหน

     สารเติมเต็มฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้ตามตำแหน่งที่จะฉีด ซึ่งในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม HA ที่ได้มาตรฐานมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้แต่ละยี่ห้อและรุ่นต่างก็มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน

โปรแกรมฟิลเลอร์ Restylane

ใช้เทคโนโลยี NASHA ทำให้เจลเนื้อแน่น คงรูปดี และเทคโนโลยี OBT ช่วยให้เจลนุ่ม ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับจุดที่เคลื่อนไหวบ่อย

  • Restylane Lidocaine เติมเต็มทั่วไป อยู่ได้ 9 – 12 เดือน
  • Restylane Lyft เจลแน่น เหมาะกับคาง ขมับ อยู่ได้ 12 – 18 เดือน
  • Restylane Kysse เนื้อนุ่ม ใช้ฉีดริมฝีปาก อยู่ได้ 9 – 12 เดือน
  • Restylane Refyne ยืดหยุ่นสูง ฉีดใต้ตา ร่องเล็ก อยู่ได้ 6 – 9 เดือน
  • Restylane Defyne สำหรับร่องลึกที่ขยับบ่อย อยู่ได้ 12 เดือน

โปรแกรมฟิลเลอร์ Juvederm

ใช้เทคโนโลยี Vycross ซึ่งเป็นการผสมผสานโมเลกุลขนาดเล็กและใหญ่ ทำให้เจลมีความเนียนละเอียด ฉีดแล้วกระจายตัวกลืนไปกับเนื้อผิวได้ดี

  • Juvederm Voluma เนื้อแน่น ใช้ยกแก้ม ฉีดคางและขมับ อยู่ได้ 18 – 24 เดือน
  • Juvederm Volift ใช้เติมร่องแก้ม อยู่ได้ 12 – 18 เดือน
  • Juvederm Volbella เนื้อละเอียด ใช้ฉีดใต้ตาและริมฝีปาก อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Ultra XC ฉีดเติมปาก ร่องแก้ม อยู่ได้ 9 – 12 เดือน
  • Juvederm Ultra Plus XC สำหรับการยกกระชับ อยู่ได้ 12 – 18 เดือน

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero

ใช้เทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ที่ทำให้เนื้อเจลกระจายตัวสม่ำเสมอและแนบเนียนกับผิว ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ

  • Belotero Soft เนื้อละเอียด ใช้กับริ้วรอยตื้น อยู่ได้ 6 – 9 เดือน
  • Belotero Balance เติมร่องเล็ก ๆ ร่องแก้ม อยู่ได้ 9 – 12 เดือน
  • Belotero Intense เติมร่องลึก อยู่ได้ 12 – 18 เดือน
  • Belotero Volume ใช้ฉีดขมับและคาง อยู่ได้ 12 – 18 เดือน

โปรแกรมฟิลเลอร์ Neuramis

ใช้เทคโนโลยี SHAPE (Stabilized Hyaluronic Acid & Purification Enhancement) ทำให้เนื้อเจลมีความคงตัวสูง และได้สารเติมเต็ม HA ที่มีความบริสุทธิ์

  • Neuramis Deep ใช้ฉีดริมฝีปาก ร่องแก้ม อยู่ได้ 6 – 12 เดือน
  • Neuramis Volume สำหรับฉีดคาง แก้ม อยู่ได้ 12 – 18 เดือน
  • Neuramis Light เติมเต็มริ้วรอยตื้น อยู่ได้ 6 – 9 เดือน

โปรแกรมฟิลเลอร์ Yvoire

ใช้เทคโนโลยี HICE (High Concentration Equalized Cross-linking) ทำให้เจลมีความหนาแน่น แต่ยังคงความยืดหยุ่นดี ช่วยให้สารเติมเต็มฟิลเลอร์คงรูปได้นาน

  • Yvoire Classic Plus ใช้กับร่องแก้ม ริ้วรอยระดับปานกลาง อยู่ได้ 6 – 9 เดือน
  • Yvoire Volume Plus เจลแน่น ใช้ฉีดคาง ขมับ หรือจมูก อยู่ได้ 9 – 12 เดือน
  • Yvoire Contour เหมาะกับการยกกระชับปรับรูปหน้า เช่น กรอบหน้า อยู่ได้ 12 – 18 เดือน

วิธีทำให้สารเติมเต็มอยู่ได้นานขึ้น ต้องทำได้อย่างไร?

    แม้ว่าสารเติมเต็มฟิลเลอร์จะสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่การเลือกชนิดของสารเติมเต็มให้เหมาะสมและการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

  • เลือกชนิดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาและตำแหน่ง
  • ดูแลตัวเองหลังฉีดตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้สารเติมเต็มสลายเร็ว เช่น การออกกำลังกายหนักเกินไป หรือโดนความร้อนบ่อย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและบำรุงผิว เพราะไฮยาลูรอนิค แอซิด ดูดซับน้ำได้ดี ผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้สาร HA หรือฟิลเลอร์ดูเต็มได้นานขึ้น

สารเติมเต็ม HA สลายได้เองจนหมดจริงไหม?

     สารเติมเต็ม HA หรือกรดไฮยาลูรอนิก เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และสามารถย่อยสลายได้เอง โดยเอนไซม์ในร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง หากเป็นสารเติมเต็มฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและได้มาตรฐาน จะคงผลลัพธ์ตามระยะเวลาและจากนั้นจะสลายได้หมด ทั้งนี้ ระยะเวลาที่สารเติมเต็มสลายได้เองจนหมดอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลและตำแหน่งที่ฉีด

หลังสารเติมเต็มสลาย ผิวจะแย่กว่าเดิมหรือไม่?

   โดยทั่วไป หลังสารเติมเต็ม HA สลายแล้ว ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมเหมือนตอนก่อนฉีด ไม่ได้ทำให้ผิวดูแย่ลงหรือหย่อนคล้อยมากกว่าเดิม ซึ่งหากใช้สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ที่มีทักษะด้านการฉีดสารเติมเต็มและหลักกายวิภาคศาสตร์ใบหน้า ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็จะไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิว ช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน

ควรกลับมาฉีดซ้ำทุก ๆ กี่เดือน?

      หลังจากทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามอายุของสารเติมเต็มฟิลเลอร์ 6 – 24 เดือน หรือเริ่มสังเกตเห็นว่ามีการสลาย หรือกรณีที่ฉีดไปแล้วอยากเติมเพิ่ม แนะนำให้เว้นระยะห่าง 2 – 4 สัปดาห์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินจากสภาพผิวและเติมในบริเวณที่เริ่มยุบตัว เพื่อคงผลลัพธ์ให้ดูเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง

คุณหมอชวนคุย "ฟิลเลอร์ถาวร" มีจริงหรือไม่? ควรฉีดหรือเปล่า?

   หลายคนสงสัยและถามกันเข้ามาเยอะว่า ฟิลเลอร์ถาวรมีจริงไหม? คำตอบ คือ มีครับ แต่เป็นชนิดที่หมอไม่แนะนำให้ใช้ เพราะฟิลเลอร์ถาวรมักเป็นสารประเภทซิลิโคนเหลวหรือสารแปลกปลอมอื่น ๆ ที่ไม่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ แน่อนอนว่าถ้าฉีดเข้าไปแล้วย่อมทำให้เกิดปัญหาตามมา อย่างอาการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นก้อน หรือไหลผิดตำแหน่ง ซึ่งการเอาสารพวกนี้ออกมาทำได้ค่อนข้างยาก และบางกรณีก็ต้องผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

ตรงกันข้ามกับสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายเรามีอยู่แล้ว สามารถสลายได้เองตามเวลา และยังเป็นชนิดที่ได้รับการรับรอง รวมถึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ในกรณีที่อยากเอาสาร HA ออกก่อนระยะเวลาสลาย ก็สามารถใช้วิธีแก้ไขฟิลเลอร์ได้ เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับปรับรูปหน้าหรือเติมเต็มจุดต่าง ๆ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงในระยะยาวครับ – นพ.วัชพล ธนมิตรามณี (แพทย์ผู้สอนโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์)

เลือกโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? แนะนำที่ AM International Hospital

     ที่ AM International Hospital เราให้ความสำคัญในเรื่องของผลลัพธ์ที่ดี ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ซึ่งการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์นับว่าเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงต้องมีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน

ทีมแพทย์ที่มีทักษะด้านการยกกระชับปรับรูปหน้า

     ทีมแพทย์ที่มีองค์ความรู้และความชำนาญ ซึ่งสามารถออกแบบตำแหน่งการฉีดให้เหมาะสมกับสัดส่วน ช่วยแก้ไขปัญหาและเสริมจุดเด่นได้อย่างลงตัว ผสานกับการใช้เทคนิค Triple Layer Lift ที่สามารถตอบโจทย์กับปัญหารูปหน้าที่แตกต่างกัน โดยเป็นการฉีดสารเติมเต็ม HA เข้าไปในชั้นผิว 3 ชั้น คือ ชั้นเหนือกระดูก ชั้นไขมัน และชั้นผิวใต้ผิวหนัง ซึ่งแพทย์สามารถเลือกปรับใช้ให้ตรงกับปัญหา รวมถึงเลือกใช้ขนาดโมเลกุลของสารเติมเต็มที่ต่างกันในแต่ละชั้น ช่วยให้ผลลัพธ์ดูละมุนและแลดูเป็นธรรมชาติ

ใช้สารเติมเต็มที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง

   ที่ AM International Hospital เราคัดสรรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม HA ที่ผ่านการรับรองและได้มาตรฐาน โดยมีให้เลือกหลากหลายี่ห้อและรุ่น เพื่อให้เหมาะกับปัญหาเฉพาะจุด รวมถึงผลลัพธ์ที่ดี ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล และอยู่ได้นานตามมาตรฐานของแต่ละรุ่น

ประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

     ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่ AM International Hospital แพทย์จะทำการประเมินปัญหาอย่างละเอียดในแต่ละเคสตามหลักกายวิภาคศาสตร์ สัดส่วนใบหน้า และสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นชนิดของฟิลเลอร์ ตำแหน่งการฉีด หรือเทคนิคที่ใช้ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างถูกจุด ทำให้รูปหน้าดูดีขึ้นและยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อยู่

แชร์ :

สรุป

     ทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดและยี่ห้อของสารเติมเต็มฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด เทคนิคของแพทย์ พฤติกรรมและการดูแลหลังการรักษา หากต้องการผลลัพธ์ที่สวยและอยู่ได้นาน ควรเลือกสารเติมเต็มฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ทำการรักษากับแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ และเข้ารับการประเมินอย่างละเอียดก่อนการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความต้องการและลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่อาจตามมาได้

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!