หลายคนพยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่กลับไปเห็นผล หรือกลับมาอ้วนอีกครั้งแบบไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไร หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ภาวะอ้วนจากฮอร์โมน หรือ อ้วนเพราะฮอร์โมน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของพฤติกรรมการกินเท่านั้น แต่ฮอร์โมนในร่างกายมีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญ ความหิว ความเครียด การเก็บไขมัน และการลดน้ำหนักแบบระยะยาว หากมีความเข้าใจถึงสาเหตุและมีการปรับให้เหมาะสม ก็สามารถกลับมาควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามธรรมชาติของร่างกาย
เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง
อ้วนเพราะฮอร์โมน คืออะไร
ภาวะ “อ้วนเพราะฮอร์โมน” คือภาวะที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยทางการแพทย์โดยตรง แต่เป็นคำที่ใช้อธิบายสภาวะที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือการสะสมไขมันผิดปกติ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเสียสมดุลของฮอร์โมนสำคัญหลายชนิดในร่างกาย ฮอร์โมนเหล่านี้มีหน้าที่ควบคุมกระบวนการทางชีวภาพที่ซับซ้อน เช่น อัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism), ระดับความอยากอาหาร (Appetite), การจัดเก็บไขมัน, และแม้กระทั่งวงจรการนอนหลับของแต่ละบุคคล
เมื่อฮอร์โมนหลัก ๆ เกิดความผิดปกติ เช่น มีภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance), ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) สูงแบบเรื้อรัง (ฮอร์โมนความเครียด), ความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์, หรือมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ จะส่งผลให้ร่างกายเกิดการดื้อต่อกระบวนการเผาผลาญไขมัน มีการสะสมไขมันส่วนเกินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง เอว และสะโพก ซึ่งทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากและท้าทายมากขึ้น แม้จะพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ เช่น ช่วงมีรอบเดือน วัยใกล้หมดประจำเดือน หรือวัยทอง (Menopause) การผันผวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมักจะกระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันแบบผู้หญิง (Gynoid Fat Distribution) คือมีลักษณะอ้วนเฉพาะจุด บริเวณสะโพก ต้นขา หรือหน้าท้องส่วนล่าง การทำความเข้าใจบทบาทของฮอร์โมนเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการปัญหาน้ำหนักตัวระยะยาว
สาเหตุหลักของการอ้วนฮอร์โมน
การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนมักไม่ได้มาจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของความผิดปกติที่เกี่ยวโยงกันของระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งทำให้ร่างกายจัดเก็บไขมันมากยิ่งขึ้น การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้เราพุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาได้อย่างแม่นยำ
- ความเครียดเรื้อรัง การหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากกว่าปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้อวกับระบบเผาผลาญอื่น ๆ ด้วย
- ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) เซลล์ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินลดลง ทำให้ต้องผลิตอินซูลินออกมามากเกินไป ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมันสะสม
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ ระดับเอสโตรเจนที่สูงหรือต่ำเกินไปในผู้หญิง หรือระดับเทสโทสเตอโรนที่ลดลงในผู้ชาย ล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสะสมไขมัน
- อายุที่เพิ่มขึ้น การลดลงของฮอร์โมนสำคัญหลายชนิด เช่น Growth Hormone (GH) ทำให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานลดลงตามธรรมชาติ
- ขาดการพักผ่อน การนอนน้อยรบกวนการทำงานของฮอร์โมนความอิ่ม (Leptin) และฮอร์โมนความหิว (Ghrelin) ทำให้ร่างกายรู้สึกหิวบ่อยขึ้นและจัดเก็บพลังงานเป็นไขมันได้ง่าย
- การใช้ยาคุม ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายโดยเฉพาะในผู้หญิง
- ภาวะ PCOS (ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ) เป็นภาวะที่ผู้หญิงมีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน และทำให้น้ำหนักขึ้นง่ายและลดยาก
10 วิธีลดความอ้วนเพราะฮอร์โมน
ปัญหาที่หลายท่านเผชิญคือการที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงยาก แม้จะมีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดก็ตาม อาการที่มาพร้อมกัน เช่น ความเหนื่อยล้า อาการบวม หรือการสะสมไขมันเฉพาะส่วนที่ต้องการลดพุงเร่งด่วน อาจไม่ได้มีสาเหตุจากพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งเป็นที่มาของภาวะอ้วนเพราะฮอร์โมน
คำถามสำคัญคือหากอ้วนเพราะฮอร์โมน ลดยังไงได้บ้าง? แนวทางแก้ไขแบบระยะยาวคือการมุ่งเน้นไปที่การปรับสมดุลสุขภาพจากภายใน โดยการจัดการความเครียด การปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ และการเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของฮอร์โมน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของ 10 วิธีที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้
1. ตรวจเช็กระดับฮอร์โมนกับแพทย์ก่อน
ตรวจเช็กระดับฮอร์โมนกับแพทย์ ก่อนที่จะเริ่มต้นลดน้ำหนัก ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจเลือดหาฮอร์โมนที่อาจผิดปกติ เช่น อินซูลิน คอร์ติซอล ไทรอยด์ เอสโตรเจน ฯลฯ การได้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้เรื่องการวางแผนการลดน้ำหนักได้ถูกจุด ไม่เสียเวลาและลดแนวโน้มในการเกิดผลข้างเคียง
2. ปรับอาหารเน้นสมดุลน้ำตาลในเลือด
อ้วนเพราะฮอร์โมน จึงต้องมีการปรับอาหารเน้นสมดุลน้ำตาลในเลือด เลือกรับประทานที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวกล้อง คีนัว ผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช หลีกเลี่ยงของหวาน น้ำหวาน น้ำตาลสูง เพราะจะทำให้ไปกระตุ้นอินซูลิน และเกิดไขมันสะสม
3. ลดภาวะเครียด (ลดคอร์ติซอล)
การลดภาวะเครียด หมั่นผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่ชื่นชอบ หรือจะเป็นการเดินเล่น โยคะ ฟังเพลง หรือทำสมาธิ ควมเครียดสะสมจะกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ฮอร์โมนความเครียดที่มาจากร่างกาย ทำให้เกิดไขมันสะสมโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง อาจทำให้อ้วนเพราะฮอร์โมน
4. เลือกออกกำลังกายที่เหมาะกับร่างกาย
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกาย ออกกำลังกายเบาหรือมีความสม่ำเสมอ สามารถทำได้โดยการทำกิจกรรม เช่น โยคะ พิลาทิส เดินเร็ว หรือการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งเบา ๆ จะช่วยให้กระตุ้นการเผาผลาญ โดยไม่กระตุ้นฮอร์โมนความเครียดมาจากร่างกายมากเกินไป หลีกเลี่ยงคาร์ดิโอหนัก หากมีฮอร์โมนความเครียดสูงเกินไป
5. นอนหลับให้เพียงพอ
การจัดการกับภาวะอ้วนเพราะฮอร์โมนจะประสบความสำเร็จได้ยากหากขาดการนอนหลับที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการปรับสมดุลฮอร์โมนทั้งหมด การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิว-อิ่มให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยปรับระดับความอยากอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การนอนที่เพียงพอยังช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจำเป็นต่อการฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้กลับมาทำงานได้เต็มที่ หากนอนน้อยเป็นประจำ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดสะสมไขมันทันที และนั่นคือสัญญาณว่าฮอร์โมนของกำลังถูกโจมตีนั่นเอง
6. ลดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
อ้วนเพราะฮอร์โมนอาจจะเกิดจากการดื่มคาเฟอีนและดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหลายคนมักไม่รู้ตัว โดยทั้งสองอย่างนี้ อาจไปรบกวนการหลั่งของฮอร์โมนของร่างกายและยังไปกระตุ้นระดับคอร์ติซอลให้สูงขึ้น จึงควรดื่มให้น้อยลงหรือหลีกเลี่ยงไปเลย โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายพยายามลดน้ำหนัก
7. เสริมอาหารที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
การปรับสมดุลฮอร์โมนต้องใช้ตัวช่วยจากสารอาหารที่มีคุณภาพสูง อาหารบางชนิดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีบทบาทสำคัญในการควบคุมฮอร์โมนให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่น น้ำมันปลา (Omega-3) ที่ช่วยลดการอักเสบเรื้อรัง และผักตระกูลกะหล่ำที่ช่วยร่างกายขับเอสโตรเจนส่วนเกินออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้หญิง การบริโภคถั่วเหลืองหมักในปริมาณเหมาะสมยังช่วยในการปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกด้วย อย่าลืมว่าการกินวิตามินก็สำคัญไม่แพ้การกินอาหารหลักเช่นกัน
8. จัดการอาการดื้ออินซูลิน
ปัญหาการดื้ออินซูลินเป็นหัวใจสำคัญของการอ้วนเพราะฮอร์โมน ดังนั้นการแก้ไขจึงต้องเริ่มจากการจัดระเบียบพฤติกรรมการกินอย่างเคร่งครัด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ลดน้ำตาล และงดการทานของจุบจิบ ระหว่างมื้อ เพื่อให้ระดับอินซูลินมีเวลาลดลงสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ การเสริมแร่ธาตุและสารสกัดที่ช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน เช่น แมกนีเซียม, โครเมียม, หรือ เบอร์เบอรีน (Berberine) จะช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น และลดการสะสมไขมันได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น
9. ปรับรอบเดือนให้ปกติ (สำหรับผู้หญิง)
สำหรับผู้หญิง การที่รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือผิดปกติอย่างเรื้อรัง มักเป็นสัญญาณเตือนสำคัญของความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับภาวะ PCOS ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะอ้วนเพราะฮอร์โมน และการลดได้ยาก ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกจุด รวมถึงการวางแผนทางโภชนาการที่เหมาะสม จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาน้ำหนักตัวที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ
10. อย่าใช้วิธีอดอาหารแบบผิด ๆ
อย่าใช้วิธีอดอาหารแบบผิด ๆ การอดอาหารหรือควบคุมแคลอรี่มากเกินไป จะทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดสะสมพลังงาน ส่งผลให้การเผาผลาญช้าลง และอาจกระทบฮอร์โมนในระยะยาว ควรเน้นการกินอาหารครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนและไขมันให้เพียงพอ
จะรู้ได้ยังไงว่าเราอ้วนเพราะฮอร์โมน
- มีน้ำหนักขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าพฤติกรรมการบริโภคอาหารจะคงเดิม หรือพยายามลดน้ำหนักอย่างจริงจังแล้วแต่ไม่ได้ผล
- มีไขมันสะสมในบริเวณที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ไขมันที่หน้าท้องส่วนล่าง (สัมพันธ์กับคอร์ติซอล/อินซูลิน) ต้นแขน หรือต้นขา
- มีอาการหิวบ่อยผิดปกติ ควบคุมความอยากอาหารได้ยาก หรือมีอารมณ์แปรปรวนที่นำไปสู่การบริโภคอาหารมากเกินไป
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมีอาการอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ เช่น ภาวะ PCOS
- มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง, บวมน้ำ, หรือปวดศีรษะบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากฮอร์โมนที่แปรปรวน
- ผิวมัน มีสิวขึ้นมากผิดปกติ หรือมีขนดก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการมีฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบความผิดปกติของระดับฮอร์โมนสำคัญ เช่น อินซูลิน, คอร์ติซอล, หรือฮอร์โมนไทรอยด์
สรุปบทความ
อ้วนเพราะฮอร์โมนไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่แค่เรื่องของการกินเยอะหรือไม่ออกกำลังกาย แต่เป็นเรื่องของความซับซ้อนในระบบภายในร่างกาย ที่ต้องได้รับการดูแลแบบครอบคลุม การเข้าใจฮอร์โมนของตัวเองคือ ความสำคัญที่จะทำให้ทุกคนลดน้ำหนักได้สำเร็จ โดยไม่ต้องพึ่งยาลดน้ำหนักหรืออดอาหารอย่างหักโหม
หากกำลังสงสัยภาวะอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนหรือไม่ ควรที่จะเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและวางแผนดูแลร่างกายให้ถูกจุด และที่ AM International Hospital มีการดูดไขมัน เพื่อช่วยลดสัดส่วนที่ลดยาก ให้มีความกระชับและเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ สำหรับโปรแกรมดูดไขมัน เติมไขมัน เพื่อการดูแลให้ปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว
Post Info
Social Media






