พุงย้วย เกิดจากอะไร? รู้ทันและป้องกันอย่างถูกวิธี

ใคร ๆ ก็กลัวพุงย้วยกันทั้งนั้น! ไม่ใช่แค่เพราะมันทำให้เรารู้สึกเสียความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับภาวะพุงย้วยอย่างละเอียด เพื่อที่เราจะได้รู้วิธีป้องกันและจัดการกับมันอย่างถูกต้อง แต่ต้องบอกก่อนว่า การจัดการกับพุงย้วยนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี มาดูกันเลยว่ามีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง
พุงย้วย หน้าตาเป็นยังไง?
พุงย้วยไม่ได้เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน แต่เป็นพุงที่ค่อย ๆ สะสมมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเราอาจตื่นมาพบว่าเสื้อผ้าคับกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว พุงย้วยนั้นเป็นกระบวนการที่แอบแฝงเข้ามาในชีวิตเราอย่างเงียบ ๆ ผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เลือกทานไม่ถูก การขาดการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ไปจนถึงการนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ขยับตัวลุกไปไหน โดยเบื้องต้นแล้ว พุงย้วยดังกล่าวจะมีลักษณะดังนี้
- ท้องป่องออกมาชัดเจนโดยเฉพาะตอนยืนตรง
- ผิวหน้าท้องตึง บางคนอาจมีรอยแตกร่วมด้วย
- ต้องซื้อเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
- นั่งหรือก้มตัวแล้วรู้สึกอึดอัด
- จับหน้าท้องแล้วรู้สึกได้ถึงไขมันที่สะสม บีบออกมาเป็นก้อน ๆ ได้
พุงย้วยมีผลเสียอย่างไรบ้าง?
หลายคนอาจคิดว่าพุงย้วยเป็นเพียงปัญหาเรื่องความมั่นใจเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว มันเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะลักษณะของพุงนั้นสามารถบ่งบอกได้ว่าร่างกายของเรากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงทางสุขภาพ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงในอนาคต
ไขมันที่สะสมในช่องท้องนั้นไม่ใช่แค่ไขมันธรรมดาที่เราเห็นตามผิวหนัง แต่เป็นไขมันอันตรายที่แทรกซึมลึกเข้าไปอยู่ระหว่างอวัยวะภายในต่าง ๆ ลองนึกภาพว่ามันเป็นเหมือนเนยแข็งที่แทรกซึมอยู่ระหว่างเครื่องในของเรา ทำให้การทำงานของอวัยวะเหล่านั้นผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
ไขมันชนิดนี้ไม่เพียงแต่กินพื้นที่ในร่างกาย แต่ยังปล่อยสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญและฮอร์โมนในร่างกายด้วยครับ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายแฝงตัวอยู่กับเรา ไม่แสดงให้เห็นในทันที แต่จะค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นโรคร้ายในอนาคต เช่น
- เพิ่มโอกาสเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
- เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น
- ความดันโลหิตสูงขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับ
- อาจทำให้นอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ
นอกจากนี้ พุงย้วยยังอาจทำให้เราขาดความมั่นใจ ไม่อยากออกไปเจอใคร หรือไม่อยากทำกิจกรรมที่เคยชอบ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตในอนาคตได้ด้วย
พุงย้วย เกิดจากอะไรได้บ้าง?
พุงย้วยไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมของหลาย ๆ ปัจจัยที่สะสมมานาน ซึ่งมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน ทั้งจากวิถีชีวิตที่เราเลือก พันธุกรรมที่ควบคุมได้ยาก และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ
การเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการจัดการกับปัญหาพุงย้วยอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแต่ละคนอาจมีปัจจัยที่ส่งผลแตกต่างกันไป บางคนอาจมีปัญหาจากพฤติกรรมการทานอาหาร ในขณะที่บางคนอาจเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย มาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่อาจเป็นต้นเหตุของพุงย้วยที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่
การทานอาหาร
เรื่องของการทานนั้นสำคัญมาก ๆ ต่อคนที่มีพุง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อการสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะที่หน้าท้อง ยกตัวอย่างพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดพุงย้วย เช่น ทานเยอะเกินความต้องการของร่างกาย, ชอบของทอด ของมัน อาหารไขมันสูง, ดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเยอะ ๆ , ทานอาหารจานด่วน (Fast Food) หรืออาหารแปรรูปบ่อย ๆ บางรายพุงย้วยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสุราหรือเบียร์เป็นประจำจนไขมันสะสม
ขี้เกียจออกกำลังกาย
การขยับร่างกายน้อยเกินไปเป็นอีกสาเหตุสำคัญของพุงย้วย ถ้าเราใช้ชีวิตแบบนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ค่อยได้ขยับตัว ร่างกายก็จะเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง ทำให้ไขมันสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของหน้าท้องที่มักจะเกิดการสะสมไขมันได้ง่าย
พันธุกรรมก็มีส่วน!
บางคนอาจโชคร้ายเกินไปสักหน่อยหากพันธุกรรมมีแนวโน้มทำให้เกิดการสะสมไขมันที่หน้าท้องมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย กลายเป็นคนพุงเยอะ พุงออกง่าย นำไปสู่ภาวะพุงย้วยหย่อนคล้อย หากบวกกับพฤติกรรมข้ออื่น ๆ ร่วมด้วยก็จะยิ่งมีโอกาสพุงย้วยสูง
ฮอร์โมนไม่สมดุล
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็มีผลต่อการสะสมไขมันหน้าท้องในหลาย ๆ ด้านเลย ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยทองจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้ไขมันสะสมที่หน้าท้องได้ง่ายยิ่งขึ้น บวกกับร่างกายที่เผาผลาญได้น้อยลงเมื่ออายุเยอะ ก็จะยิ่งทำให้พุงย้วย ผิวหน้าท้องหย่อนคล้อย ไขมันสะสมมาก หรืออีกกรณีคือผู้ชายที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ ก็มีแนวโน้มที่จะมีพุงย้วยได้ง่ายเช่นกัน
ความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ส่งผลอย่างมากกับการควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น เมื่อคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้เราอยากกินมากขึ้นและเก็บสะสมไขมันที่หน้าท้องมากขึ้นด้วย
นอนไม่พอ
การนอนหลับไม่เพียงพอหรือนอนไม่เป็นเวลา ทำให้การผลิตฮอร์โมนในร่างกายเกิดความไม่สมดุลหรือผิดปกติหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล ฮอร์โมนเกรลิน ฯลฯ ส่งผลให้เราทานอาหารมากขึ้น คุมหิวได้ยาก และเกิดพุงย้วยได้ในอนาคต
อายุที่มากขึ้น
เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมักจะมีขนาดที่เล็กลง ทำให้การเผาผลาญพลังงานลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ คอลลาเจนที่ผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ ตา

แล้วจะจัดการกับพุงย้วยยังไงดี?
ถึงพุงจะย้วยแล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจหรือท้อแท้ไป การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ และมีวิธีจัดการมากมายที่จะช่วยให้พุงยุบลงได้ แม้อาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าแน่นอน
ต้องเท้าความก่อนว่า การลดพุงย้วยไม่ใช่เรื่องของการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือการอดอาหาร แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของเราในระยะยาว มาดูกันว่าเราสามารถลดพุงย้วยอย่างไรได้บ้าง
1. ปรับการทานอาหารให้ดีมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนวิธีทานอาหารเป็นกุญแจสำคัญในการลดพุงย้วย โดยเราจะต้องไม่ไปย้ำคิดย้ำทำกับการอดอาหาร แต่เน้นปรับพฤติกรรมการทานแทน ได้แก่
- แบ่งมื้อใหญ่เป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อต่อวัน แทนที่จะเลือกทาน 3 มื้อใหญ่
- เพิ่มผักผลไม้อย่างน้อยครึ่งจานในทุกมื้อ
- เลือกทานโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา ไก่ ถั่ว แทนเนื้อติดมัน
- ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลสูง
- ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มหวาน ๆ
- ถ้าอยากดื่มแอลกอฮอล์ ก็ดื่มแต่น้อย หรือเลี่ยงไปดื่มไวน์แดงแทนเบียร์
2. ขยับร่างกายให้มากขึ้น
การออกกำลังกายไม่ใช่แค่ช่วยเผาผลาญไขมัน แต่ยังช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานของร่างกายด้วย โดยสามารถเริ่มต้นปรับเปลี่ยนดังนี้
- เริ่มจากเดินเล่นอย่างน้อยวันละ 30 นาที ทั้งหมด 5 วันต่อสัปดาห์ แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณเวลาเมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว
- ลองออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วิ่งจ็อกกิ้ง กระโดดเชือก หรือเต้นแอโรบิก
- เพิ่มการเล่นเวทเทรนนิ่งเข้าไปด้วย สัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ สลับกับการทำคาร์ดิโอ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องและกระตุ้นการเผาผลาญ
- หาเวลาทำท่าบริหารหน้าท้องโดยเฉพาะ เช่น ซิทอัพ แพลงก์ ฯลฯ สำหรับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้องอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่าลืมว่า การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหักโหม เราสามารถเริ่มจากเวลาหรือความถี่เพียงเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับความถี่ตามความเหมาะสมและความทนทานของร่างกายเราเท่าที่รู้สึกไหว เพราะหากหักโหมมากเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้
3. จัดการความเครียดให้เป็น
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดพุงย้วยได้เช่นกัน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฮอร์โมนแห่งความเครียด ดังนั้น หากเราเครียดมาก ๆ หรือเครียดสะสม ก็อาจจะทำให้ร่างกายต้องการตอบสนองด้วยความหิว อยากอาหาร อยากทานจุกจิก เราจึงควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดในแต่ละวันควบคู่ไปด้วย เช่น
- ฝึกสมาธิหรือโยคะ แม้แค่วันละ 10 นาทีก็ช่วยได้เยอะ
- หากิจกรรมที่ชอบทำ อาจเป็นงานอดิเรก หรือการออกไปเที่ยวพักผ่อน
- พูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจ การระบายความรู้สึกช่วยได้เช่นกัน
4. นอนให้พอ
อย่างที่ทราบกันดีว่า การนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารและการเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้นครับ ดังนั้น เราจึงควรพยายามนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อครั้ง นอนหลับให้เป็นเวลา ไม่นอนดึกมากเกินไป และควรดูแลสภาพแวดล้อมในการนอนให้เหมาะกับการนอนด้วย
5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเปล่าช่วยล้างสารพิษและกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายได้เป็นอย่างดีเลย ดังนั้น เราควรพยายามดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว (หรืออย่างน้อย 50-60% ของน้ำหนักตัว) ถ้ารู้สึกว่าดื่มน้ำเปล่ายาก ลองเพิ่มรสชาติด้วยมะนาวหรือผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นได้ แต่จะต้องไม่ดื่มน้ำหวานแทนน้ำเปล่า
6. สลายไขมันด้วยความเย็น
เป็นการใช้ความเย็นในการเข้าไปลดอุณหภูมิไขมันในชั้นผิว ทำให้เซลล์ไขมันตายและถูกขับออกมาจากร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณไขมันบริเวณหน้าท้องหายไปส่วนหนึ่ง เหมาะกับคนที่มีไขมันเล็กน้อย พุงย้วยไม่มาก แต่ทั้งนี้ การสลายไขมันด้วยความเย็นจะไม่ช่วยในการกระชับผิว เพียงแค่ทำให้ไขมันลดลง หน้าท้องก็ราบเรียบไปกับกล้ามเนื้อเดิมเท่านั้น
7. ดูดไขมันหน้าท้อง
เป็นการใช้เครื่องดูดไขมันเข้าไปสลายไขมันใต้ชั้นผิวโดยตรง และดูดเอาไขมันส่วนเกินออกมา ซึ่งจะช่วยให้ลดสัดส่วนหน้าท้องให้แบนราบอย่างตรงจุด แต่ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่หน้าท้องมีความย้วย ผิวหย่อนคล้อย อาจจะต้องเลือกการดูดไขมันพร้อมกับการกระชับผิวโดยเฉพาะ คือ การทำ J Plasma ซึ่งเป็นเครื่องมือกระชับผิวที่เห็นผลชัดเจน สามารถแก้ปัญหาผิวพุงย้วยได้ตรงจุด
8. ตัดหนังหน้าท้อง
สำหรับเคสที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อยหรือพุงย้วยระดับรุนแรง อาจจะต้องเลือกเป็นการทำศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้องแทน โดยวิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดเอาผิวหนังส่วนเกินที่มีความย้วยทิ้งไป และทำการตกแต่งหน้าท้องให้ติดกัน ทำให้กระชับเรียบเนียนมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาพุงย้วยได้อย่างตรงจุดที่สุด
สรุป
ปัญหาอย่างพุงย้วยนั้น เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้หากเรารู้สาเหตุและลักษณะความรุนแรงของมัน สำหรับเคสที่มีพุงย้วยจากไขมันสะสม ก็จะเหมาะกับการลดน้ำหนัก คุมอาหาร ออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือสลายไขมันแบบไม่ผ่าตัด แต่สำหรับเคสที่มีพุงย้วยรุนแรงมาก อาจจะต้องมองหาวิธีการศัลยกรรมอย่างดูดไขมัน ทำกระชับผิว หรือผ่าตัดหนังหน้าท้องส่วนเกินจะตอบโจทย์มากกว่านั่นเอง สำหรับใครที่มีปัญหาดังกล่าว สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ AM International Hospital ได้ทุกวันเลย!
กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!
Post Info
Social Media