loader image

ก่อนทำต้องรู้ ดูดไขมัน เจ็บไหม? กว่าจะได้หุ่นสวยต้องเจ็บตัวหรือเปล่า?

ดูดไขมันเจ็บมั้ย

       การดูดไขมันถือเป็นศัลยกรรมรูปแบบหนึ่งที่ต้องมีการเปิดแผลหลายตำแหน่ง ทำให้หลายคนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว “การดูดไขมัน เจ็บไหม?” ขั้นตอนไหนเจ็บที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนมีระดับความทนทานต่อความรู้สึกเจ็บที่แตกต่างกัน แต่เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บทความนี้ จะอธิบายถึงความเจ็บในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนการดูดไขมัน ระหว่างการทำ และหลังการดูดไขมัน เพื่อช่วยให้ทุกท่านเข้าใจเกี่ยวกับความเจ็บที่เกิดขึ้นในการดูดไขมันดียิ่งขึ้น แต่ขอใบ้นิดนึงว่าดูดไขมันไม่ได้น่ากลัวหรือเจ็บจนทนไม่ไหวอย่างที่หลายคนกำลังจินตนาการแน่นอน!

เลือกอ่านตามหัวข้อได้ที่นี่

ดูดไขมัน เจ็บไหม? มาเช็กคำตอบแต่ละขั้นตอนกัน!

       หนึ่งในคำถามยอดนิยมของคนที่สนใจการดูดไขมันก็คือ “ดูดไขมันเจ็บไหม?” แน่นอนว่าการดูดไขมันนั่นมีความเจ็บแต่อยู่ในระดับที่ทนได้ เนื่องจากมีการเปิดแผลขนาดเล็กไม่เกิน 5 มิลลิเมตรและใช้ยาชาร่วมด้วยทุกครั้ง จึงช่วยลดความเจ็บที่เกิดขึ้นจากการดูดไขมันได้ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเจ็บเลยเพราะเครื่องมือในการดูดไขมันยังทำให้เกิดการอักเสบ ปวดระบม หรือเจ็บแปลบ ๆ ตึง ๆ ที่บริเวณดูดไขมันได้

       มาดูกันว่าในแต่ละขั้นตอนของการดูดไขมันนั้น ในช่วงก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังทำ ขั้นตอนไหนของการดูดไขมันเจ็บที่สุด!

ก่อนดูดไขมัน เจ็บไหม?

       ก่อนดูดไขมัน เจ็บไหม? บอกได้เลยว่าไม่เจ็บ เพราะในขั้นตอนนี้ จะเป็นขั้นตอนของการเตรียมตัวและตรวจร่างกาย เมื่อพร้อมสำหรับการดูดไขมัน วิสัญญีแพทย์จะทำการฉีดยาชาหรือยาสลบ เพื่อระงับความเจ็บที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนต่อไป ซึ่งเราอาจรู้สึกเจ็บเพียงแค่การเจาะเข็มจากการฉีดยาชาเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าไม่เจ็บมากและยังอยู่ในระดับที่ทนได้ หากทุกท่านมีความกังวล ทีมแพทย์และพยาบาลจะคอยพูดคุยเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงว่าก่อนดูดไขมันจะเจ็บไหม

ระหว่างดูดไขมัน เจ็บไหม?

       ในระหว่างขั้นตอนดูดไขมัน ความเจ็บจะถูกระงับไว้ด้วยยาชาและยาสลบที่ฉีดไว้ หรือเรียกว่าตัวยาเริ่มออกฤทธิ์แล้วนั่นเอง ดังนั้น เราจะไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างการทำเลยแน่นอน โดยเฉพาะในเคสที่ทำการดูดไขมันแบบใช้ยาสลบ เราจะไม่รู้สึกตัวระหว่างการดูดไขมัน ยกเว้นบางกรณีที่ใช้แค่ยาชาอาจมีความรู้สึกบีบรัดหรือรู้สึกแน่นเบา ๆ ในบริเวณที่แพทย์ใช้เครื่องมือดูดไขมันตำแหน่งที่มีชั้นไขมันบาง

หลังดูดไขมัน เจ็บไหม?

       หลังดูดไขมันเสร็จเมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจเริ่มรู้สึกปวดหรือเจ็บในบริเวณที่ดูดไขมันได้ อาการนี้มักคล้ายกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนัก และสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาลดปวดที่แพทย์สั่งจ่ายมาให้ นอกจากนี้ อาจมีอาการบวมและฟกช้ำที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง แต่จะค่อย ๆ หายไปใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่ดูดออกมา และเครื่องมือดูดไขมันที่เลือกใช้ จึงถือได้ว่าขั้นตอนหลังดูดไขมันจัดว่ามีความเจ็บที่สุดใน 3 ช่วงของการดูดไขมัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ทนได้แน่นอน

       สรุปได้ว่า ความเจ็บที่เกิดจากการดูดไขมันนั้นสามารถถูกบรรเทาได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน การดูดไขมันในปัจจุบันนั้นพัฒนามาไกลมาก ๆ และมีเทคโนโลยีที่ครอบคลุมหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาชา ยาสลบ และบริการดูแลหลังการดูดไขมัน เพื่อลดความเจ็บปวด ไม่สบายตัวของผู้เข้ารับบริการ ทุกท่านจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าเราจะรู้สึกเจ็บมาก ๆ จากการดูดไขมัน

สาเหตุที่ส่งผลต่อระดับความเจ็บของการดูดไขมัน

       แม้ว่าการดูดไขมันจะได้รับความนิยมและมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ความรู้สึกเจ็บปวดก็ยังเป็นข้อกังวลหลักสำหรับหลายคน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ความเจ็บที่เกิดขึ้นจากการดูดไขมันนั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งจากวิธีการที่ใช้ดูดไขมัน ประเภทเครื่องดูดไขมัน ความชำนาญของแพทย์ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย เรามาดูกันว่าสาเหตุใดบ้างที่ส่งผลต่อความเจ็บปวดระหว่างและหลังการดูดไขมัน

ดูดไขมัน เจ็บไหม

1. ปริมาณไขมันที่ต้องการดูด

       ปริมาณไขมันที่ต้องการดูดออกมาเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเจ็บ หากต้องการดูดไขมันในปริมาณมาก เช่น ในพื้นที่ใหญ่ ๆ อย่างหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก ความเจ็บปวดหลังการทำอาจมีมากกว่าเมื่อเทียบกับการดูดไขมันในพื้นที่เล็ก ๆ เช่น ใต้คาง เหนียง หรือแขน เนื่องจากการดูดไขมันในตำแหน่งที่มีปริมาณไขมันเยอะมักมีอาการบวมและฟกช้ำมากกว่า เพราะต้องใช้เวลาในการดูด ปรับสัดส่วนของบริเวณดังกล่าวให้ออกมาสวยงามและถูกต้องตามความต้องการนั่นเอง

2. บริเวณที่ทำการดูดไขมัน

      บริเวณที่ทำการดูดไขมันส่งผลต่อความเจ็บปวดเช่นกัน บางพื้นที่ของร่างกายมีความไวต่อความเจ็บมากกว่าพื้นที่อื่น เช่น บริเวณหน้าท้องที่มีเส้นประสาทจำนวนมากอาจทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าการดูดไขมันบริเวณต้นขาหรือแขน หรือแม้แต่ในบริเวณที่ชั้นไขมันบางก็มีความเสี่ยงที่จะเจ็บจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้เช่นกัน ดังนั้น บริเวณที่ทำการดูดไขมันที่ต่างกันย่อมส่งผลในด้านระดับความเจ็บที่ต่างกันไปด้วย

3. เทคนิคและวิธีการที่ใช้ในการดูดไขมัน

      เทคนิคการดูดไขมันที่ใช้มีผลต่อระดับความเจ็บในการดูดไขมัน อย่างวิธีการแบบดั้งเดิม (Traditional Liposuction) มักทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ ฟกช้ำ และบวมมากกว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การดูดไขมันพลังงานน้ำ ซึ่งใช้พลังงานน้ำในการสลายไขมันอย่างอ่อนโยนก่อนดูดออก ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บน้อยลง เนื่องจากไม่ได้เป็นการสร้างความร้อนใต้ผิว จึงช่วยไม่ให้เรารู้สึกเจ็บปวดเท่ากับเครื่องที่ใช้ความร้อน นอกจากนี้ ไขมันที่ได้ยังเป็นเซลล์ไขมันที่ดีสามารถนำไปใช้เติมในส่วนที่ขาดต่อได้ด้วย (หรือที่เรียกว่าการเติมไขมัน)

4. การใช้ยาชาหรือยาสลบ

      ชนิดของยาชาที่ใช้ในการดูดไขมันก็สามารถส่งผลต่อความเจ็บได้โดยตรง หากใช้ยาชาเฉพาะจุดอาจรู้สึกถึงแรงในการดูดไขมันหรือความรู้สึกบีบในระหว่างการทำเล็กน้อย แต่หากใช้ยาสลบจะไม่รู้สึกอะไรเลยตลอดขั้นตอน จนกระทั่งหลังจากยาชาหมดฤทธิ์จึงจะเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บระบม ทั้งนี้ ระดับความเจ็บปวดก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่ได้รับได้ด้วยเช่นกัน

5. สภาพร่างกายและความทนทานของแต่ละบุคคล

      สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลมีบทบาทสำคัญต่อระดับความเจ็บหลังดูดไขมัน เช่น คนที่มีผิวหนังหนาจะมีความทนทานต่อความเจ็บสูง อาจรู้สึกเจ็บน้อยกว่าคนที่ผิวบางหรือมีประวัติการแพ้ยาชา นอกจากนี้ อายุก็อาจเป็นปัจจัยอีกประการหนึ่งที่สำคัญ เนื่องจากคนที่อายุน้อยกว่ามักฟื้นตัวได้เร็วและรู้สึกเจ็บน้อยกว่าคนที่อายุมากที่ค่อนข้างฟื้นตัวได้ช้ากว่านั่นเอง

      การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้สามารถช่วยให้เราสามารถเตรียมพร้อมตัวเองได้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจดูดไขมัน และรู้ว่าจะสามารถรับมือกับความเจ็บปวดในแต่ละช่วงของการดูดไขมันได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งสาเหตุทั้ง 5 ข้อนี้ยังช่วยคลายข้อสงสัยว่าการดูดไขมัน เจ็บไหม เจ็บเพราะอะไรได้บ้าง หวังว่าคนที่กำลังตัดสินใจดูดไขมันจะลดความกังวลในเรื่องนี้ไปได้ เพราะการดูดไขมันก็เหมือนการทำศัลยกรรมอื่น ๆ ที่มีความเจ็บในระดับที่ทนได้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ แต่ทั้งนี้ความเจ็บจะลดลงได้เร็วก็ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ 70% และการดูแลตัวเองที่ดีอีก 30%

การดูแลหลังการดูดไขมันเพื่อลดอาการเจ็บ

       หลังจากการดูดไขมันแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดและเร่งการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและทำให้ผลลัพธ์จากการดูดไขมันออกมาสวยที่สุดด้วย มาดูกันว่าควรดูแลตัวเองอย่างไรอาการเจ็บหายเร็ว หุ่นสวยเข้าที่ไว พร้อมอวดหุ่นใหม่ทันใช้!

1. การสวมชุดกระชับสัดส่วน (Compression Garment)

       หลังจากการดูดไขมัน แพทย์จะแนะนำให้สวมชุดกระชับสัดส่วนเพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ ซึ่งเป็นชุดกระชับสำหรับการดูดไขมันโดยเฉพาะ จะช่วยกดรัดบริเวณที่ดูดไขมันทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดอาการน้ำใต้ผิวหรือ Seroma ป้องกันปัญหาก้อนแข็ง ก้อนไต ที่สำคัญคือช่วยลดอาการเจ็บปวดในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังการดูดไขมัน ทั้งนี้ ควรใส่ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (อ่านเพิ่ม วิธีใส่ชุดกระชับดูดไขมัน)

2. การใช้ยาลดปวดตามแพทย์สั่ง

       อาการปวดและไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นหลังการดูดไขมันเป็นเรื่องปกติ และสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาลดปวดที่แพทย์จ่าย ยาที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นยาลดปวดชนิดอ่อนที่ไม่ทำให้รู้สึกง่วงหรือมีผลข้างเคียง แต่หากมีอาการปวดรุนแรงหรืออาการที่ไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

3. การดูแลแผลและการทำความสะอาด

       บริเวณที่มีเปิดแผลเพื่อดูดไขมันจะมีแผลขนาดเล็ก ๆ ซึ่งควรทำความสะอาดตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การใช้ผ้าพันแผลและทำแผลใหม่เป็นประจำจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่สวยและรู้สึกเจ็บหลังทำนานขึ้น

4. การพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการออกแรงหนัก

        การพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นตัวหลังการดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ใช้แรงหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และควรนอนหลับให้เพียงพอ 8 ชม. ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมและฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

5. การดูแลด้วยการประคบเย็น

        ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการดูดไขมัน การประคบเย็นบริเวณที่ดูดไขมันจะช่วยลดอาการบวมและอาการเจ็บได้ดี ควรทำการประคบเบา ๆ ไม่กดแรงเกินไป ไม่ควรประคบเป็นเวลานานเกินไป และจะต้องไม่ให้ผิวสัมผัสกับวัสดุที่ใช้ประคบโดยตรง เพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิวหนังหรือการติดเชื้อ

6. การดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

        หลังการดูดไขมัน ร่างกายต้องการการฟื้นฟูอย่างมาก ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ ซุปฟักทอง และโปรตีน จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยลดอาการบวมและเจ็บได้อีกด้วย นอกจากนี้ หมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม อาหารทะเล ของกึ่งดิบกึ่งสุก หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง จะช่วยลดการเกิดอาการแทรกซ้อนในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวมและอักเสบ

        จะเห็นว่าการดูแลหลังการดูดไขมันอย่างถูกวิธีไม่ยากเลย แต่ต้องหมั่นดูแลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดและเร่งให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่สวยตามที่หวัง ไม่มีอาการแทรกซ้อน ได้ออกไปใช้ชีวิตกับหุ่นใหม่อย่างสดใสยิ่งขึ้นด้วย!

แชร์ :

สรุป

        เชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านที่ตั้งคำถามว่าแท้จริง “การดูดไขมัน เจ็บไหม?” ได้คำตอบที่ครบถ้วนไปแล้ว สรุปได้ว่าการดูดไขมันจัดเป็นการศัลยกรรมที่ยังก่อให้เกิดความเจ็บได้ แต่ไม่ได้เจ็บจนทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรามีปัญหา หรือ เจ็บนานเป็นปี ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจผิดแน่นอน เพราะการดูดไขมันในปัจจุบันนี้เปิดแผลเล็กมากและมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยลดความเจ็บได้เยอะกว่าในอดีต ใครที่กำลังกังวลใจว่าการดูดไขมันจะสร้างความเจ็บปวดให้เยอะมาก ๆ สามารถหายห่วงได้เลย!

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!