ทำความเข้าใจและรับมือกับอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)

อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์

ช่วงก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ หลายคนอาจเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายและอารมณ์อย่างชัดเจน บางครั้งอาจเป็นอาการเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกต แต่บางครั้งก็รุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งอาการเหล่านี้ถูกเรียกรวม ๆ ว่า PMS (Premenstrual Syndrome) หรือ อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิงตามรอบเดือน

แม้ว่า PMS จะไม่ใช่โรค แต่ก็สามารถสร้างความรำคาญและความไม่สบายตัวได้อย่างมาก โดยบางคนมีอาการทางร่างกาย เช่น ปวดท้องน้อย ปวดหัว คัดเต้านม หรือแม้แต่เกิด ท้องน้อยป่อง จากการกักเก็บน้ำในร่างกาย ขณะที่บางคนมีอาการทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย อ่อนไหวง่าย หรือรู้สึกเศร้าแบบไม่มีสาเหตุ การเข้าใจต้นตอและลักษณะของอาการเหล่านี้จะช่วยให้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

PMS คืออะไร และพบบ่อยแค่ไหน?

ปวดท้องประจำเดือน อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์

PMS หรือ Premenstrual Syndrome คือกลุ่มอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นในช่วง ประมาณ 7 – 14 วันก่อนมีประจำเดือน และจะค่อย ๆ ลดลงหรือหายไปเมื่อประจำเดือนมา อาการนี้พบได้บ่อยมาก โดยข้อมูลจากหลายงานวิจัยระบุว่าผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มากกว่า 75% เคยมีอาการ PMS ในบางรอบเดือน และประมาณ 20 – 30% มีอาการค่อนข้างรุนแรงจนกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน

 

อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์ ไม่ได้เกิดจากสิ่งผิดปกติร้ายแรงเสมอไป แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน รวมถึงสารสื่อประสาทในสมองที่มีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และสภาพร่างกาย แม้ว่าจะเป็นอาการที่พบบ่อยแต่ความรุนแรงแตกต่างกันมากในแต่ละคน บางคนอาจรู้สึกเพียงเล็กน้อย ขณะที่บางคนมีอาการจนทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันหยุดชะงัก ซึ่งกรณีหลังนี้ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

สัญญาณเตือนอาการก่อนมีประจำเดือนที่คุณควรรู้

ก่อนมีประจำเดือนร่างกายของเราจะส่งสัญญาณหลายอย่างเพื่อบอกว่า “ประจำเดือนกำลังจะมา” สัญญาณเหล่านี้มักเริ่มแสดงออกในช่วง อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์ และมีทั้งทางร่างกายและอารมณ์ การรู้ทันสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดียิ่งขึ้น

  1. อาการทางร่างกายที่พบบ่อย

    ผู้หญิงหลายคนสังเกตเห็นว่าช่วงก่อนมีประจำเดือน ร่างกายเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เช่น รู้สึกท้องน้อยป่อง เนื่องจากร่างกายกักเก็บน้ำและเกิดการบวมน้ำตามฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน นอกจากนี้ยังอาจพบอาการปวดเกร็งท้องน้อย ปวดหลัง ปวดหัว คัดตึงเต้านม หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่ามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแบบชั่วคราว

    บางคนยังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ รวมถึงอาจรู้สึกว่ามีก้อนไขมันใต้ผิวหนัง ชัดขึ้นเพราะร่างกายกักเก็บของเหลวมากขึ้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ไขมันเพิ่มเป็นเพียงการบวมชั่วคราวก่อนประจำเดือน

  2. ผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจ

    นอกจากอาการทางร่างกายแล้ว PMS ยังมีผลอย่างมากต่ออารมณ์ หลายคนรู้สึกหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห อ่อนไหวง่าย หรือมีความรู้สึกเศร้าแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน และโดปามีน ทำให้สมองตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวไวขึ้นกว่าปกติ

    อารมณ์เหล่านี้อาจทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างตึงเครียดมากขึ้น บางครั้งก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ดังนั้นการรู้ว่าอารมณ์แปรปรวนในช่วงนี้เกิดจากฮอร์โมน จะช่วยให้คุณและคนรอบตัวรับมือได้ดีขึ้น

ต้นตอของ PMS เกิดจากอะไร?

แม้ว่ากลไกที่แน่ชัดของการเกิดอาการ PMS (Premenstrual Syndrome) จะยังไม่มีคำตอบตายตัว แต่ในทางการแพทย์เชื่อว่าอาการต่าง ๆ มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงและสมดุลของสารเคมีในสมองในช่วงครึ่งหลังของรอบเดือน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ

  • ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น หลังจากการตกไข่ (Ovulation) ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ความผันผวนนี้ส่งผลให้ร่างกายมีการกักเก็บน้ำและโซเดียมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวม คัดตึงเต้านม และท้องน้อยป่องในหลายคน
  • การลดลงของเซโรโทนิน (Serotonin) การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนมีผลกระทบต่อความสมดุลของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกสุข และการนอนหลับ เมื่อระดับสารนี้ลดลง จึงนำไปสู่อาการทางจิตใจ เช่น อารมณ์เศร้า วิตกกังวล หรือหงุดหงิดง่าย
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต การนอนหลับไม่เพียงพอ (Sleep Deprivation) และความเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) มีส่วนทำให้อาการ PMS รุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน
  • โภชนาการที่ไม่สมดุล การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาล เกลือ (โซเดียม) คาเฟอีน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้อาการบวมน้ำและความแปรปรวนทางอารมณ์เพิ่มขึ้น

เมื่อ PMS รุนแรงต้องทำอย่างไร?

บางครั้งอาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์ อาจรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิต เช่น ปวดท้องมากจนทำงานไม่ได้ หรืออารมณ์แปรปรวนจนกระทบต่อความสัมพันธ์ ในกรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมิน เพราะอาจเข้าข่าย PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงของ PMS การดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการ เช่น

  • ปรับอาหารให้มีผัก ผลไม้ และโปรตีนที่เพียงพอ ลดอาหารเค็มและหวาน
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดการบวมน้ำ
  • ลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก หรือทำสมาธิ

หากอาการยังคงรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาฮอร์โมน ยาขับปัสสาวะ หรือยาต้านอารมณ์ซึมเศร้าตามความเหมาะสม

แชร์ :

สรุปบทความ

อาการก่อนเมนส์มา 1 อาทิตย์เป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเผชิญ โดยมีสาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศและสารสื่อประสาทในสมอง อาการอาจมีทั้งทางร่างกาย เช่น ท้องน้อยป่อง, คัดตึงเต้านม, ปวดท้องน้อย และทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิด วิตกกังวล หรือเศร้า การเข้าใจกลไกของร่างกายและสัญญาณเตือนเหล่านี้จะช่วยให้เรารับมือได้ดียิ่งขึ้น

 

การปรับพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนเพียงพอ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้มาก หากอาการรุนแรงหรือกระทบต่อคุณภาพชีวิต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม เพราะการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณผ่านช่วงก่อนประจำเดือนไปได้อย่างสบายขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

อาการก่อนมีประจําเดือน 10 วัน มีอะไรบ้าง

อาการก่อนประจำเดือน 10 วันมักคล้ายกับช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเมนส์ เช่น ปวดท้องน้อย ปวดหลัง คัดตึงเต้านม ท้องอืด หรือ ท้องน้อยป่อง ร่วมกับอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด หรือเศร้า

โดยทั่วไปอาการท้องน้อยป่อง หรือท้องอืดจะเกิดขึ้นประมาณ 3 – 7 วันก่อนมีประจำเดือน และจะหายไปหลังจากมีประจำเดือนไปแล้วไม่กี่วัน

อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การลดลงของระดับน้ำตาลในเลือด หรือความดันโลหิตต่ำในบางคน นอกจากนี้การบวมน้ำหรือการกักเก็บเกลือในร่างกายก็อาจทำให้รู้สึกเวียนหัวได้

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม