สิวผดเกิดจากอะไร มีลักษณะอย่างไร ป้องกันและรักษายังไงได้บ้าง

สิวผดเกิดจากอะไร ? หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมอยู่ ๆ ผิวหน้าของเราถึงมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นเต็มไปหมด ทั้งที่ก็ไม่ได้แต่งหน้าจัด หรือใช้ครีมอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิม แต่ความจริงแล้วสิวผดไม่ใช่สิวทั่วไป แต่เป็นปัญหาผิวที่มักมากับความร้อน เหงื่อ ฝุ่น หรือการระคายเคืองโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักว่าสิวผดเกิดจากสาเหตุอะไร วิธีรักษามีอะไรบ้างเพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
สิวผดคืออะไร?
สิวผด เป็นสิวในรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง โดยเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนร่วมกับอาการระคายเคืองผิว ซึ่งมันจะมีความแตกต่างจากสิวอักเสบทั่วไปตรงที่สิวผดไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นหลัก แต่มักเกี่ยวข้องกับอากาศร้อน เหงื่อ ความมัน ฝุ่น เครื่องสำอาง รวมไปถึงแรงเสียดสีที่เป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคือง จนทำให้ผิวเกิดตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นมาบนผิวหนัง โดยส่วนใหญ่จะไม่ได้มีอาการเจ็บ ปวด และไม่มีหัวหนองเหมือนสิวอักเสบ นอกจากนี้ปัญหาสิวผดยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
ลักษณะของสิวผด
สิวผดมีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ขนาดที่ใกล้เคียงกัน ไม่มีหัวหนองหรือบางครั้งอาจมีลักษณะเป็นหัวขาวเล็ก ๆ ปนอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวหัวดำแบบที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งสิวผดมักจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกระจายตัวอยู่บนผิวหนัง ทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบเนียน แต่มักมีอาการระคายเคืองด้วย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนอบอ้าว มีความชื้น หรือมีเหงื่อออกเยอะ
ประเภทของสิวผด
ในทางการแพทย์ สิวผิวไม่ได้มีการแบ่งประเภทหรือแบ่งชนิดย่อย ๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งมักจะจำแนกตามปัจจัยในเชิงลักษณะการเกิด หรือกลไกที่กระตุ้นให้เกิดสิวผด เช่น บางคนที่ตุ่มแดงขึ้นอย่างชัดเจน บางคนอาจมีตุ่มเนื้อที่กลืนไปกับผิว หรือบางคนอาจมีอาการคันเข้ามาร่วมด้วย จึงขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัจจัยการกระตุ้นต่าง ๆ
บริเวณที่มักจะเกิดสิวผด
โดยส่วนใหญ่แล้วสิวผดมักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความอับชื้น มีความมัน และบริเวณที่มีแนวโน้มเกิดการระคายเคืองง่าย โดยเฉพาะจุดที่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สัมผัสบ่อย ๆ ซึ่งบริเวณที่พบบ่อย ได้แก่
- หน้าผาก – มักเกิดจากเหงื่อไหลร่วมกับผมมาปิดหน้าผาก หรือใช้หมวก/ผ้าคาดศีรษะ
- แก้มและกราม – โดยเฉพาะผู้ที่ใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน
- หลังและหน้าอก – จุดที่เสื้อผ้ามักรัดแน่นหรือเกิดการเสียดสีขณะออกกำลังกาย
- ลำคอ – บริเวณสัมผัสคอเสื้อหรือเหงื่อที่สะสมในรอยพับ
สิวผดเกิดจากอะไร?
สิวผดเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ? ปัญหาสิวผดมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งกระตุ้นภายนอกที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง มีรูขุมขนอุดตัน หรือเป็นปัจจัยจากภายในอย่างฮอร์โมนหรือการเจริญเติบโตที่มากเกินไปของเชื้อรา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดสิวผดได้ดังนี้
แสงแดด
แสงแดดอาจไม่ได้เป็นปัจจัยหลักโดยตรงของการเกิดสิวผด แต่ความร้อนและรังสียูวีจากแสงแดด สามารถกระตุ้นให้ผิวผลิตเหงื่อและน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้น ทำให้สภาพผิวมีความร้อนและอับชื้น ส่งผลให้เกิดสิวผดได้ง่ายขึ้นหลังการสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
เชื้อรา
เชื้อรา Malassezia เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด และมักเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความชื้นสูง เหงื่อออกเยอะ หรือมีความมันที่มากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่มสิวผดขึ้นมาได้
สภาพผิวที่อ่อนแอ
หรือเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง ทำให้ผิวไม่สามารถรักษาสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวได้ดีเท่าที่ควร เมื่อเกราะป้องกันผิวเสียหาย ผิวจะไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ รวมถึงการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเชื้อรา Malassezia ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นหรือตุ่มคล้ายสิวผดขึ้นมา
ฝุ่น PM 2.5
ฝุ่นหรือ PM 2.5 เป็นมลภาวะขนาดเล็กที่สามารถเกาะติดบนผิวหนังของเราได้ แม้จะไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของสิวผด แต่ฝุ่นเหล่านี้สามารถอุดตันรูขุมขน และนำพาสิ่งสกปรกหรือสารระคายเคืองต่างๆ มาสู่ผิว ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองผิวหนังโดยรวม
การล้างหน้าผิดวิธี
เช่น การล้างหน้าบ่อยหรือรุนแรงเกินไป และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งตึงมากเกินไป อาจไปทำลายสมดุลของเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ระคายเคืองง่าย อ่อนแอลง ทำให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia ที่เป็นสาเหตุของสิวผด
สิวผดและสิวอุดตันต่างกันอย่างไร
สิวผดและสิวอุดตันเป็นปัญหาผิวที่หลายคนสับสน แต่ความจริงแล้วมีสาเหตุ ลักษณะ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- สิวผด (Malassezia Folliculitis) : สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มจำนวนผิดปกติของเชื้อรา Malassezia ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นบนผิวหนัง เมื่อเชื้อราเหล่านี้มีมากเกินไป จะเข้าไปกระตุ้นให้รูขุมขนเกิดการอักเสบ ลักษณะของสิวผดมักจะเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน อาจมีหรือไม่มีหัวหนองเล็ก ๆ ปรากฏให้เห็น ที่สำคัญคือมักมีอาการคันร่วมด้วย โดยเฉพาะในสภาวะที่ผิวหนังมีความร้อน เหงื่อออกมาก หรือมีความอับชื้นสูง บริเวณที่พบบ่อยได้แก่ หน้าผาก แนวไรผม หน้าอกส่วนบน และแผ่นหลัง
- สิวอุดตัน (Comedones) : เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วและไขมันที่ผลิตออกมามากเกินไป แบ่งออกเป็นสองชนิดหลัก ดังนี้
- สิวหัวดำ (Open Comedones) : มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่มีรูเปิดออกสู่ผิวหนัง ทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันทำปฏิกิริยากับอากาศ (Oxidation) จนกลายเป็นสีดำ
- สิวหัวขาว (Closed Comedones) : มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง โดยที่รูขุมขนที่เปิดออกสู่ผิวมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็น ทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกถูกกักเก็บอยู่ภายใน สิวอุดตันทั้งสองชนิดนี้ไม่มีอาการคันเป็นหลัก และมักพบบนใบหน้าเป็นส่วนใหญ่
วิธีรักษาสิวผดโดยแพทย์
การรักษาสิวผดควรพิจารณาปัจจัยที่กระตุ้นร่วมด้วย เช่น ความร้อน การระคายเคือง หรือเชื้อรา เพื่อให้ได้แนวทางการรักษาที่ตรงจุด โดยแพทย์ผิวหนังจะเลือกใช้วิธีรักษาที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรงของสิวผดแต่ละบุคคล
การรักษาด้วยยาทา
แพทย์มักจะพิจารณาให้ใช้ยาทาฆ่าเชื้อราเป็นลำดับแรก ซึ่งการยาทาเหล่านี้จะช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia บนผิวหนัง หรือครีมกลุ่มอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา และควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น
การรักษาด้วยยารับประทาน
ในกรณีที่สิวผดมีอาการรุนแรงและกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง หรือไม่ตอบสนองต่อยาทา แพทย์อาจพิจารณาให้ ยารับประทานฆ่าเชื้อรา เช่น ยาอิทราโคนาโซล (Itraconazole) หรือยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) โดยทั่วไปแล้วจะใช้ยาในระยะเวลาสั้น ๆ ตามที่แพทย์กำหนด เพื่อลดปริมาณเชื้อราในร่างกายอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การใช้ยารับประทานจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงได้
การทำโปรแกรมเลเซอร์รักษาสิวผด
การทำโปรแกรมเลเซอร์ไม่ได้เป็นวิธีหลักในการรักษาสิวผดโดยตรง แต่ในบางกรณีแพทย์อาจใช้โปรแกรมเลเซอร์กลุ่มที่มีผลช่วยลดความมันบนใบหน้า หรือโปรแกรมเลเซอร์ที่ช่วยปรับสภาพผิว เพื่อลดปัจจัยที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเพื่อแก้ไขรอยแดง รอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวผดหายไป
ปรึกษาแพทย์รักษาสิว
การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องว่าผื่นที่เกิดขึ้นเป็นสิวผดจริงหรือไม่ เนื่องจากผื่นผิวหนังอื่นๆ อาจมีลักษณะคล้ายกัน และเพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของอาการ ซึ่งการซื้อยามาใช้เองโดยไม่มีการวินิจฉัยที่ถูกต้องอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือทำให้อาการแย่ลงได้
วิธีการรักษาสิวผดด้วยตัวด้วย
นอกจากการปรึกษาแพทย์แล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยควบคุมและลดปัญหาสิวผดได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและดูแลสุขอนามัยของผิวหนังให้เหมาะสม
ล้างหน้าให้ถูกวิธี
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน โดยมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว และปราศจากสารระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นก็เพียงพอแล้ว และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรงๆ เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ซึ่งอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาหารชนิดใดที่ส่งผลกระทบต่อการเกิดสิวผดโดยตรง แต่การรับประทานอาหารที่สมดุลมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพผิวโดยรวม ควรเน้นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีใยอาหารสูง เพื่อรักษาสมดุลของระบบขับถ่าย และอาจพิจารณาหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบ เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลของเชื้อต่างๆ บนผิว
งดการจับ บีบ หรือแกะสิว
การจับ บีบ หรือแกะสิวผดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ทำให้สิวผดลุกลาม แย่ลง และอาจทิ้งรอยแดง รอยดำ หรือรอยแผลเป็นไว้บนผิวได้ นอกจากนี้ มือของเรายังเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนและปัญหาสิวแย่ลงไปอีก
หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน
แสงแดดและความร้อนไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของสิวผด แต่เป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ จึงควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดเป็นเวลานาน สวมหมวก หรืออยู่ในที่ร่ม และทาครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
เกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสมดุลของผิวและปกป้องจากการรุกรานของเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ หรือกรดไฮยาลูรอนิก จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และทนทานต่อปัจจัยกระตุ้นภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่เชื้อราจะเจริญเติบโตผิดปกติ
พักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด
ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีภาวะเครียด ฮอร์โมนอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น หรือทำให้สมดุลของจุลินทรีย์บนผิวเสียไป ทำให้เอื้อต่อการเกิดสิวผดได้ ดังนั้น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและการจัดการความเครียดจึงมีความสำคัญ
เลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีสูตรอ่อนโยน ปราศจากส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขน เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน นอกจากนี้ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันบางชนิดที่อาจเป็นแหล่งอาหารของเชื้อรา Malassezia เพื่อลดปัจจัยส่งเสริมการเกิดสิวผด
ทำความสะอาดสิ่งของที่ต้องสัมผัสกับใบหน้า
สิ่งของในชีวิตประจำวันที่สัมผัสกับใบหน้าโดยตรง เช่น ปลอกหมอน ผ้าขนหนู หน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือแปรงแต่งหน้า ล้วนเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และสิ่งสกปรก การทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้เป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่จะไปกระตุ้นหรือทำให้อาการสิวผดแย่ลง
หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคือง
ยาหรือครีมบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่มสเตียรอยด์ หากใช้เป็นเวลานานเกินไปหรือใช้ไม่ถูกกับสภาพผิว อาจทำให้ผิวบางลง อ่อนแอลง หรือไปรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เชื้อรา Malassezia เจริญเติบโตได้ดีขึ้นและทำให้อาการสิวผดแย่ลง ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาหรือครีมใดๆ กับใบหน้า
เปิดใจให้โทนเนอร์
โทนเนอร์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผิวได้ หากเลือกใช้ให้ถูกประเภท ควรเลือกโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และมีส่วนผสมที่อ่อนโยน ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวหลังล้างหน้า และเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ไม่ควรใช้โทนเนอร์ที่มีฤทธิ์รุนแรงหรือมีส่วนผสมที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและปัญหาสิวผดแย่ลงได้
สรุป
บทความนี้อาจช่วยคลายข้อสงสัยไปได้บ้างว่าสิวผดเกิดจากอะไร ซึ่งสิวผดเป็นปัญหาผิวที่มักเกิดจากการระคายเคือง ความร้อน หรือการอุดตันจากเหงื่อและสิ่งสกปรก มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ กระจายตัว ไม่มีหัวชัดเจน การดูแลสิวผดจึงเน้นที่การลดปัจจัยกระตุ้น เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และรักษาความสะอาดของผิวอย่างเหมาะสม หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
Post Info
Social Media