BMI คืออะไร? เข้าใจง่าย พร้อมวิธีวัดค่าดัชนีมวลกายด้วยตัวเอง

bmi คือ

Body Mass Index หรือ BMI คือ เครื่องมือพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์และโภชนาการ เพื่อประเมินว่าร่างกายของเราอยู่ในภาวะปกติ น้ำหนักน้อย น้ำหนักเกิน หรืออ้วน โดยไม่ต้องพึ่งการตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก เพราะสุขภาพที่ดีไม่ได้มีการประเมินจากสายตาเพียงอย่างเดียว

วิธีวัดค่าดัชนีมวลกายนั้นไม่ต้องมีการใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง ไม่ต้องมีการพึ่งเทคโนโลยีให้ซับซ้อน สามารถทำได้เองที่บ้านและใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที เพราะใช้เพียงการคำนวณจากน้ำหนักตัวและส่วนสูงเท่านั้น เพื่อให้ทราบถึงสถานะสุขภาพและเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม

เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง

BMI คืออะไร? สำคัญยังไง

ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) หรือ BMI คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับส่วนสูงของบุคคล โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งการคำนวณค่า BMI คือเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพในการบ่งชี้ว่าบุคคลนั้น ๆ มีภาวะน้ำหนักน้อย น้ำหนักปกติ น้ำหนักเกิน หรือเข้าสู่ภาวะโรคอ้วนหรือไม่ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง (เช่น ไม่ได้คำนึงถึงมวลกล้ามเนื้อ) แต่ค่านี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่แพทย์และนักโภชนาการใช้ในการวินิจฉัยและติดตามแนวโน้มสุขภาพของประชากรในวงกว้าง

ความสำคัญของ BMI อยู่ที่ความสามารถในการประเมินความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว เมื่อค่า BMI สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน จะมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อ โรคเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases – NCDs) ต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, ภาวะความดันโลหิตสูง, และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การทราบค่า BMI ของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตระหนักถึงสถานะสุขภาพ และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตอย่างจริงจังก่อนที่ความเสี่ยงจะพัฒนาไปสู่โรคร้ายแรง

ค่า BMI ของผู้ชายและผู้หญิง ต่างกันยังไง

ค่า BMI ของผู้ชายและผู้หญิง ไม่มีความแตกต่างกันในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะสูตรคำนวณ BMI นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นเครื่องมือสากล โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันในการประเมินสภาวะน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แม้ว่าตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงจะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่สูงกว่าผู้ชาย และมีโครงสร้างมวลกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน แต่สูตรการคำนวณ BMI ซึ่งใช้เพียงน้ำหนักและส่วนสูงเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงความแตกต่างทางเพศ หรือองค์ประกอบร่างกายเชิงลึก เช่น ปริมาณไขมันและกล้ามเนื้อ

ดังนั้น ทั้งสองเพศจึงใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในการจัดประเภทว่าอยู่ในเกณฑ์ ผอม, ปกติ, น้ำหนักเกิน หรืออ้วน อย่างไรก็ตาม การทราบค่า BMI เป็นเพียงการบ่งชี้แนวโน้มความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันเท่านั้น หากต้องการข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้นเพื่อวางแผนสุขภาพอย่างละเอียด จึงจำเป็นต้องใช้การวัดค่าอื่น ๆ เช่น เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย (Body Fat Percentage) เข้ามาประกอบด้วย

สูตรคำนวณ BMI ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

เมื่อเราทราบแล้วว่า BMI คือเครื่องมือสำคัญในการประเมินความสมดุลของร่างกาย การคำนวณค่านี้ด้วยตนเองก็เป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่มีน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม และส่วนสูงเป็นเมตรเท่านั้น คุณก็สามารถทราบสถานะสุขภาพเบื้องต้นของคุณได้ในทันที

สูตรคำนวณดัชนีมวลกาย

BMI = น้ำหนักตัว ÷ (ส่วนสูง)²

ตัวอย่างการคำนวณจริง

สมมุติว่า คุณหนัก 60 กิโลกรัม และสูง 165 เซนติเมตร (แปลงเป็น 1.65 เมตร) จะสามารถคำนวณได้คือ

ตัวอย่างที่ 1 คำนวณดัชนีมวลกาย

BMI = 60 ÷ (1.65)² = 22.03

ผลลัพธ์คือ อยู่ในเกณฑ์ปกติ (สำหรับคนไทย)

ตารางค่า BMI เช็กว่าอยู่ในเกณฑ์ไหน

การตีความค่า BMI ที่คำนวณได้นั้นสำคัญพอ ๆ กับการคำนวณเอง เพราะตัวเลขที่ออกมาจะบอกสถานะสุขภาพและระดับความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดการแบ่งระดับสถานะทางโภชนาการไว้ดังตารางนี้ เพื่อให้คุณสามารถประเมินตนเองได้อย่างชัดเจนและรู้แนวทางเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพ

 

ช่วงค่า BMI

การแปลผลตามเกณฑ์ WHO

(สำหรับชาวเอเชีย)

ความเสี่ยงต่อสุขภาพ

น้อยกว่า 18.5

น้ำหนักน้อย/ผอมเกินไป

ต่ำ (แต่เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารและภูมิคุ้มกันต่ำ)

18.5 – 22.9

น้ำหนักปกติ (สมส่วน)

ต่ำที่สุด

23.0 – 24.9

น้ำหนักเกินเกณฑ์

เพิ่มขึ้น

25.0 – 29.9

โรคอ้วนระดับ 1

เพิ่มขึ้นอย่างมาก

30.0 ขึ้นไป

โรคอ้วนระดับ 2

สูง/สูงมาก (เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง)

 

ข้อจำกัดของ BMI

แม้ว่า BMI จะเป็นเครื่องมือที่รวดเร็วและเป็นสากล แต่ก็มีข้อจำกัดที่สำคัญ เนื่องจากสูตรคำนวณใช้เพียงน้ำหนักรวมและส่วนสูงเท่านั้น ไม่ได้วัดองค์ประกอบร่างกายที่แท้จริง ซึ่งหมายความว่า BMI อาจให้ผลการประเมินที่ไม่แม่นยำในบางกลุ่มคน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะสุขภาพได้ โดยมีข้อจำกัดดังนี้
  • ไม่แยกมวลกล้ามเนื้อและไขมัน กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน ดังนั้น นักกีฬาหรือนักเพาะกายที่มีมวลกล้ามเนื้อสูงมาก อาจมีค่า BMI สูงถึงระดับ “อ้วน” ทั้งที่จริงแล้วมีไขมันในร่างกายต่ำและมีสุขภาพที่ดี
  • ไม่ได้คำนึงถึงการกระจายไขมัน BMI ไม่สามารถบอกได้ว่าไขมันไปสะสมอยู่ส่วนใดของร่างกาย ซึ่งไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้อง (Visceral Fat หรือไขมันในช่องท้อง) นั้นอันตรายต่อสุขภาพและสัมพันธ์กับโรคหัวใจและเบาหวานมากกว่าไขมันส่วนอื่น ๆ
  • ไม่เหมาะสมกับประชากรบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุที่มักสูญเสียมวลกล้ามเนื้อตามวัย (Muscle Wasting) แต่มีไขมันส่วนเกินสะสมมากขึ้น ทำให้ค่า BMI อาจดูปกติ แต่ความเสี่ยงสุขภาพสูงกว่าความเป็นจริง, เด็กและวัยรุ่นที่ต้องใช้เกณฑ์ Percentile เทียบตามอายุและเพศ ไม่สามารถใช้เกณฑ์ของผู้ใหญ่ได้โดยตรง หรือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและสรีรวิทยาอย่างชัดเจน จึงใช้ค่า BMI ไม่ได้

ถ้าค่า BMI ไม่อยู่ในเกณฑ์ ควรทำอย่างไร?

หลังจากทุกคนได้คำนวณค่า BMI (ดัชนีมวลกาย) ได้แล้ว พบว่าค่าที่ออกมาไม่อยู่ในช่วงปกติ เช่น ต่ำกว่า 18.5 หรือเกินกว่า 23.0 อย่าเพิ่งตกใจ ค่า BMI ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ไม่ได้หมายความว่าสุขภาพแย่ แต่มันคือสัญญาณเตือนเบื้องต้นที่บอกให้เริ่มหันมาสำรวจพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปรับการดูแลตัวเองให้เหมาะสมยิ่งขึ้นมากกว่า การแก้ไขควรทำอย่างมีสติและถูกวิธี โดยแบ่งการจัดการออกเป็นสองกรณีดังนี้

กรณี BMI ต่ำ (น้ำหนักน้อย)

การมีน้ำหนักน้อยเกินไปก็มีความเสี่ยงทางสุขภาพไม่แพ้กัน เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาการขาดสารอาหาร ภูมิคุ้มกันต่ำ และความแปรปรวนของฮอร์โมน (เช่น ประจำเดือนขาดในผู้หญิง) รวมถึงความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน โดยเบื้องต้น สามารถปรับตัวได้ดังนี้
  • เน้นอาหารคุณภาพ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นการเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะกลุ่มสารอาหารที่ช่วยสร้างมวลกาย
  • เพิ่มพลังงานเชิงคุณภาพ โฟกัสไปที่โปรตีน (เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ไข่, ถั่ว), ไขมันดี (อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก), และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง, โฮลวีท)
  • เสริมกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายแบบฝึกความต้านทาน (Resistance Training) หรือยกน้ำหนัก เพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวอย่างมีคุณภาพด้วยการสร้างกล้ามเนื้อแทนไขมัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายและการสร้างมวลกล้ามเนื้อ

กรณี BMI สูง (น้ำหนักเกิน/อ้วน)

ค่า BMI ที่สูงเกินเกณฑ์เป็นการบ่งชี้ถึงการสะสมไขมันที่มากเกินไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, ปัญหาข้อเข่าเสื่อม และไขมันพอกตับ โดยเบื้องต้น สามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้
  • ปรับพฤติกรรมการกิน ลดอาหารแปรรูปขั้นสูง (UPF), ของทอด, ของหวาน, และเครื่องดื่มรสหวานจัด
  • เพิ่มใยอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้สด และธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole Grains) เพื่อช่วยให้อิ่มนานขึ้นและดีต่อระบบขับถ่าย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดินเร็ว, ว่ายน้ำ, หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ควบคู่ไปกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • ดื่มน้ำและจัดการความเครียด ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอตลอดวัน และฝึกจัดการความเครียด เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นการกินมากเกินไปได้
แชร์ :

สรุปบทความ

BMI คือ ดัชนีมวลกาย ซึ่งเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ทรงประสิทธิภาพและทุกคนสามารถใช้ประเมินสถานะสุขภาพเบื้องต้นได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เพียงการคำนวณน้ำหนักและส่วนสูงเท่านั้น ค่า BMI ที่อยู่ในช่วงปกติ (18.5 – 22.9) บ่งชี้ว่าคุณมีน้ำหนักที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงต่ำต่อโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักเกินหรือผอมเกินไป แม้ว่าค่า BMI จะมีข้อจำกัดด้านการไม่สามารถแยกมวลกล้ามเนื้อออกจากไขมัน หรือไม่สะท้อนการกระจายไขมันในร่างกาย แต่ก็ยังคงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการตระหนักถึงความเสี่ยงและวางแผนดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

หากผลลัพธ์ BMI ของคุณบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการแก้ไข หรือคุณต้องการปรับสัดส่วนร่างกายอย่างเฉพาะเจาะจงที่นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพทั่วไป AM International Hospital พร้อมมอบทางออกทางการแพทย์ที่ครอบคลุม เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านรูปร่างพร้อมเครื่องมือและเทคโนโลยีหลากหลาย เพื่อให้บริการปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับรายบุคคลดูแลให้ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ระยะยาว บริการของเราครอบคลุมตั้งแต่การดูดไขมัน, โปรแกรมเติมไขมัน, โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์, โปรแกรมตัดหนังหน้าท้อง, จนถึงโปรแกรมเสริมหน้าอก เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีในการปรับปรุงสัดส่วน

กรอกฟอร์ม ปรึกษาหมอ ฟรี!

Thank You!

You details has been successfully submitted. Thanks!

ขอบคุณ!

ข้อมูลของคุณถูกส่งเรียบร้อยแล้ว 

ขอบคุณข้อเสนอแนะติชม