จองคิว / แอดไลน์
ไขข้อสงสัย สะดือเหม็นเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรได้บ้าง มีวิธีดูแลยังไง
อาการสะดือเหม็นเป็นปัญหาที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจและรู้สึกไม่สบายตัว กลิ่นไม่พึงประสงค์นี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่สุขอนามัยที่ไม่เพียงพอไปจนถึงภาวะทางการแพทย์ที่ซับซ้อน ซึ่งการทำความเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้สามารถดูแลและรับมือได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของปัญหา รวมไปถึงวิธีการรับมือกับสะดือเหม็น แก้ยังไงได้บ้าง เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่มีแนวทางการรักษา หรือการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม
สาเหตุที่ทำให้สะดือเหม็นเกิดจากอะไร
ปัญหาสะดือเหม็นเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
การติดเชื้อแบคทีเรีย
สะดือเป็นบริเวณที่อบอุ่นและอับชื้น ทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ดีของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อมีการสะสมของเหงื่อ สิ่งสกปรก หรือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว จะเป็นอาหารให้แบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและมีกลิ่นเหม็น รวมถึงอาจมีปัญหาสะดือเหม็นร่วมกับมีหนองหรือของเหลวไหลซึมออกมาด้วย
xการติดเชื้อรา
ในกรณีนี้จะคล้ายกับการติดเชื้อแบคทีเรีย บริเวณสะดือที่อับชื้นและไม่ได้รับการระบายอากาศที่ดี ก็เป็นสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อรากลุ่มยีสต์ เช่น Candida ซึ่งมักทำให้เกิดอาการคัน มีผื่นแดง และมีกลิ่นอับหรือกลิ่นเปรี้ยวร่วมด้วย
โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และยังเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้สะดือมีการติดเชื้อและมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง
การผ่าตัด
ในบางกรณี หลังจากการผ่าตัดบริเวณหน้าท้องหรือช่องท้อง อาจมีการตกค้างของสารคัดหลั่ง เลือด หรือเนื้อเยื่อที่ตายแล้วในบริเวณสะดือ หากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสมหรือไม่ระบายออกไป อาจเกิดการสะสมและการติดเชื้อขึ้น ทำให้มีกลิ่นเหม็นตามมา
ภาวะปัสสาวะรั่วออกทางสะดือ (Patent Urachus)
เป็นภาวะผิดปกติแต่กำเนิดที่พบไม่บ่อย โดยท่อสะดือ (Urachus) ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับสะดือในทารกในครรภ์ไม่ปิดสนิทหลังคลอด ทำให้ปัสสาวะสามารถไหลย้อนกลับออกมาทางสะดือได้ ซึ่งจะทำให้สะดือเปียกชื้นตลอดเวลาและมีกลิ่นปัสสาวะหรือกลิ่นเหม็นจากการติดเชื้อ
ซีสต์ในสายสะดือ (Urachal Cyst)
ผู้ที่เป็นถุงน้ำหรือซีสต์ที่เกิดขึ้นในส่วนที่เหลือของท่อสะดือ หากซีสต์นี้เกิดการติดเชื้อขึ้น ก็จะทำให้มีอาการปวด บวม แดง และอาจมีหนองหรือของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากสะดือได้
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst)
เป็นถุงซีสต์ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันและเซลล์ผิวหนังสะสมอยู่ภายใน ซีสต์ชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนร่างกาย รวมถึงบริเวณรอบสะดือ หากซีสต์เกิดการติดเชื้อหรือแตกออก สารคัดหลั่งภายในที่มีลักษณะคล้ายชีสจะไหลออกมาและมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
การสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
สะดือมีลักษณะเป็นซอกลึก ทำให้เป็นบริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ขน หรือขุยผ้า สามารถเข้าไปสะสมอยู่ภายใน เมื่อรวมกับเหงื่อและความชื้น จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อและทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แม้จะยังไม่เกิดการติดเชื้อรุนแรงก็ตาม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
การใช้สบู่ แชมพู หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารเคมีที่รุนแรง หรือก่อให้เกิดการระคายเคือง อาจทำให้ผิวบริเวณสะดือแห้ง ระคายเคือง หรือเกิดการแพ้ ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง และเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเจริญเติบโตจนเกิดกลิ่นเหม็นตามมาได้
การสะสมของเหงื่อและสิ่งสกปรก
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการทำความสะอาดสะดือไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสะสมของเหงื่อ สิ่งสกปรก คราบสบู่ หรือใยผ้าในซอกสะดือ เมื่อสิ่งเหล่านี้รวมตัวกันในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น ก็จะเกิดการหมักหมมและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ทำให้เกิดปัญหาสะดือเหม็นได้ง่าย
สะดือเหม็นอาจเป็นสัญญาณของโรคอะไร
แม้ปัญหาสะดือเหม็นจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เช่น การติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียหรือเชื้อรา รวมถึงภาวะที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น Patent Urachus ที่อาจทำให้มีของเหลวผิดปกติรั่วออกจากสะดือได้ นอกจากนี้ยังอาจพบในผู้ที่มีซีสต์ สะดืออักเสบจากการผ่าตัด หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง หากมีอาการร่วม เช่น เจ็บ บวม มีหนอง หรือกลิ่นแรงผิดปกติ ดังนั้น หากรู้สึกว่ามีอาการสะดือเหม็นผิดปกติควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุ
เคล็ดลับการดูแลและทำความสะอาดสะดือ
การดูแลและทำความสะอาดสะดืออย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสะดือเหม็น และช่วยรักษาสุขอนามัยของสะดือให้ดีขึ้นได้ โดยวิธีการรักษาความสะอาดมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
ล้างสะดือเป็นประจำ
ควรทำความสะอาดสะดืออย่างน้อยวันละครั้งขณะอาบน้ำ โดยใช้สบู่ที่อ่อนโยนและน้ำสะอาด การใช้คอตตอนบัดชุบน้ำสบู่ถูเบา ๆ ในซอกสะดือ หรือใช้นิ้วมือทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด และซับให้แห้งสนิทด้วยผ้าขนหนูที่สะอาด การปล่อยให้สะดืออับชื้นเป็นสาเหตุหลักของการสะสมของเชื้อโรค
เลือกใช้สบู่และผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง
ควรเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม สารเคมีรุนแรง หรือสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองและทำลายสมดุลของผิวหนังบริเวณสะดือ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรุนแรงเกินไป หากไม่มีความจำเป็น เพราะอาจทำลายแบคทีเรียดีๆ บนผิว และทำให้ผิวระคายเคืองได้
ซักเสื้อผ้าให้สะอาด
เสื้อผ้าโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สัมผัสกับบริเวณสะดือโดยตรง ควรได้รับการซักทำความสะอาดเป็นประจำด้วยผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่อ่อนโยน และตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาสวมใส่ การสวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรกหรืออับชื้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลให้สะดือมีกลิ่นเหม็นได้
รักษาความสะอาดภายหลังออกกำลังกาย
หลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะในบริเวณหน้าท้องและสะดือ ควรอาบน้ำชำระร่างกาย หรืออย่างน้อยใช้ผ้าสะอาดซับเหงื่อและทำความสะอาดบริเวณสะดือให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการสะสมของเหงื่อไคล ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
การรักษาปัญหาสะดือเหม็น
การรักษาสะดือเหม็นจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุของปัญหา การวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกจุดและมีประสิทธิภาพ
การรักษาสะดือเป็นจากภาวะติดเชื้อ
หากสะดือเหม็นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา แพทย์จะพิจารณาจ่ายยาที่เหมาะสมเพื่อกำจัดเชื้อเหล่านั้น เช่น ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นรูปแบบยาทาหรือยารับประทาน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ และยาต้านเชื้อรา (Antifungals) สำหรับการติดเชื้อรา ซึ่งมีทั้งแบบครีมทาและยารับประทาน การทำความสะอาดบริเวณสะดืออย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นควบคู่ไปด้วย
การรักษาสะดือเป็นจากโรคเบาหวาน
ในกรณีที่สะดือเหม็นเป็นผลมาจากโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี การรักษาหลักคือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างเคร่งครัดตามแผนการรักษาของแพทย์ ซึ่งอาจรวมถึงการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ยารับประทาน หรือการฉีดอินซูลิน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น ร่างกายจะสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น และอาการสะดือเหม็นก็จะลดลงหรือหายไป
การรักษาสะดือเป็นจากภาวะปัสสาวะรั่วออกทางสะดือ
ภาวะปัสสาวะรั่วออกทางสะดือเป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่ท่อสะดือไม่ปิดสนิท การรักษาภาวะนี้มักจะต้องใช้วิธี การผ่าตัด เพื่อปิดท่อสะดือที่ยังคงเปิดอยู่ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัสสาวะไหลออกมาทางสะดือได้อีก ทำให้ปัญหาความชื้น การติดเชื้อ และกลิ่นเหม็นที่เกิดจากสาเหตุนี้หมดไป
การรักษาสะดือเป็นจากซีสต์ในสายสะดือ
ซีสต์ในสายสะดือ คือถุงน้ำที่เกิดขึ้นในส่วนที่เหลือของท่อสะดือ หากซีสต์นี้เกิดการติดเชื้อและทำให้สะดือมีกลิ่นเหม็น การรักษาเบื้องต้นอาจรวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การรักษาที่เด็ดขาดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำคือการผ่าตัดเอาซีสต์ออก ซึ่งจะช่วยขจัดแหล่งสะสมของเชื้อโรคและของเหลวที่ก่อให้เกิดกลิ่น
การรักษาสะดือเป็นจากซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังสามารถเกิดขึ้นได้รอบสะดือ เมื่อซีสต์นี้มีการติดเชื้อหรือแตกออก จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ การรักษาซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังที่มีการติดเชื้อ อาจเริ่มต้นด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการอักเสบ จากนั้นแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาซีสต์ออกทั้งก้อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำและการสะสมของไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอีก
สรุป
อาการสะดือเหม็นเกิดได้จากหลายสาเหตุ หลักๆ คือการสะสมของเหงื่อ สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในบริเวณที่อับชื้นนี้ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน หรือความผิดปกติแต่กำเนิดอย่างท่อสะดือไม่ปิดสนิท การดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เช่น การล้างและซับให้แห้งอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น ปวด บวม หรือมีหนอง หลายคนอาจเริ่มกังวลว่า สะดือเหม็นปกติไหม ในกรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
Post Info
Social Media
