เคยเสียเซลฟ์กับปัญหารูปหน้ากันบ้างหรือไม่ ? หากใครที่กำลังเผชิญปัญหาใบหน้าไม่ได้รูป มีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือหน้าบาน ปัญหาเหล่านี้สามารถฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ด้วยการลิฟกรอบหน้า ซึ่งในปัจจุบันนี้มีให้เลือกทำได้หลายวิธีตั้งแต่การฉีดไปจนถึงการใช้เทคโนโลยียกกระชับผิว แน่นอนว่าแต่ละวิธีคงมีข้อดีและข้อกำจัดที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการลิฟกรอบหน้า มีข้อห้ามไหม อยู่ได้กี่เดือน และข้อมูลอื่น ๆ ควรทราบก่อนใช้บริการเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
เลือกอ่านตามหัวข้อด้านล่าง
ลิฟกรอบหน้าคืออะไร
การลิฟกรอบหน้า คือ หัตถการหรือเทคนิคที่ช่วยยกกระชับผิวบริเวณแนวกรามและคางจากโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว เพื่อให้ใบหน้าดูชัด คม และเรียวขึ้น โดยทั่วไปจะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น คลื่นอัลตราซาวนด์ คลื่นวิทยุ หรือไหมละลายชนิดต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน สำหรับการเห็นผลลัพธ์ของการลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผลนั้นขึ้นอยู่หลายปัจจัย เช่น สภาพผิว พฤติกรรมการดูแลตัวเอง อายุ รวมไปถึงประเภทของเทคโนโลยีการยกกระชับที่เลือกใช้
ลิฟกรอบหน้าช่วยเรื่องอะไรบ้าง
การลิฟกรอบหน้าช่วยอะไรบ้าง ? สำหรับการลิฟกรอบหน้าไม่ได้ช่วยแค่ช่วยการยกกระชับผิว แต่ยังสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับรูปหน้า เช่น
- ยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวและได้สัดส่วนมากขึ้น
- ลดความหย่อนคล้อยของผิวช่วงแนวกรามและใต้คาง
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใสขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนในชั้นผิว
- เพิ่มความมั่นใจเมื่อแต่งหน้าและถ่ายภาพ เพราะกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
ใครที่เหมาะกับการลิฟกรอบหน้า
หัตถการลิฟกรอบหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความหย่อนคล้อยของผิว หรือโครงหน้าที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหาแนวกรามไม่ชัด รู้สึกว่าใบหน้าดูกลม หรือบาน
- ผู้ที่มีเหนียงเล็กน้อยหรือเริ่มมีแก้มห้อย ไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีสัญญาณของการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน
- ผู้ที่เคยลดน้ำหนักมากแล้วใบหน้าดูหย่อน ไม่กระชับ
- คนที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่พึ่งศัลยกรรม
รวมวิธีลิฟกรอบหน้า ยกหน้ากระชับ ไม่ต้องพักฟื้น
การลิฟกรอบหน้าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป เพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายประเภทที่จะช่วยยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัดหรือไม่อยากเจ็บตัวจากการศัลยกรรม อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีก็จะมีทั้งข้อดีและข้อกำจัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า
การฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์บริเวณกรอบหน้าหรือแนวกรามจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้ใบหน้าดูกว้าง เช่น กล้ามเนื้อกราม หรือกล้ามเนื้อที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เมื่อฉีดแล้วจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและเข้ารูปมากขึ้น เห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น เริ่มเห็นผลหลังทำประมาณ 3-7 วัน แต่ผลลัพธ์อยู่ได้เพียงชั่วคราว (ประมาณ 4-6 เดือน) และต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หน้าตึงเกินไปหรือไม่สมดุล
2. โปรแกรม Ultherapy
โปรแกรม Ultherapy เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound) ส่งผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า จึงช่วยฟื้นฟูการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง นอกจากนี้ยังมีระบบการรักษาผ่าหน้าจอแบบ Real Time ทำให้เกิดการรักษาที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้ราว ๆ 12-18 เดือน
อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะทำบ้าง และต้องใช้เวลา 2-3 เดือน จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
3. โปรแกรม Morpheus8
โปรแกรม Morpheus8 เป็นการผสมผสานพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เข้ากับเข็ม Microneedling ที่สามารถลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยยกกระชับพร้อมฟื้นฟูเส้นใยคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่เรียบ หรือมีรูขุมขนกว้าง ซึ่งหลังทำจะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน พร้อมให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ราว ๆ 6-12 เดือน แต่หลังทำอาจมีรอยแดงหรือรอยเข็มเล็ก ๆ บนผิว ต้องมีระยะเวลาฟื้นฟูเล็กน้อย โดยเฉพาะในคนผิวบอบบาง
4. โปรแกรม Ultraformer III
โปรแกรม Ultraformer III เป็นเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) รุ่นใหม่ที่สามารถลงลึกได้หลายระดับ ทั้งชั้นผิว ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับกรอบหน้าและลำคอ เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ถาวร ต้องทำซ้ำตามระยะเวลาที่เหมาะสม และอาจมีความรู้สึกตึงผิวระหว่างทำบ้างเล็กน้อย
5. โปรแกรม Thermage FLX
โปรแกรม Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) ที่พัฒนาให้ปล่อยพลังงานได้แม่นยำและลึกถึงชั้นหนังแท้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมและเสริมการสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า มุมปาก หรือใต้คาง ช่วยให้ผิวดูตึงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เข็มหรือมีบาดแผล ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน โดยในระหว่างทำอาจรู้สึกอุ่นผิวบริเวณที่ยิง และเนื่องจากผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏหลังการทำประมาณ 1-3 เดือน อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว
การเตรียมตัวก่อนลิฟกรอบหน้า
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการลิฟกรอบหน้าออกมาอย่ามีประสิทธิภาพ การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมก่อนเข้ารับบริการเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการปรับพฤติกรรมและดูแลผิวล่วงหน้า เช่น
- เข้ารับการประเมินสภาพผิวกับแพทย์ เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะกับปัญหาเฉพาะบุคคล
- งดการใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล กรดวิตามินเอ อย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองก่อนรับพลังงานจากเครื่องมือ
- หากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
- พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มากก่อนวันเข้ารับบริการ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
การดูแลตัวเองหลังลิฟกรอบหน้า
นอกจากการเตรียมตัวก่อนทำแล้ว การดูแลตัวเองหลังจากลิฟกรอบหน้าเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะมีผลต่อการฟื้นตัวและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้จะเกิดขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณใบหน้าในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- งดการแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์ที่ระคายเคืองผิวในวันแรกหลังทำ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความร้อนสูง เช่น เข้าซาวน่า ออกแดดจัด หรืออบไอน้ำประมาณ 3-5 วัน
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงความชุ่มชื้น
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและวิตามินซี เช่น ปลา ถั่ว ผักใบเขียว เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
- หากมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงเล็กน้อยถือเป็นอาการปกติ แต่ควรแจ้งแพทย์โดยเร็วหากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
สรุป
ลิฟกรอบหน้าเป็นเทคนิคเพื่อยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ผิวหย่อนคล้อย หรือมีไขมันสะสมใต้คางเล็กน้อย ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีให้เลือก ทั้งแบบฉีดและแบบใช้คลื่นพลังงาน เช่น โปรแกรมโบท็อกซ์ โปรแกรม Ultherapy หรือ โปรแกรม Thermage โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาเฉพาะจุด และดูแลตัวเองให้ดีหลังทำ จะช่วยให้เห็นผลชัดเจนและคงผลลัพธ์ได้ยาวนานขึ้น
Post Info
Social Media



