การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้องอย่างถูกวิธีในแต่ละช่วงเวลา ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี ลดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งแพทย์แนะนำให้มีการปฏิบัติตัว ดังนี้

ช่วง 1-3 วันแรก (The Critical Period)

ช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังดูดไขมันหน้าท้อง เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะร่างกายกำลังปรับตัวและเริ่มกระบวนการฟื้นฟู การดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิดจะช่วยลดอาการข้างเคียงและเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวในระยะต่อไป ทั้งในเรื่องแผล การใส่ชุดยกกระชับ การทานยาตามที่แพทย์สั่ง และการพักผ่อน

การดูแลแผล

หลังทำหัตการแล้ว ควรรักษาแผลให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ โดยทั่วไปจะยังไม่ให้แผลโดนน้ำโดยตรงในช่วงนี้ ควรเปลี่ยนผ้าปิดแผลตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและสังเกตอาการผิดปกติที่แผล

การใส่ชุดกระชับ

สวมชุดกระชับ (Compression Garment) ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงอาบน้ำ ชุดกระชับมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดอาการบวม ลดการเกิดช่องว่างใต้ผิวหนัง และช่วยให้ผิวหนังบริเวณที่ดูดไขมันกระชับเข้ารูปได้สวยงาม

การรับประทานยา

รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาลดบวม เพื่อป้องกันการติดเชื้อและบรรเทาอาการไม่สบายตัว

การพักผ่อน

พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มที่ และงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมตัวเอง

ช่วงสัปดาห์แรก (First Week Recovery)

เมื่อผ่านช่วง 3 วันแรกไปแล้ว ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น คุณจะเริ่มรู้สึกสบายตัวมากขึ้น แต่ยังคงต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง

อาหารที่ควรเน้น

เน้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนสูงเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ งดอาหารรสจัด เค็มจัด หวานจัด อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวม และควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อช่วยขับของเสีย

การลุกเดิน

หลังดูดไขันหน้าท้องไปแล้ว 1 สัปดาห์ เริ่มลุกเดินเบาๆ ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการบวม และป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหรือใช้แรงหน้าท้องมากเกินไป

การจัดการความบวมช้ำ

อาการบวมช้ำหลังดูดไขมันหน้าท้องเป็นเรื่องปกติ  ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง การใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ และอาจใช้การประคบเย็นเบา ๆ ในช่วง 1-3 วันแรกเพื่อช่วยลดอาการบวม

ช่วง 2-4 สัปดาห์ (Getting Back to Normal)

ในช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป ร่างกายจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นมาก อาการบวมช้ำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสามารถเริ่มกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ปกติ โดยยังต้องมีการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง

การกลับไปทำงาน (สำหรับงานออฟฟิศ)

หากเป็นงานออฟฟิศที่ไม่ได้ใช้แรงมาก สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังดูดไขมันหน้าท้อง แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้แรงหรือมีการเคลื่อนไหวมาก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจกลับไปทำงาน

การออกกำลังกาย

เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว โยคะ หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ได้ โดยหลีกเลี่ยงท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องโดยตรงหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย

การนวด RF / นวดสลายก้อนแข็ง (Endermologie)

แพทย์อาจแนะนำการทำหัตถการเสริม เช่น การนวด RF (Radiofrequency) หรือ Endermologie เพื่อช่วยลดอาการบวม ลดการเกิดพังผืดใต้ผิวหนัง สลายก้อนแข็งเล็ก ๆ และช่วยให้ผิวหนังกระชับเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

หลัง 1 เดือนขึ้นไป (Long-term Care)

หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว ร่างกายจะฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์ และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น ช่วงควรดูแลเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่และสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

การออกกำลังกายเต็มรูปแบบ สร้างกล้ามเนื้อเพื่อหุ่นที่เฟิร์มกระชับ

เมื่อแผลหายสนิทและร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ สามารถกลับไปออกกำลังกายได้เต็มรูปแบบ รวมถึงการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Weight Training) เพื่อสร้างและกระชับกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว เพื่อช่วยให้หน้าท้องเฟิร์มกระชับ และมีรูปร่างที่ดูดีในระยะยาว

การควบคุมอาหารเพื่อรักษาผลลัพธ์

หลังดูดไขมันหน้าท้องควรมีการควบคุมอาหาร ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ  โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดไขมันสะสม จะช่วยป้องกันการกลับมาของไขมันตามสัดส่วน และคงสภาพรูปร่างที่สวยงามไว้ได้อย่างยั่งยืน

การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวและรูปร่าง

หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวและรูปร่างอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ เช่น ผิวไม่เรียบเนียน มีก้อนแข็ง หรือรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการแก้ไขที่เหมาะสม